ตร.เตรียมออกหมายเรียกเจ้าของสวนขายทุเรียนอ่อนป่าละอู หลังปัดความรับผิดชอบ อ้างซื้อจากร้านอื่น

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน นายพิสิษฐ์ รื่นเกษม อายุ 55 ปี เจ้าของสถานีวิทยุชุมชน เปิดเผยว่า หลังจากเดินทางไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน โดยนำหลักฐานทุเรียนหมอนทองป่าละอูน้ำหนัก 5 กิโลกรัม (กก.) ที่ซื้อจากการเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว จัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จ.ประจวบคีรีขันธ์ บริเวณหน้าสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา มีการจำหน่ายทุเรียนป่าละอูของแท้ในราคาพิเศษ แต่พบเป็นทุเรียนอ่อนไม่มีคุณภาพ ไม่สามารถรับประทานได้นั้น ล่าสุด ได้นำสำเนาบันทึกประจำวันจาก สภ.บางพลี เดินทางไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บ้านหนองพลับ อ.หัวหิน ท้องที่เกิดเหตุแล้ว โดยพนักงานสอบสวนแจ้งว่าจะออกหมายเรียกเชิญผู้จำหน่ายมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้

 

“ได้แจ้งให้ญาติที่ จ.สมุทรปราการ นำทุเรียนอ่อนไปให้เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตร จ.สมุทรปราการ ตรวจสอบคุณภาพพร้อมทำบันทึกเป็นหลักฐานเพื่อนำมาประกอบสำนวนการสอบสวน เนื่องจากเจ้าของสวนปัดความรับผิดชอบ อ้างว่าในวันดังกล่าวมีผู้ซื้อหลายรายและอาจมีการกลั่นแกล้งด้วยการนำสติกเกอร์พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ของร้านไปติดที่ก้านทุเรียนอ่อน หรือนำทุเรียนจากพื้นที่อื่นมาย้อมแมว สำหรับการแจ้งความไม่มีเจตนาทำให้ชื่อเสียงของทุเรียนป่าละอูเสื่อมเสีย แต่เนื่องจากทุเรียนมีราคาแพงถึงลูกละ 900 บาท และหลังจากไปแจ้งความพบว่ามีประชาชนจำนวนมากประสบปัญหาเจอทุเรียนอ่อนที่ป่าละอู ดังนั้น เจ้าของสวนจะต้องตัดผลผลิตที่มีคุณภาพมาจำหน่าย เพราะที่ผ่านมาทุเรียนป่าละอูได้รับการยกระดับเป็นสินค้าคุณภาพ มีการขึ้นทะเบียนจีไอ หรือสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ และการจัดจำหน่ายมีหน่วยงานราชการร่วมกันจัดขึ้น เพื่อให้ผู้ซื้อพบผู้ขายโดยตรง” นายพิศิษฐ์กล่าว

นาวาตรี ประสิทธิ์ กาญจนวณิชย์ ประธานสหกรณ์การเกษตรห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าเจ้าของสวนทุเรียนรายดังกล่าวไม่ได้เป็นสมาชิกของสหกรณ์ฯ ขณะที่ปัจจุบันมีชาวสวนทุเรียนขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิก 50 ราย จากสวนทั้งหมดกว่า 100 ราย เนื่องจากส่วนใหญ่ชาวสวนต้องการนำทุเรียนไปขายตรงหลังจากผลผลิตได้รับความนิยมจากลูกค้า สำหรับสมาชิกของสหกรณ์ฯจะมีการควบคุมคุณภาพให้ตัดทุเรียนที่ความสุก 80% เท่านั้น หากพบมีทุเรียนอ่อนเจ้าของสวนจะถูกปรับทันที 2 แสนบาท เนื่องจากสหกรณ์ได้ทำการติดบาร์โค้ดไว้ทุกผล และหากผู้ซื้อรายใหญ่ต้องการซื้อผลผลิตจำนวนมาก จะใช้เครื่องตรวจทุเรียนอ่อนทำการสุ่มตรวจทุกครั้ง ส่วนผู้ซื้อรายใดที่อยู่ต่างจังหวัดหากประสบปัญหาทุเรียนอ่อน สหกรณ์ฯจะชดเชยให้เป็นเงินสดตามจำนวนเงินที่ซื้อ หรือนำทุเรียนมาเปลี่ยนใหม่ได้ทันที

ที่มา : มติชนออนไลน์