เผยแพร่ |
---|
“ได้แจ้งให้ญาติที่ จ.สมุทรปราการ นำทุเรียนอ่อนไปให้เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตร จ.สมุทรปราการ ตรวจสอบคุณภาพพร้อมทำบันทึกเป็นหลักฐานเพื่อนำมาประกอบสำนวนการสอบสวน เนื่องจากเจ้าของสวนปัดความรับผิดชอบ อ้างว่าในวันดังกล่าวมีผู้ซื้อหลายรายและอาจมีการกลั่นแกล้งด้วยการนำสติกเกอร์พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ของร้านไปติดที่ก้านทุเรียนอ่อน หรือนำทุเรียนจากพื้นที่อื่นมาย้อมแมว สำหรับการแจ้งความไม่มีเจตนาทำให้ชื่อเสียงของทุเรียนป่าละอูเสื่อมเสีย แต่เนื่องจากทุเรียนมีราคาแพงถึงลูกละ 900 บาท และหลังจากไปแจ้งความพบว่ามีประชาชนจำนวนมากประสบปัญหาเจอทุเรียนอ่อนที่ป่าละอู ดังนั้น เจ้าของสวนจะต้องตัดผลผลิตที่มีคุณภาพมาจำหน่าย เพราะที่ผ่านมาทุเรียนป่าละอูได้รับการยกระดับเป็นสินค้าคุณภาพ มีการขึ้นทะเบียนจีไอ หรือสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ และการจัดจำหน่ายมีหน่วยงานราชการร่วมกันจัดขึ้น เพื่อให้ผู้ซื้อพบผู้ขายโดยตรง” นายพิศิษฐ์กล่าว
นาวาตรี ประสิทธิ์ กาญจนวณิชย์ ประธานสหกรณ์การเกษตรห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าเจ้าของสวนทุเรียนรายดังกล่าวไม่ได้เป็นสมาชิกของสหกรณ์ฯ ขณะที่ปัจจุบันมีชาวสวนทุเรียนขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิก 50 ราย จากสวนทั้งหมดกว่า 100 ราย เนื่องจากส่วนใหญ่ชาวสวนต้องการนำทุเรียนไปขายตรงหลังจากผลผลิตได้รับความนิยมจากลูกค้า สำหรับสมาชิกของสหกรณ์ฯจะมีการควบคุมคุณภาพให้ตัดทุเรียนที่ความสุก 80% เท่านั้น หากพบมีทุเรียนอ่อนเจ้าของสวนจะถูกปรับทันที 2 แสนบาท เนื่องจากสหกรณ์ได้ทำการติดบาร์โค้ดไว้ทุกผล และหากผู้ซื้อรายใหญ่ต้องการซื้อผลผลิตจำนวนมาก จะใช้เครื่องตรวจทุเรียนอ่อนทำการสุ่มตรวจทุกครั้ง ส่วนผู้ซื้อรายใดที่อยู่ต่างจังหวัดหากประสบปัญหาทุเรียนอ่อน สหกรณ์ฯจะชดเชยให้เป็นเงินสดตามจำนวนเงินที่ซื้อ หรือนำทุเรียนมาเปลี่ยนใหม่ได้ทันที
ที่มา : มติชนออนไลน์