หนุ่มระนอง สานต่ออาชีพครอบครัว ทำเกษตรผสมผสาน มีรายได้ตลอดปี

“คนรุ่นใหม่” เป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญที่เวลานี้พูดถึงกันไม่น้อยทีเดียว เพราะไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เรามักได้ยินว่า ประเทศไทยกำลังเป็นประเทศที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เพราะฉะนั้นในแต่ละบทบาทหรือการทำหน้าที่ในสังคม องค์ความรู้ และโอกาส จึงเป็นสิ่งที่ต้องมาพร้อมๆ กัน เพื่อที่ให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงถึงศักยภาพของตัวเอง ในการทำงานหลายๆ ด้าน อย่างเป็นระบบและมีความเข้มแข็งเพื่อเป็นอาชีพที่มั่นคงต่อไป

คุณวงกต ขุนทองน้อย

ในภาคการเกษตรในหลายปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าคนรุ่นใหม่ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยเห็นครอบครัวทำการเกษตรมานาน จึงเกิดความสนใจและไปเรียนในสาขาวิชาทางการเกษตรอย่างจริงจัง พร้อมทั้งนำองค์ความรู้มาปรับใช้และผสมผสานไปพร้อมๆ กับสิ่งที่ครอบครัวทำอยู่เดิม ช่วงแรกอาจจะไม่ได้ปรับเปลี่ยนมากนัก แต่ในเรื่องของการลดต้นทุนหากไม่ปรับเปลี่ยน ซึ่งการทำเกษตรแบบเดิมๆ อาจทำให้ได้ผลกำไรที่น้อยลงและขาดทุนไปเลยก็มี เพราะฉะนั้นคนรุ่นใหม่นี้เองจึงมีความสำคัญให้อาชีพทางการเกษตรคงอยู่ โดยที่พวกเขาไม่ต้องทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดไปทำงานในเมืองใหญ่ แต่กลับสามารถทำอาชีพในผืนแผ่นดินของตัวเองได้

ดินผสมใช้เอง และทำขาย

คุณวงกต ขุนทองน้อย อยู่บ้านเลขที่ 189/27 หมู่ที่ 3 ตำบล จ.ป.ร อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง จบการศึกษา สาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตพืช (พืชสวน) คณะเกษตรศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตบางพระ ถือเป็นคนรุ่นใหม่และเป็นกำลังสำคัญของครอบครัว ที่ไม่ได้อยากฉีกแนวไปร่ำเรียนหรือประกอบอาชีพอื่น แต่มีใจตั้งมั่นที่จะเข้ารับการศึกษาวิชาที่เกี่ยวกับการเกษตร เพื่อที่จะได้นำทักษะความรู้มาต่อยอดและพัฒนาการทำเกษตรของครอบครัว

ไก่พื้นเมืองที่เลี้ยงไว้

คุณวงกต เล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่จำความได้ครอบครัวยึดอาชีพทางการเกษตรมานานแล้ว เมื่อเขาเห็นสิ่งเหล่านี้อยู่ตลอดทุกเวลา จึงเกิดความรักและชอบที่อยากจะสานต่อและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น โดยการเกษตรที่ครอบครัวทำจะเป็นพืชสวนเสียส่วนใหญ่ อาทิ ทุเรียน กาแฟ เมื่อเขาจบการศึกษามาจึงได้รับมอบหมายให้ดูแลสวนเองประมาณ 5 ไร่ ด้วยความที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ไฟแรง ทำให้เขาสนใจที่อยากจะปรับเปลี่ยนมาทำเกษตรให้ครบวงจรมากขึ้น คือทำเกษตรผสมผสานเพื่อให้มีรายได้เป็นรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน

พื้นที่ปลูกไม้ผล

“บ้านผมหลักๆ ก็จะทำสวนทุเรียน ต่อมาพอผมได้พื้นที่บางส่วน ผมก็เลยอยากจะทำการเกษตรแบบผสมผสาน มีการปรับเปลี่ยนของการลดต้นทุนการผลิตเข้ามาช่วย คือในเรื่องของการลดการใช้สารเคมี และสิ่งที่สำคัญในการปลูกพืชเลยคือเรื่องของดินปลูก เพราะหลายปีมานี่ ราคาปุ๋ยขยับขึ้นมาพอสมควร ผมก็ได้มีการผลิตดินปลูกใช้เอง เพื่อเป็นการปรับปรุงบำรุงดินในสวน และส่วนที่เกินจากเหลือใช้ในสวน เราก็สามารถขายเพิ่มรายได้อีกช่องทางหนึ่ง” คุณวงกต บอก

การทำเกษตรผสมผสานในพื้นที่ 5 ไร่นั้น คุณวงกต อธิบายว่า ถ้าต้องการให้มีรายได้หมุนเวียนเข้ามาใช้จ่ายทั้งในชีวิตประจำวัน และค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายในสวน การปลูกพืชที่หลากหลายในปริมาณที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเขาได้แบ่งพื้นที่ปลูกไม้ผลไว้ 4 ไร่ เป็นไม้ผลที่ครอบครัวไม่ได้ทำมาก่อน เพราะเมื่อมีผลผลิตแล้วก็จะสามารถทำให้เกิดเป็นรายได้ที่เป็นเงินเก็บ และพื้นที่อีก 1 ไร่ ปลูกพืชผักสวนครัวและเลี้ยงไก่พื้นเมืองสร้างเป็นรายได้ประจำสัปดาห์ นำมาเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนในการทำสวนทั้งหมด

หมาก

โดยดินที่เขาผสมเองเพื่อเป็นทั้งวัสดุปลูกผักสวนครัวและสำหรับใส่บำรุงไม้ผลนั้น เป็นวัสดุปลูกคุณภาพสูงเพราะส่วนผสมประกอบไปด้วย แกลบกาแฟ มูลไก่ล้วน น้ำหมักปลา และทลายปาล์ม การผสมจะนำส่วนประกอบทั้งหมดมาผสมให้เข้ากัน จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 6 เดือนจึงจะพร้อมใช้งานได้

แปลงปลูกพืชผักสวนครัว

“ดินที่เราผสมเอง จะใส่ลงในพืชอย่างไม้ผลก็ 2 เดือนครั้ง ใส่รอบๆ ทรงพุ่ม ทำให้เราลดการใช้ปุ๋ยเคมีลงไปได้มาก ทำให้การผลิตเรามีต้นทุนลดลง ส่วนในเรื่องของการปลูกพืชผักสวนครัว เราก็จะใช้ดินตัวนี้เข้าไปช่วย ทั้งในการเตรียมแปลงและปรับปรุงบำรุงดิน แปลงผักเราเห็นได้ชัดเลยว่า ไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมีเลย ผักเจริญเติบโตได้ดี ถือว่าการผลิตตัวตั้งต้นอย่างปุ๋ยนี่สำคัญมาก ถ้าเราควบคุมต้นทุนการผลิตได้ กำไรเราก็จะมีมากขึ้นตามมา” คุณวงกต บอก

ผักจำหน่ายกำละ 10 บาท

สำหรับการกำจัดแมลงศัตรูพืชและวัชพืชภายในพื้นที่ทางการเกษตรนั้น จะเน้นใช้สารชีวภัณฑ์เข้ามาช่วยเป็นหลัก เพื่อลดการใช้สารเคมีต่างๆ มีทั้งบิวเวอเรีย ไตรโคเดอร์มาเข้ามาช่วย จากการปรับเปลี่ยนนี้เอง ช่วงแรกครอบครัวยังไม่เห็นด้วยกับการใช้สารชีวภัณฑ์มากนัก แต่เมื่อเขาได้แสดงให้เห็นว่าสวนที่เขาทำทั้งหมด มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ต้นทุนการผลิตลดลงสร้างผลกำไรมากขึ้น การทำเกษตรผสมผสานและการพยายามลดใช้สารเคมี จึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ในการทำเกษตรในเวลานี้

ฝรั่งผลผลิตใหม่ของสวน

การทำตลาดเพื่อจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรทั้งหมดภายในสวน คุณวงกต บอกว่า ไม้ผลที่เขานำมาปลูกเสริมเข้าไปอย่างฝรั่งสายพันธุ์ใหม่เป็นสายพันธุ์ต่างประเทศ สามารถเก็บผลผลิตได้เกือบตลอดทั้งปี ราคาจำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละ 80 บาท ส่วนชมพู่ยักษ์ไต้หวัน และสายพันธุ์อื่นๆ ราคาจำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละ 50-60 บาท ส่วนพืชผักสวนครัวตามฤดูกาล เป็นผักปลอดสารพิษราคาอยู่ที่กำละ 10 บาท และมะเขือต่างๆ ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 40 บาท

ชมพู่ผลสดๆ

โดยรายได้จากพืชผักสวนครัวสามารถทำเงินให้กับเขาได้ประมาณ 2,500 บาทต่อสัปดาห์ เขาจึงเอารายได้ส่วนนี้มาเป็นค่าใช้จ่าย ส่วนไม้ผลสร้างเป็นเงินเก็บหรือลงทุนในอนาคตต่อไป

“การทำเกษตรอาชีพนี้ถือว่าเราเป็นนายตัวเอง และยิ่งผมเรียนจบทางด้านนี้มาด้วย มันยิ่งทำให้ผมสามารถมีองค์ความรู้หลากหลาย เพื่อนำมาปรับใช้ให้กับการทำเกษตรของเรา ให้มีระบบมากขึ้น เพราะฉะนั้นก็อยากจะฝากถึงคนที่อยากจะทำเกษตรว่า บางครั้งการทำเกษตรไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่เยอะ แต่เรามีการจัดการที่ดี หมั่นเรียนรู้อยู่เสมอ และชอบที่จะทำ สิ่งเหล่านี้ก็จะตอบแทนกลับมาให้เราได้เอง เพราะสิ่งที่เรารักมันจะทำให้เราทำออกมาได้ดี” คุณวงกต บอก

สำหรับท่านใดที่สนใจในเรื่องของการทำเกษตรผสมผสาน หรือต้องการพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ คุณวงกต ขุนทองน้อย หมายเลขโทรศัพท์ 063-062-3084

 

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก เมื่อวันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ.2565