ที่มา | เทคโนฯ ประมง |
---|---|
ผู้เขียน | กัลยดา ชุ่มอินทรจักร |
เผยแพร่ |
คุณตั๊ก หรือ คุณนงนภัศ เทวยานีช์ สาวโสดวัย 51 ปี เจ้าของฟาร์มปลาไหล ชื่อ บ้านเราฟาร์ม เดิมมีอาชีพเจ้าของร้านเสริมสวย เจอพิษโควิด-19 รอบแรกรัฐบาลสั่งปิดร้านเสริมสวยก็หันมาทดลองเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจแทน เลี้ยงมาหลายชนิด แต่เลือกที่จะต่อยอดด้วยการเลี้ยงปลาไหลน้ำใส จนประสบความสำเร็จมีรายได้ทุกสัปดาห์และทุกเดือนจึงเกิดความชอบการเกษตร ก็เลยหันหลังให้เสริมสวยโดยสิ้นเชิง และศึกษาหาความรู้อีกทั้งเรียนรู้เพิ่มเติมจากประสบการณ์การเลี้ยงปลาไหลด้วยตนเอง
การเพาะเลี้ยงปลาไหลในน้ำใส ขายทั้งลูกปลา ปลาสด และพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ หลังจากลองผิดลองถูกอยู่นานในการเลี้ยงปลาไหลในน้ำใส ปรากฏว่าได้ผลเป็นอย่างดี จนประสบความสำเร็จเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป
“คนอื่นเขาเลี้ยงกันในบ่อโคลน เคยทดลองเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจมาหลายอย่าง แต่มาตัดสินใจเลือกเลี้ยงปลาไหลในน้ำใส ดิฉันเป็นเจ้าแรกที่เลี้ยงปลาไหลในกระชังน้ำใสก็ว่าได้ ด้วยความดื้อและความเชื่อมั่นในตนเอง ตอนแรกทุกคนไม่เห็นด้วยแต่ดิฉันอยากที่จะทดลองดู ปรากฏว่าได้ผลเป็นอย่างดีจริงๆ” คุณตั๊ก กล่าว
เพาะเลี้ยงปลาไหลน้ำใส ใช้เนื้อที่หลังบ้าน ประมาณ 2 ไร่กว่าๆ หลังบ้านจะเป็นสระเก็บน้ำ แต่แบ่งบางส่วนมาทำบ่อปลาไหลในกระชังลอยน้ำ เริ่มแรกสร้าง 2 บ่อซีเมนต์ ก่อนฝึกเพาะเลี้ยง ใช้ความกว้าง 2×4 เมตร จำนวน 2 บ่อ ซื้อลูกปลาไหลมาเลี้ยง ต่อมาก็ขยายมาเรื่อยๆ ไม่พอขาย ตอนนี้กำลังเพิ่มเนื้อที่เป็นกระชังลอยน้ำ ขนาด 2×2 เมตร จำนวนหลายกระชัง จากการเลี้ยงปลาไหลขุนส่งตลาด แต่มีคนสนใจที่จะมาดูงานเลี้ยงปลาไหลน้ำใส ก็จะสั่งลูกปลาจากเราไปเพาะเลี้ยง นอกจากสั่งลูกปลาแล้วบางคนก็สนใจที่จะสั่งซื้อพ่อพันธุ์แม่พันธุ์จากทางเรา จนปัจจุบันนี้ขายส่งปลาขุนสด ขายลูกปลา และขายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์แทบจะไม่พอขาย
การเลี้ยงปลาไหล ใช้พื้นที่น้อย
บ่อซีเมนต์หลังบ้าน หรือทำเป็นบ่อผ้าใบ
เพาะเลี้ยงปลาไหล ใช้เนื้อที่น้อย สามารถเลี้ยงได้ในบ่อซีเมนต์ หรือบ่อผ้าใบ ขนาด 2×4 เมตร บริเวณหลังบ้านได้ บ่อควรมีท่อระบายน้ำออกได้ดี ผนังบ่อด้านในควรปูกระเบื้องให้เรียบ เพื่อป้องกันท้องปลาไหลครูดกับพื้นทำให้เกิดแผลได้ ใส่ผักตบชวาเพื่อเลียนแบบธรรมชาติสำหรับการซ่อนตัว ความหนาแน่นประมาณ 100 ตัว ขนาดตัวประมาณ 40-50 ตัวต่อกิโลกรัม เพื่อไม่เบียดกันเกินไป ต้องมีการถ่ายเทน้ำทิ้งเติมน้ำใหม่ 1-2 สัปดาห์ต่อครั้ง ข้อดีของการเลี้ยงปลาไหล ไม่ต้องใช้พื้นที่มาก เลี้ยงง่าย เพราะปลาไหลจะไม่ว่ายน้ำเล่น กลางวันจะซ่อนตัวแทบมองไม่เห็นตัวปลา ปลาที่มีขนาด 5 เซนติเมตร ไม่ต้องใช้ออกซิเจน แต่ต้องขยันเปลี่ยนน้ำก็ได้
การเลี้ยงในกระชังลอยน้ำ
การเลี้ยงในกระชังลอยน้ำ ขนาด 2×2 เมตร ปล่อยลูกปลาไหลขนาด 10-15 เซนติเมตร 150-200 ตัวต่อตารางเมตร มีการถ่ายเทน้ำได้สะดวก ไม่จำเป็นต้องให้ออกซิเจน ใส่ต้นผักตบชวาเพื่อเป็นที่ซ่อนของปลา คุณตั๊กทดลองที่จะเลี้ยงปลาไหลในกระชังลอยน้ำ คิดว่าปลาอื่นเลี้ยงได้ ปลาไหลถึงแม้ธรรมชาติจะอยู่ในโคลนก็ต้องเลี้ยงได้ กระชังก็จะใช้ 2×2 เมตร ก็เหมือนกระชังทั่วไป มีข้อดีหลายอย่าง อากาศถ่ายเทได้ดี โปร่ง และใกล้เคียงธรรมชาติ ต้องรองด้วยตาข่าย 2 ชั้น เพื่อความมั่นคงแข็งแรง
การเลี้ยงปลาขนาดที่ตลาดต้องการ
การเลี้ยงปลาไหลให้ได้ขนาดตามที่ตลาดต้องการนั้น สามารถเลี้ยงได้ในบ่อซีเมนต์ และท่อซีเมนต์กลมก็ได้ ขนาดที่ตลาดต้องการ ขนาด 4-6 ตัวต่อกิโลกรัม ราคาตลาดอยู่ที่กิโลกรัมละ 200-300 บาท ถ้าเทศกาลจะอยู่ที่ 350 บาท ยามที่ปลาไหลขาดตลาด จะส่งมาจากภาคใต้ ก็ยังไม่พอขายและบวกเพิ่มการขนส่งไปอีกทำให้ราคาสูงไปอีกก็ไม่พอขายอยู่ดี เพราะฉะนั้นตลาดปลาไหลยังคงไปได้ค่อนข้างดี
ข้อแนะนำ เกษตรกรมือใหม่
ควรจะเริ่มต้นเลี้ยงครั้งละน้อยๆ ก่อน เพื่อศึกษาไปในตัว แนะนำให้เลี้ยง 100 ตัวก่อนสำหรับลูกปลา ถ้าซื้อพ่อแม่พันธุ์งบฯ ได้ประมาณ 8 คู่ ราคาไม่เกิน 2,000 บาท ราคาขาย 4 ตัว 500 บาท ควรเริ่มจากบ่อผ้าใบธรรมดา หลังจากนั้นถ้าเราเห็นว่าน่าเลี้ยงก็ทำกระชังหรือบ่อปูน ควรจะประมาณ 2×4 เมตร เลี้ยงปลาไหลต้องทิ้งตำนาน ที่ว่า ปลาไหลกินของสกปรก แต่การเลี้ยงเพาะเลี้ยงน้ำต้องสะอาด ถือว่าปลาไหลเป็นสัตว์เลี้ยงที่ต้องการน้ำสะอาดมากถึงจะโตเร็ว
การกินอาหาร และการให้อาหาร
ปลาไหลชอบกินอาหารที่มีกลิ่นคาว เมื่อก่อนใช้โครงไก่สับผสมกับหัวอาหารกบ แต่เดี๋ยวนี้จะใช้ไข่ไก่สัก 2-3 ฟอง พอให้มีกลิ่นคาว ผสมกับหัวอาหารกบ หรืออาหารปลาดุกก็ได้ ปั้นเป็นก้อน หรือจะโรยก็ได้ ถ้าปั้นเป็นก้อนก็จะกะ หรือสังเกตการณ์การใช้เวลากินของปลาได้ง่าย โดยให้วันละมื้อในช่วงเย็น ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 8 เดือน จะได้น้ำหนักตัวปลาขนาดตัวละ 200-250 กรัม ให้ผลผลิต 160-180 กิโลกรัมต่อกระชังเลี้ยง อัตราการรอดตายสูงถึง 70-80 เปอร์เซ็นต์
การเลี้ยงปลาไหลเชิงธรรมชาตินั้นมีข้อดีคือ รสชาติของปลาไม่แตกต่างจากธรรมชาติโดยตรง เนื้อแน่น ไขมันน้อย และอีกอย่างที่เน้นๆ คือรายได้ค่อนข้างดีกว่าสัตว์อย่างอื่น ถือว่าสัตว์เศรษฐกิจสร้างรายได้อย่างงามเลยก็ว่าได้ ทั้งขายลูกพันธุ์ปลา และขายปลาขนาดตลาดต้องการ
จากประสบการณ์ตรงที่ผู้เลี้ยงได้เลี้ยงมา ราคาปลาไหลก็ยังสองร้อยกว่าบาทต่อกิโลกรัม และปลาไหลตายยากกว่าปลาชนิดอื่น ขอให้มีน้ำระเรื่อก็อยู่ได้ เพราะธรรมชาติปลาไหลอยู่ในรูอยู่แล้ว วิธีการเลี้ยงก็ไม่ยุ่งยาก การเลี้ยงเราจะเลียนแบบธรรมชาติให้มากที่สุด โดยทำที่ดอนให้ปลาไหลได้มามุดอยู่ ปลาไหลต้องการเนินดินหรือใส่ผักตบชวาสำหรับพรางตัว
เกษตรกรทั่วไปมักจะมีความเชื่อว่าปลาไหลต้องเลี้ยงในบ่อโคลนถึงจะได้ผลผลิต แต่เลี้ยงในน้ำใสกลับได้ผลผลิตมากกว่าอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างเช่นที่ฟาร์มของคุณตั๊ก ที่มีชื่อเสียงและโด่งดังจนเป็นทั้งศูนย์เรียนรู้เพื่อเผยแพร่ให้เกษตรกรที่สนใจมาศึกษาดูงานอีกด้วย
ปลาไหล ต้องมีที่ซ่อนตัว
หาโพรงให้อยู่ เช่น กระเบี้องลอนมุงหลังคา หรือตาข่ายไนลอนม้วนกลม ธรรมชาติปลาไหลชอบมุดอยู่ในรูอยู่แล้ว วัสดุทั้งสองอย่างทำให้อากาศผ่านได้ ปลาไหลไม่เครียดและกินอาหารได้เยอะ โตเร็ว หรือกอผักตบชวาก็ได้แต่ต้องเปลี่ยนน้ำบ่อยๆ เช่นสัปดาห์ละครั้ง
จากการลองผิดลองถูกมาระดับหนึ่งจนถึงวันนี้ กำลังจะขยายพื้นที่เลี้ยงเพื่อรองรับทั้งตลาดยังไปได้อีกไกล
แต่ยังมีคนเลี้ยงไม่มากนัก ส่วนใหญ่หาจากธรรมชาติมาขายแต่ไม่พอขาย การเลี้ยงปลาไหลใช้เวลา 8 เดือน ในการเลี้ยงขายเป็นปลาไหลกินเนื้อหรือปลาไหลขุน
นอกจากเลี้ยงปลาไหลส่งตลาดแล้วยังผลิตลูกปลาไหลได้ครั้งละ 4,000-5,000 ตัว เพื่อขายเป็นลูกปลา ในการเลี้ยงปลาไหลจะพยายามเลือกใช้วิธีที่ทำแล้วประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเองจึงบอกต่อ วิธีที่ง่ายและลดต้นทุนทั้งแรงเงินและแรงงาน
ลักษณะทั่วไป
การเลี้ยงปลาไหลในน้ำใสนั้น จะว่าง่ายก็ไม่ง่าย ยากก็ไม่ยาก นิสัยปลาไหลเป็นปลาที่เครียดง่าย ตกใจง่าย เวลาตกใจจะไม่กินอาหาร และธรรมชาติของปลาไหลจะไม่กระโดดเหมือนปลาทั่วไป ถ้าปลากระโดดไปมาหมายถึงความผิดปกติ อาจจะติดเชื้อก็ได้ วิธีแก้แบบคิดเองแต่ได้ผลนั่นคือ ขั้นตอนการผสมอาหารใช้แอลกอฮอล์หมักกับอาหาร เช่น เบียร์ นำมาผสมกับรำอาหารกบ หมักไว้สักครึ่งวันหรือตอนเที่ยงก็ให้ตอนเย็นทำให้ปลาสงบอารมณ์ดี กินแล้วเลื้อยไปนอนนิ่งๆ ยิ่งทำให้ปลาโตเร็ว เนื้อแน่น เพราะกินอาหารได้เยอะ ได้จากแนวคิดของอาหารวัวขุนบางฟาร์มจะใช้ผสมแอลกอฮอล์เพื่อความอยากกินอาหารของสัตว์
การเพาะพันธุ์
ก่อนอื่นจะสังเกตได้จากประสบการณ์จากการเลี้ยงนี่แหละ แต่ถ้าผู้เลี้ยงมือใหม่ก็สังเกตได้จากเพศผู้ที่มีความยาว 50-60 เซนติเมตร ท้องจะไม่อูม ตัวเรียวยาว ช่องเพศสีขาวซีด ไม่บวม ลำตัวสีเหลืองคล้ำ ส่วนเพศเมีย ความยาวประมาณ 30-50 เซนติเมตร น้ำหนักต่ำกว่า 300 กรัม ท้องอูมเป่ง ส่วนท้องจะป่อง ตัวอ้วน ช่องเพศสีแดงเรื่อบวม โดยเฉพาะช่วงที่ผสมพันธุ์ ลำตัวสีเหลืองเปล่งปลั่ง สามารถเพาะพันธุ์ได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนกันยายน และมีความสมบูรณ์สูงสุดในเดือนสิงหาคม ปริมาณความดกของไข่ปลาไหลขึ้นอยู่กับขนาด น้ำหนัก และความยาว
การวางไข่
ปลาไหลจะมีไข่เพียง 1 ฝัก ไข่ปลาไหลนาเป็นลักษณะไข่จม ไม่ติดวัสดุ เมื่อสัมผัสจะมีความยืดหยุ่นมาก มีลักษณะสีเหลืองสดใส ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.3 เซนติเมตร ไข่ได้รับการผสมมีลักษณะกลม สีเหลืองทอง ส่วนไข่ที่ไม่ได้รับการผสมจะมีสีขาวใส ไข่จะใช้เวลาในการฟักประมาณ 3 วัน
ลูกปลาเมื่อฟักออกใหม่ๆ มีความยาว 2.5 เซนติเมตร มีถุงไข่แดง 2 ใน 3 ส่วน และมีครีบหู อายุ 5-6 วัน
ถุงไข่แดงยุบพร้อมครีบหูหายไป และเริ่มกินอาหารได้ อัตราการฟัก 70-80 เปอร์เซ็นต์ การให้อาหารที่ฟาร์มจะให้แต่อาหารกบ หรืออาหารปลาเล็กวันละ 2 มื้อ ปลาใหญ่ให้วันละมื้อในตอนเย็น
การอนุบาลลูกปลาไหล ที่มีความยาว 5-10 เซนติเมตร
แยกปลาลงบ่อพลาสติกกลมหรือสี่เหลี่ยม ให้อาหารเพิ่มเป็นเช้าและเย็น ใส่น้ำลึกประมาณ 20 เซนติเมตร ใส่ต้นผักตบชวาเพื่อให้ลูกปลาเกาะ ให้อาหารโดยปั้นเป็นก้อนให้ปลาแทะ และควรคัดขนาดเพื่อป้องกันการกินกันเอง ควรมีวัตถุที่เป็นที่หลบซ่อนของปลา เช่น ตาข่ายเชือกไนลอนพันม้วน ท่อพีวีซี หรือท่อพลาสติก แต่ที่ฟาร์มจะใช้เชือกไนลอนเพื่อความโปร่งและอากาศถ่ายเทได้ดี ผิวหนังปลาจะไม่เสียหายจากการครูด ใช้ระยะเวลาเลี้ยง 6-10 สัปดาห์ นำไปแยกลงบ่อเลี้ยงเพื่อเป็นปลาตัวโตส่งออกขายได้
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ บ้านเราฟาร์ม คุณนงนภัศ เทวยานีช์ (คุณตั๊ก) เลขที่ 262 หมู่ที่ 1 ตำบลชุมพลบุรี อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ โทร. 061-895-9959
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก เมื่อวันพฤหัสที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2565