ผู้เขียน | ปิยพร วิสระพันธุ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
“หอยเชอรี่สีทอง” เป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ที่เริ่มมีการเลี้ยงเชิงธุรกิจกันมากขึ้นในทุกภาคของประเทศไทย แนวโน้มความนิยมบริโภคเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นหอยที่มีโปรตีนสูงและต้นทุนการเลี้ยงต่ำ จุดเด่นของหอยเชอรี่สีทอง เนื้อจะนุ่ม ไม่เหนียวเหมือนหอยเชอรี่ทั่วไป เนื้อจะเป็นสีเหลือง เปลือกจะเป็นสีเหลือง มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เป๋าฮื้อน้ำจืด” สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้ง ลวกจิ้ม ผัด ทอด ลาบ ก้อย ยำ แกงคั่ว

หอยเชอรี่สีทอง กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เพราะด้วยการเลี้ยงง่ายเหมือนการเลี้ยงหอยเชอรี่ หอยขมทั่วไป และรสชาติที่ดี มีเนื้อสัมผัสที่นุ่ม ไม่เหนียวเหมือนหอยเชอรี่บ้านเรา เนื้อยังมีความหวาน ไม่คาว ต่างจากหอยชนิดอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นหอยเชอรี่สีดำ หอยโข่ง หรือหอยขม ทำให้เกษตรกรที่เพาะเลี้ยงปูนาและเลี้ยงหอยเชอรี่ หันมาเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองและหอยเชอรี่สีทองสนิมกันเป็นจำนวนมาก

คุณวรรณิดา ไชยสูง หรือ คุณแอม อายุ 38 ปี อาศัยอยู่จังหวัดอุดรธานี ประกอบอาชีพหลักเป็นแม่ค้าขายลอตเตอรี่ และมีอาชีพเสริมเป็นเกษตรกรเพาะเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองระบบฟาร์ม
คุณวรรณิดา เล่าว่า ย้อนกลับไปเริ่มแรกอยากมีรายได้เสริม จึงมองหาอาชีพที่ตนเองสามารถทำได้ จนไปพบกับการเลี้ยงหอยโข่ง เกิดความสนใจและทดลองเลี้ยง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

คุณวรรณิดาจึงมองหาหอยสายพันธุ์ใหม่ที่น่าสนใจอย่างมากในช่วงนั้นคือ หอยเชอรี่สีทอง ลองผิดลองถูกระยะหนึ่ง ก็ประสบความสำเร็จในการเลี้ยง และหอยเชอรี่สีทองเป็นหอยที่มีเปลือกสวย ทำให้มีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นกว่าหอยทั่วไป และจุดเด่นที่สำคัญของหอยเชอรี่สีทอง มีรสชาติที่หวาน อร่อย ไม่มีกลิ่นคาว เนื้อนุ่ม ทำให้หอยเชอรี่สีทองเป็นที่ต้องการของตลาดเสมอมา

ปัจจุบัน ทางฟาร์มหอยเชอรี่มีทั้งหมด 33 กระชัง โดยแบ่งเป็นกระชังน้ำ 7 กระชัง กระชังบก 26 กระชัง ผลผลิตออกไม่ทันขายเลยทีเดียว ในอดีตทางฟาร์มเน้นทำตลาดเนื้อหอย ขายส่งเนื้อหอยให้กับตลาด แต่ปัจจุบันปรับเปลี่ยนใหม่ มาเป็นการเพาะพันธุ์เพื่อจำหน่าย ตีตลาดพ่อแม่พันธุ์ เน้นคุณภาพทุกตัวก่อนส่งต่อให้กับลูกค้า เปลือกจะต้องมีสีที่สวย แข็งแรง และหอยจะต้องสุขภาพดี ลูกค้าซื้อพ่อแม่พันธุ์ไปแล้วสามารถไข่ได้เลย

การจัดการภายในฟาร์มจะแยกออกเป็น 2 กระชัง คือ กระชังบก กระชังน้ำ โดยกระชังบกมีข้อดีคือ สามารถเก็บไข่พ่อแม่พันธุ์ได้ง่าย กระชังน้ำเหมาะแก่การอนุบาลลูกหอย แต่ก็ต้องระวังอย่างมากหากน้ำเน่าก็จะทำให้ตายยกบ่อ การเปลี่ยนน้ำกระชังที่ดีคือ ควรทำจุดไว้สำหรับปล่อยน้ำด้านข้างใต้กระชัง เพื่อปล่อยน้ำได้ง่ายและไม่เป็นการรบกวนหอย หากใช้วิธีตักน้ำออกจากกระชัง หอยสามารถตายยกบ่อ และการเปลี่ยนน้ำกระชังทุกครั้งควรมีน้ำในบ่อเดิมเหลืออยู่ประมาณ 5% ของในกระชัง และไม่จำเป็นต้องล้างบ่อย

พ่อแม่พันธุ์จะมีการผสมพันธุ์กัน 24 ชั่วโมง 1 กระชังบกจะมีพ่อแม่พันธุ์อยู่ 700-800 ตัว แบ่งเป็นพ่อพันธุ์ 30% แม่พันธุ์ 70%
เมื่อแม่พันธุ์เริ่มออกไข่แล้ว 3-4 วัน ทางฟาร์มจะเก็บไข่ 1 ครั้ง จากนั้นนำไข่ไปใส่ในกระชังน้ำ 7-14 วัน ก็จะเริ่มฟักเป็นตัว แต่ในฤดูร้อน 4-5 วัน ก็จะเริ่มฟักตัวแล้ว สภาพอากาศก็มีผลอย่างมากต่อการออกไข่ของแม่พันธุ์ หากเป็นฤดูหนาวแม่พันธุ์จะไม่ค่อยออกไข่ และการฟักจากไข่เป็นตัวก็ค่อนข้างใช้เวลานานขึ้น
การเลี้ยงหอยเชอรี่ เรื่องอาหารไม่ยุ่งยาก สามารถกินพืชน้ำต่างๆ ได้ เช่น ดอกจอกกุหลาบ ดอกจอกรังผึ้ง เป็นต้น แต่ทางฟาร์มจะเน้นดอกจอกรังผึ้ง เพราะทำให้เปลือกหอยมีสีที่สวยขึ้น ส่วนบ่อสำหรับหอยที่ตัวเริ่มใหญ่จะแยกมาอยู่ในบ่อขุน และให้อาหารเสริมเป็นหัวอาหารปลานิล (เม็ดกลาง) เพื่อเร่งการเจริญเติบโต
คุณวรรณิดา กล่าวว่า ปัจจุบันเพาะเลี้ยงหอยเชอรี่ระบบฟาร์มมาเกือบ 2 ปีแล้ว การเข้ามาสู่ตลาดพ่อแม่พันธุ์ทำให้มีรายได้ที่ดีขึ้น พ่อแม่พันธุ์ 1 คู่ ขนาดเท่าเหรียญ 10 บาท ราคาคู่ละ 30 บาท พ่อแม่พันธุ์ 1 คู่ ขนาดเท่าไข่ไก่ ราคาคู่ละ 50 บาท และพ่อแม่พันธุ์ทุกคู่ของทางฟาร์มพร้อมวางไข่

“จุดเด่นของทางฟาร์มลูกค้ามั่นใจได้ว่า หอยมีคุณภาพ สีสวยแน่นอน เปลือกสีส้มสวยงาม มีความแข็งแรง และพร้อมวางไข่ หากเกษตรกรท่านใดหรือผู้ที่กำลังมองหาอาชีพเสริม อยากให้ลองหันมามองตลาดหอยเชอรี่สีทอง ตลาดมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง เป็นสัตว์เศรษฐกิจที่เลี้ยงง่าย ต้นทุนต่ำ แต่ผลตอบแทนสูง สามารถทำเป็นอาชีพหลักก็ได้ หรืออาชีพเสริมก็ดี”
สำหรับท่านใดที่สนใจพ่อแม่พันธุ์หอยเชอรี่สีทอง ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณวรรณิดา ไชยสูง หรือ คุณแอม อายุ 38 ปี โทรศัพท์ 094-276-2424 หรือติดตามความเคลื่อนไหวได้ทางเฟซบุ๊ก หอยเชอรี่สีทอง ช.ชวนชมฟาร์ม
……………………………………….
สำหรับแฟนๆ นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน หากต้องการนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านรายปักษ์ ส่งตรงถึงบ้าน รวดเร็วทันใจอ่านได้ในทุกๆ 15 วัน สามารถสมัครสมาชิกได้ที่ คลิกลิงก์ https://shorturl.asia/0zJwQ – Line: @matichonbook หรือ สำนักพิมพ์มติชน เลขที่ 12 ถนนเทศบาลนฤมาล หมู่บ้านประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 ติดต่อฝ่ายขาย 02-589-0020 ต่อ 3354