“ดาวเรือง” ไม้ดอกทำเงิน ต่อยอด โครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้าน

จากปัญหาภาคการเกษตรของไทยย่างก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ ในขณะที่ลูกหลานคนรุ่นใหม่นิยมออกไปทำงานในเมืองใหญ่และไม่สนใจประกอบอาชีพเกษตรกรรม ส่งผลให้แรงงานภาคเกษตรเริ่มขาดแคลน ประกอบกับภาคเกษตรเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญเพื่อการบริโภคของคนไทยและการสู่เป็นครัวของโลก

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงมีนโยบายที่จะสร้างแรงจูงใจให้คนรุ่นใหม่หันกลับมาทำอาชีพเกษตรกรรมมากขึ้น โดยมอบหมายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดทำโครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้าน สานต่ออาชีพการเกษตรเพื่อพลิกชีวิตคนเมืองสู่อาชีพเกษตรกรรมในบ้านเกิด มาตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน

ดาวเรือง ไม้ดอกอีกชนิดที่นิยมปลูกกันมาในหมู่เกษตรกรรุ่นใหม่ เนื่องจากเป็นไม้ทำเงิน ปลูกง่าย เก็บเกี่ยวได้เร็ว ลงทุนน้อย แต่ผลตอบแทนดี และที่สำคัญยังเป็นที่ต้องการของตลาดสูง เพราะเป็นไม้ดอกสารพัดประโยชน์ ยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง ดอกดาวเรืองยิ่งเป็นที่ต้องการสูงเป็นเงาตามตัว

คุณอลิสา เรืองพิศาล อายุ 35 ปี หนึ่งในเกษตรกรรุ่นใหม่ที่เข้าร่วมโครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้านสานต่ออาชีพการเกษตร หลังลาออกจากงานประจำที่กรุงเทพฯ กลับมาอยู่บ้านดูแลพ่อแม่ตั้งแต่ปี 2559 เนื่องจากพ่อกับแม่มีปัญหาด้านสุขภาพ ขณะเดียวกัน ตนเองก็มีความสนใจเรื่องการทำเกษตรเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อได้รับทราบข่าวสารโครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้าน สานต่ออาชีพการเกษตร จึงสมัครเข้าร่วมโครงการทันที

“กลับมาอยู่บ้านปี 2559 ตอนลาออกจากงานฝ่ายสินเชื่อ บริษัทประกันได้เงินเดือน 30,000 บาท ออกมาขายดอกดาวเรืองวันเดียวได้ 3,000 ดี แต่ก็ไม่ได้ทุกวัน ก็เลยคิดวางแผนการปลูกเป็นอาชีพในระยะยาว”

ปัจจุบันเธอเป็นเจ้าของแปลงปลูกดอกดาวเรืองควบคู่กับการทำเกษตรผสมผสาน บนเนื้อที่ 4 ไร่ หมู่ที่ 8 บ้านเจน ตำบลดงเจน อำเภอภูกามยาว จังหวัดพะเยา ทั้งยังเพาะกล้าพันธุ์ดาวเรืองจำหน่าย พร้อมดูแลด้านการตลาดให้กับสมาชิกในเครือข่ายผู้ปลูกดอกดาวเรืองในพื้นที่อำเภอต่างๆ ของจังหวัดพะเยาอีกจำนวน 49 ราย โดยสมาชิกจะส่งดอกดาวเรืองมารวบรวมไว้ที่นี่เพื่อส่งต่อไปยังปากคลองตลาด ที่กรุงเทพฯ และส่วนหนึ่งส่งให้กับพ่อค้าที่เชียงใหม่

“ตอนแรกได้เมล็ดพันธุ์ดาวเรืองมาปลูก แต่ปลูกแล้วไม่มีที่จำหน่าย จึงจำเป็นต้องหาตลาดเอง เริ่มจากไปศึกษาตลาดดอกไม้ที่ปากคลองตลาด เราเคยอยู่กรุงเทพฯ 15 ปี และส่วนหนึ่งก็ได้ทำสัญญาส่งดอกดาวเรืองให้กับผู้ค้าในจังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นก็มาส่งเสริม สนับสนุนการปลูกดอกดาวเรืองให้กับเกษตรกรและผู้สูงอายุในพื้นที่จังหวัดพะเยา ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกในเครือข่ายทั้งสิ้น 49 คน” คุณอลิสา เผย 

ความที่มองเห็นโอกาสในการสร้างรายได้ของตนเองและสมาชิกให้เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการจ้างกลุ่มแม่บ้านและกลุ่มผู้สูงอายุแพ็กถุงดอกดาวเรือง ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ให้กับกลุ่มแม่บ้าน กลุ่มผู้สูงอายุ ทำให้เธอคิดวางแผนการปลูกอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การผลิต การแพ็กกิ้ง ไปจนถึงการตลาด ทำให้ทุกวันนี้แปลงของเธอและสมาชิกปลูกต้นดอกดาวเรืองไปแล้ว 80,000 ต้น สามารถเก็บดอกได้ประมาณ 120 ดอกต่อต้น คิดกำไรต้นละ 10 บาท จะมีรายได้มากถึง 800,000 บาท โดยมีระยะเวลาการเก็บเกี่ยวนานถึง 3 เดือน 

“ดอกที่ดี ดอกใหญ่กลม ไม่ลาย ไม่มีเชื้อ ราคาจะขายได้ราคาสูง 1 ไร่มีต้นทุนอยู่ที่ 15,000 บาท สามารถปลูกได้ 4,000 ต้น ถ้าดูแลรักษาอย่างดีสามารถสร้างรายได้มากถึง 80,000 บาทต่อไร่ ดาวเรือง 1 ต้นสามารถเก็บได้ประมาณ 3 ครั้ง ตัดครั้งแรกดอกใหญ่ แล้วมันจะแตกยอดขึ้นมาใหม่รออีก 45 วันก็จะตัดครั้งต่อไป แต่ดอกจะเล็กลงเรื่อยๆ” เจ้าของแปลงปลูกดอกดาวเรืองคนเดิมกล่าว

เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คุณอัชฌา สุวรรณนิตย์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วย คุณพงศธร ศรีชัย สหกรณ์จังหวัดพะเยา และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแปลงปลูกดอกดาวเรืองของคุณอลิสา

ทั้งนี้ คุณอัชฌาได้แนะนำให้ดำเนินการรวมกลุ่มในรูปแบบสหกรณ์ เพื่อให้มีอำนาจในการต่อรองราคา มีการบริหารจัดการที่ดี สะดวก รวดเร็วมากขึ้น อีกทั้งสมาชิกที่เป็นเกษตรกรรุ่นใหม่จะได้นำองค์ความรู้ ทักษะ เทคโนโลยี มาพัฒนาให้สหกรณ์มีความเข้มแข็งด้วย

“ถ้าเป็นตัวบุคคลต้องอาศัยความเชื่อมั่นลึกซึ้งถึงจะทำได้ แต่ถ้าเป็นสถาบัน เป็นสหกรณ์จะทำได้ง่ายกว่า เครือข่ายสหกรณ์เราก็เยอะ ดอกใหญ่ขายดอก ส่วนดอกตกเกรดก็ช่วยให้มีราคาได้ ส่งให้กับสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ที่แปดริ้วเพื่อนำไปผลิตอาหารสัตว์ โดยไม่ต้องทิ้ง” รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์กล่าว พร้อมย้ำว่า อยากให้กลุ่มผู้ปลูกดอกดาวเรืองภูกามยาวจัดตั้งเป็นสถาบันสหกรณ์เพื่อประโยชน์กับสมาชิกและง่ายต่อการขอรับความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ จากหน่วยงานภาครัฐ

 

ทั้งนี้ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดพะเยา ได้ดำเนินโครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้าน สานต่ออาชีพการเกษตร มีเกษตรกรรุ่นใหม่สมัครเข้าร่วมโครงการ จำนวน 46 ราย ในปีงบประมาณ 2565 มีเกษตรกรรุ่นใหม่เข้าร่วมโครงการพัฒนาทักษะในการประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้ จำนวน 10 ราย ซึ่งสำนักงานสหกรณ์จังหวัดพะเยา ได้มีการติดตามผลการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการต่อไป


สำหรับแฟนๆ นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน หากต้องการนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านรายปักษ์ ส่งตรงถึงบ้าน รวดเร็วทันใจอ่านได้ในทุกๆ 15 วัน สามารถสมัครสมาชิกได้ที่ คลิกลิ้ง https://shorturl.asia/0zJwQ 📲- Line: @matichonbook หรือ สำนักพิมพ์มติชน เลขที่ 12 ถนนเทศบาลนฤมาล หมู่บ้านประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 ติดต่อฝ่ายขาย 02-589-0020 ต่อ 3354