หนุ่มเชียงใหม่ ปลูก-พัฒนา สับปะรดสี ทำตลาดออนไลน์ ขายได้ทั้งในและต่างประเทศ

สับปะรดสี (Bromeliad) มีถิ่นกำเนิดแถวทวีปอเมริกาเกือบทั้งหมด สามารถเจริญเติบโตได้ในป่าดงดิบชื้น จนถึงสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งทะเลทราย ลักษณะของใบมีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ใบกว้างจนถึงใบแคบคล้ายใบหญ้า รูปทรงใบมีทั้งขอบใบเรียบ ใบหยัก และใบเป็นหนาม ใบจะทับกันแน่นโดยรอบฐาน ทำให้ส่วนยอดของสับปะรดสีดูคล้ายมีอ่างน้ำอยู่ตรงกลางยอด

คุณตะวัน โตทน

สับปะรดสีนิยมนำมาจัดสวนโชว์เพราะอยู่ได้นาน 8-10 วัน โดยไม่ต้องรดน้ำ และที่สำคัญบางสายพันธุ์สามารถอยู่กลางแดดได้ และบางสายพันธุ์ชอบพื้นที่แบบร่มรำไร ความสวยงามและสีสันที่สดมีเสน่ห์นี้เอง จึงทำให้หลายๆ คนชื่นชอบและหลงใหล จึงมีการพัฒนาสายพันธุ์ให้ได้ลูกไม้แปลกใหม่อยู่เสมอ นอกจากจะทำให้ไม้หลากหลายแล้วยังช่วยให้ทำตลาดได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย

ต้นกล้าลูกไม้

คุณตะวัน โตทน เจ้าของสวน Sunshine Garden ตั้งอยู่ที่ 293 หมู่ที่ 1 ตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ได้เริ่มปลูกสับปะรดสีจากใจรักใจชอบ จากนั้นค่อยๆ เรียนรู้และพัฒนาสายพันธุ์อยู่เสมอ จากความหมั่นเรียนรู้นี้เอง จึงช่วยส่งเสริมในเรื่องของการทำตลาดให้เขาได้เป็นอย่างดี เพราะนอกจากจำหน่ายให้กับพ่อค้าแม่ค้าภายในประเทศแล้ว ยังมีกลุ่มลูกค้าต่างประเทศเข้ามาติดต่อขอซื้ออยู่เป็นระยะ

ต้นกล้าลูกไม้คู่ผสม Aec. chantinii (Black Select x Black Ebony)

มองสับปะรดสี

เป็นไม้ที่ทำเงินได้

คุณตะวัน เล่าให้ฟังว่า หลังจบปริญญาตรีและปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ช่วงแรกในชีวิตของการทำงานได้เป็นทั้งครูสอน นักวิจัย และพนักงานบริษัทเอกชน ต่อมาเกิดความคิดที่อยากจะกลับมาอยู่บ้านเกิดช่วงปี 2558 และมีโอกาสไปเดินเล่นในพื้นที่จำหน่ายต้นไม้ และเห็นสับปะรดสีตามร้านต่างๆ จึงเกิดความชอบและอยากจะนำมาทดลองเลี้ยง ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นและพัฒนาพันธุ์มาเรื่อยๆ จนสามารถเป็นสวนสับปะรดสีที่มีคุณภาพอีกสวนหนึ่งมาจนถึงทุกวันนี้

พื้นที่ภายในสวน

“พอทำงานอยู่ที่กรุงเทพมหานครนาน เริ่มรู้สึกเบื่อ อยากกลับไปอยู่บ้านเกิด โดยช่วงวันหยุด ผมก็ได้ไปเดินเล่นในตลาดต้นไม้ แล้วเห็นสับปะรดสีสวยมาก ช่วงนั้นยังไม่รู้จัก ก็มองว่ามันแปลกดี ก็เลยซื้อมาทดลองปลูกก่อน ประมาณ 2 ต้น จากนั้นก็ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อยๆ ได้รู้จักไม้ชนิดนี้มากขึ้น และที่ทำให้เราเรียนรู้ได้ไวก็คือ เราได้ไปศึกษาจากสวนที่เขาพัฒนาพันธุ์ด้วย ยิ่งทำให้เรามองการตลาดว่า เราจะทำแบบไหน เพราะว่าเราไปเห็นคนที่เขาพัฒนาพันธุ์ ว่าสามารถขายได้ราคาที่สูงพอสมควร จากการที่ได้เรียนรู้ในวันนั้น ใช้เวลาสร้างสวนประมาณ 1 ปี แล้วจึงได้ลาออก และก็มาทำตลาดทั้งการพัฒนาสายพันธุ์ขาย และการขยายพันธุ์แบบเพิ่มจำนวนไปพร้อมๆ กัน” คุณตะวัน เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการทำสวนสับปะรดสี

โดยพื้นที่โรงเรือนที่ปลูกสับปะรดสี ช่วงแรกใช้โรงเรือนที่มีอยู่แล้วของครอบครัวเป็นโรงเรือนกล้วยไม้ จึงทำให้ไม่ได้ลงทุนในเรื่องของสิ่งปลูกสร้างมาก ต่อมาเมื่อขายจนมีกำไร จึงพัฒนาพื้นที่ปลูกเรื่อยๆ เรียกง่ายๆ ว่าเป็นอาณาจักรสับปะรดสีกันเลยทีเดียว

สีสวยสด

การพัฒนาพันธุ์อยู่เสมอ

ช่วยให้สวนมีความมั่นคง

คุณตะวัน เล่าต่อไปถึงหลักการทำสวนว่า ในเมื่อต้องการที่จะอยู่ในวงการนี้ การที่จะทำรายได้อย่างมั่นคงนั้น จะขยายไม้เพิ่มจำนวนขายเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีการผสมไม้เองภายในสวน เพราะการมีลูกไม้ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ตลาดจะไม่ขาดช่วง และทำให้ลูกค้ามีตัวเลือกในการซื้อไม้มากขึ้น

โดยพื้นที่ปลูกสับปะรดสีทั้งหมดในเนื้อที่ 2 ไร่ มีการแบ่งโซนการผลิตแต่ละรุ่นของไม้อย่างชัดเจน ตั้งแต่โรงเรือนอนุบาลต้นกล้าไปจนถึงโรงเรือนไม้ไซซ์ใหญ่ ซึ่งด้านบนโรงเรือนจะมีหลังคาและตาข่ายพรางแสง 70 เปอร์เซ็นต์ ส่วนในเรื่องความสูงอยู่ที่ประมาณ 3.50 เมตร หรือถ้าใครจะทำโรงเรือนที่สูงกว่านี้ก็ได้ แต่ในเรื่องของต้นอาจจะสูงตามขึ้นไปด้วย

การพัฒนาสายพันธุ์สับปะรดสีภายในสวน คุณตะวัน บอกว่า จะยึดความต้องการของตลาดเป็นหลัก โดยดูว่าแต่ละปีช่วงไหนสีไหนสายพันธุ์ไหนมาแรง จากนั้นจะหาพ่อแม่พันธุ์ที่คิดว่าผสมแล้ว น่าจะได้ลูกไม้ตามที่จินตนาการไม้ไว้มาผสมในแนวทางที่ตลาดต้องการ และตามที่เขาตั้งใจจะออกมาให้เป็นเอกลักษณ์ของสวนด้วย ซึ่งอายุพ่อแม่พันธุ์ก็แตกต่างกันไปแล้วแต่สายพันธุ์ แต่เฉลี่ยจะใช้ไม้ที่มีอายุอยู่ที่ 2 ปีครึ่ง

Neoregelia Reddish Lotus x Pink Debbie ; ไม้ลูกผสมตัวใหม่ที่ยังไม่ได้จดทะเบียน

“พอเราผสมพันธุ์ดอกเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นรอประมาณ 4 เดือน ก็จะเริ่มติดเป็นฝักที่มีเมล็ดออกมาให้เห็น นำเมล็ดที่ได้ไปเพาะในวัสดุเพาะจำพวกขุยมะพร้าว ใช้เวลางอกและโต จนสามารถย้ายปลูกลงกระถาง 4 นิ้วได้ เป็นเวลาประมาณ 8 เดือน ซึ่งการย้ายลงปลูกในกระถาง 4 นิ้ว วัสดุปลูกก็จะเน้นใช้เป็นกาบมะพร้าวสับเล็กเป็นหลัก ดูแลช่วงนี้ต่อไปอีก 6 เดือน ไม้ก็จะใหญ่ขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง จากนั้นก็จะย้ายลงปลูกในกระถาง 6 นิ้วอีกครั้งหนึ่ง ดูแลสักระยะรอขายได้ทันที และบางส่วนที่เป็นต้นเด่นๆ จะทำการคัด เพื่อมาขยายพันธุ์ทำจำนวนต่อไป” คุณตะวัน บอก

Neoregelia ‘Stranger’ ; ไม้ลูกผสมตัวใหม่ที่ยังไม่ได้จดทะเบียน

การคัดเลือกสับปะรดสีที่เด่นๆ นั้น คุณตะวัน เล่าว่า ใน 1 ช่อดอก สมมุติให้ไม้ได้ประมาณ 1,000 ต้น จะมีเพียง 100 ต้นเท่านั้นที่สามารถทำมูลค่าเพิ่มได้ เพราะต้นมีลักษณะที่เด่นและแตกต่างออกไป จากนั้นนำ 100 ต้นนั้น มาทำจำนวนด้วยการแยกหน่อ จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 4 จาก 4 เป็น 8 จนได้จำนวนอยู่ที่ 40-50 ต้น จึงจะตั้งราคาขายได้

สำหรับการป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืช ยังไม่พบปัญหามากนัก เพราะโรงเรือนที่เขาสร้างค่อนข้างสูง จึงทำให้ระบายอากาศได้ดี และไม่เกิดการสะสมโรคต่างๆ แต่ถ้ามีพบบ้างบางฤดูกาลจะใช้เคมีภัณฑ์ที่หาซื้อได้ตามร้านทั่วไปมาฉีดพ่นป้องกันบ้างในบางครั้ง

ตลาดมีทั้งลูกค้า

ทั้งในและต่างประเทศ

ในเรื่องของการขายสับปะรดสีภายในสวน คุณตะวัน บอกว่า จะใช้สื่อโซเชียลมีเดียในการทำตลาดเป็นหลัก ซึ่งเขาเองไม่ได้มีหน้าร้านหรือต้องนำไม้ออกไปตระเวนขายที่ไหน และยิ่งระบบขนส่งในยุคปัจจุบันนี้ด้วยแล้ว มีการจัดการที่ดีมีคุณภาพ จึงทำให้ง่ายและสะดวกต่อการทำตลาด

Aechmea chantinii (Black Select x Ebony) ; ไม้ลูกผสมที่ยังไม่ได้จดทะเบียน

การพัฒนาและขยายพันธุ์สับปะรดสีไปพร้อมๆ กันอย่างต่อเนื่องนี้เอง ทำให้ไม้ภายในสวนมีมูลค่าและราคาที่แตกต่างกันไป โดยไม้ที่ผ่านการคัดเลือกแล้วจะขายต่อให้กับลูกค้าที่ต้องการไปทำจำนวนและขายต่อ ส่วนไม้ที่เป็นลักษณะทั่วไปจะขายให้กับลูกค้าที่ต้องการซื้อไปจัดสวนหรือประดับตกแต่งในพื้นที่ต่างๆ

Neo. King Power ; ไม้ลูกผสมตัวที่จดทะเบียนแล้ว

“สับปะรดสีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว การทำตลาดไม่จำเป็นต้องขายในประเทศเพียงอย่างเดียว ซึ่งผมเองก็มีส่งขายยังตลาดต่างประเทศด้วย ดังนั้น ไม้แต่ละพันธุ์ที่เราพัฒนาเองก็สามารถนำไปจดทะเบียนกับสมาคมสับปะรดสีนานาชาติ มันก็จะช่วยการันตีว่า ไม้นี้เราเป็นผู้พัฒนาขึ้นมา โดยราคาสับปะรดสีที่สวนผม ราคาเริ่มต้นเป็นแบบทั่วๆ ไป มีราคาตั้งแต่ต้นละ 50 บาท จนถึง 200 บาท และถ้าเป็นไม้ที่สำหรับขายให้กับนักสะสม หรือเป็นการพัฒนาแล้วได้เป็นไม้ตัวใหม่ออกมา มีอายุ 1 ปีครึ่ง สวยเต็มฟอร์ม ราคาจะอยู่ที่ต้นละ 500 บาท จนถึง 5,000 บาท” คุณตะวัน บอกหลักการทำตลาด

สำหรับผู้ที่สนใจหรืออยากจะเริ่มต้นปลูกสับปะรดสีเป็นอาชีพ คุณตะวัน แนะนำว่า อันดับแรกให้ศึกษาข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ก่อน จากนั้นเมื่อเกิดความชอบขึ้นมาจริงๆ ให้จับไม้ที่ราคาถูกมาทดลองปลูกเลี้ยงก่อน จากนั้นหมั่นศึกษาและหาประสบการณ์จากผู้ที่ประสบผลสำเร็จอยู่เสมอ ก็จะช่วยให้การปลูกสับปะรดสีไม่ใช่เรื่องยาก และสามารถทำเป็นอาชีพได้แน่นอน หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณตะวัน โตทน หมายเลขโทรศัพท์ 085-109-6525