นักวิชาการซีพีเอฟ แนะวิธีเลือกเนื้อหมูปลอดภัย ปลอดสารเร่งเนื้อแดง

น.สพ.ดำเนิน จตุรวิธวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านบริการวิชาการสุกร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ความปลอดภัยด้านอาหารเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสาคัญอย่างยิ่ง ดังเช่น เนื้อสุกร ต้องสด สะอาด ปลอดภัย ไร้สารเร่งเนื้อแดง โดยล่าสุด “เซ็นทรัลแล็บไทย” ได้ออกมาให้ข่าวเตือนภัยถึงอันตรายของสารเร่งเนื้อแดงจากเนื้อหมูที่ลักลอบนำเข้าว่า อาจสุ่มเสี่ยงต่อการปนเปื้อน ซึ่งหากบริโภคเข้าไปผู้บริโภคจะได้รับสารอันตรายไปด้วย จึงขออธิบายเกี่ยวกับสารชนิดนี้ เพื่อเป็นความรู้และช่วยให้คนไทยทุกคนเลือกซื้อเนื้อหมูเพื่อการบริโภคได้อย่างมั่นใจ

“การใช้สารเร่งเนื้อแดงในประเทศไทยถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ผู้บริโภคจึงวางใจได้ว่าการเลือกบริโภคเนื้อหมูไทยปลอดจากสารเร่งเนื้อแดง โดยเลือกจากร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ “ปศุสัตว์ OK” หากไม่พบสัญลักษณ์ดังกล่าว ขอให้สังเกตเบื้องต้น พิจารณาจากสีของเนื้อหมูต้องไม่มีสีแดงผิดปกติ เมื่อกดดูเนื้อจะนุ่มไม่กระด้าง หรือสังเกตตรงส่วนที่เป็นหมูสามชั้น หากพบว่ามีส่วนเนื้อมากผิดปกติควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจมีสารเร่งเนื้อแดงปนเปื้อน เนื่องจากหมูที่เลี้ยงแบบปกติจะมีสัดส่วนของมันหมู 1 ส่วน ต่อเนื้อแดง 2 ส่วน” น.สพ.ดำเนิน กล่าว

สาหรับสารเร่งเนื้อแดงเป็นสารสังเคราะห์ในกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ (Beta-Agonist) อาทิ แรคโตพามีน (Ractopamine) มีคุณสมบัติในการเพิ่มน้ำหนักตัวของสัตว์ โดยสารในกลุ่มนี้มีฤทธิ์เปลี่ยนไขมันเป็นกล้ามเนื้อ และลดการสะสมไขมันในเนื้อเยื่อ กระบวนการเลี้ยงหมูในอดีต นิยมใช้สารเร่งเนื้อแดงผสมในอาหารสัตว์เพื่อลดต้นทุนการผลิต เพื่อประโยชน์ในการลดไขมันและเพิ่มเนื้อแดงในตัวหมู โดยงานวิจัยพบว่าสารนี้ทำให้หมูกินอาหารน้อยลงแต่มีน้ำหนักตัวและปริมาณเนื้อแดงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการใช้สารนี้ส่งผลเสียทั้งต่อตัวสัตว์และอาจตกค้างทำอันตรายถึงผู้บริโภคด้วย ต่อมาประเทศไทยจึงได้ออกกฎหมายห้ามใช้สารดังกล่าวในการเลี้ยงสัตว์ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค

น.สพ.ดำเนิน จตุรวิธวงศ์

น.สพ.ดำเนิน กล่าวอีกว่า สารเร่งเนื้อแดงมีคุณสมบัติเสถียรต่อความร้อนทั้งน้ำเดือดที่ 100 องศาเซลเซียส และน้ำมันที่ 260 องศาเซลเซียส การต้ม อบ ทอด หรือใช้ไมโครเวฟ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของสารกลุ่มนี้ ได้ส่งผลให้สารเร่งเนื้อแดงตกค้างอยู่ในเนื้อสัตว์ สามารถส่งผลเสียไปถึงสุขภาพของผู้บริโภคได้โดยตรง มีผลต่อการทำงานของระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ กล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือด หลอดลม กระเพาะปัสสาวะ อาจมีอาการมือสั่นกล้ามเนื้อสั่น-กระตุก ปวดศีรษะ หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ กระวนกระวาย วิงเวียนศีรษะ บางรายมีอาการเป็นลม นอนไม่หลับ คลื่นไส้ อาเจียน มีอาการทางจิตประสาท ข้อมูลทางการแพทย์ชี้ให้เห็นว่าหากร่างกายได้รับสารกลุ่มนี้เข้าไปในปริมาณสูงจะส่งผลต่อสุขภาพ และเป็นอันตรายมากโดยเฉพาะหญิงมีครรภ์ ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ลมชัก และโรคไฮเปอร์ไทรอยด์

……………………………………….

Advertisement

สำหรับแฟนๆ นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน หากต้องการนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านรายปักษ์ ส่งตรงถึงบ้าน รวดเร็วทันใจอ่านได้ในทุกๆ 15 วัน สามารถสมัครสมาชิกได้ที่ คลิกลิงก์ https://shorturl.asia/0zJwQ – Line: @matichonbook หรือ สำนักพิมพ์มติชน เลขที่ 12 ถนนเทศบาลนฤมาล หมู่บ้านประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 ติดต่อฝ่ายขาย 02-589-0020 ต่อ 3354