ผู้เขียน | อาจารย์ธนากร เที่ยงน้อย |
---|---|
เผยแพร่ |
สวัสดีครับ สวัสดีผู้อ่านทุกท่าน พบกันเป็นประจำในคอลัมน์ “คิดใหญ่แบบรายย่อย The challenge of small scale farmers” กับผมธนากร เที่ยงน้อย นาทีนี้กระท่อมถือเป็นพืชที่หลายคนตั้งความหวังเอาไว้ว่าจะสามารถขยับไปเป็นพืชเศรษฐกิจได้ในอนาคตอันใกล้ หลายคนบอกว่ากระท่อมอาจจะเป็นเพียงพืชตามกระแส เหมือนพืชอีกหลายชนิดที่ผ่านมาแล้วผ่านเลยไป ผมเองก็ไม่สามารถฟันธงลงไปได้ว่ากระท่อมจะเข้าเส้นชัยคว้าตำแหน่งพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ไปครองได้หรือไม่ แต่เพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้ที่สนใจ ผมก็พยายามสืบเสาะหาคำตอบจากผู้รู้ พยายามจะพาไปดูคนที่ลงมือลงทุนจริงจังกับการปลูกกระท่อม ฉบับนี้จึงพาท่านขึ้นไปเหนือซู้ดดด…ของประเทศไทย ตามไปเชียงรายกันเลยครับ

พีทีเอ็น ฟาร์ม (PTN Farm) กระท่อมก้านแดง เชียงราย
พาท่านมาพบกับ ดร.ปรัชญา เตวิยะ เจ้าของพีทีเอ็น ฟาร์ม (PTN Farm) ที่บ้านเลขที่ 555 หมู่ที่ 1 ตำบลเมืองพาน อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ดร.ปรัชญา เล่าว่า “โดยส่วนตัวมองว่ากระท่อมเป็นไม้ยืนต้นลงทุนต้นพันธุ์แค่ครั้งเดียว สามารถเก็บผลผลิตไปได้นานเพราะกระท่อมมีอายุหลายสิบปี นอกจากนั้น ต้นกระท่อมเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณมากมาย หากมีการศึกษาวิจัยในทุกมิติอนาคตจะมีประโยชน์อย่างมากทางด้านการแพทย์ พอมองเห็นประโยชน์ต่างๆ หลังจากรัฐบาลปลดล็อกพืชกระท่อมจากพืชเสพติดเป็นพืชสมุนไพรเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2564 จึงได้เริ่มปลูกต้นกระท่อมก้านแดง (แมงดา) จำนวน 600 ต้น เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564 ที่ไร่อมรพัฒน์ ตำบลป่าหุ่ง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ซึ่งถือว่าเป็นการทดลองปลูกกระท่อมครั้งแรก โดยใช้ต้นพันธุ์กระท่อมก้านแดงจากการเพาะเมล็ดทั้งหมด เนื่องจากต้นเพาะเมล็ดจะมีระบบรากแก้วทำให้ต้นสมบูรณ์แข็งแรง โตเร็ว จนเห็นว่าสามารถปลูกกระท่อมได้ผลดีจึงขยายพื้นที่การปลูกออกไป โดยเลือกพื้นที่ตรงนี้ซึ่งเดิมทำบ่อเลี้ยงปลานิลซึ่งเป็นธุรกิจของที่บ้าน ใช้บ่อปลานิลพื้นที่ 2.5 ไร่ ปลูกต้นกระท่อมก้านแดง ระยะปลูก 2×2.5 เมตร ได้ทั้งหมด 700 ต้น และตั้งชื่อฟาร์มว่า “พีทีเอ็น ฟาร์ม (PTN Farm)”

การปลูกกระท่อมลงแปลงต้องมีระบบน้ำที่ดี
ดร.ปรัชญา บอกต่อไปว่า “จากการทดลองปลูกพบว่ากระท่อมเป็นพืชที่ชอบน้ำ ชอบแดด การปลูกเลี้ยงต้นกระท่อมลงแปลงจะต้องมีระบบน้ำที่ดีและจะมีต้นทุนการให้น้ำสูงมาก ที่แปลงปลูกกระท่อมแปลงแรกที่ไร่อมรพัฒน์ผมใช้ระบบน้ำแบบประปาภูเขาจากแหล่งต้นน้ำบนภูเขา โดยปล่อยน้ำจากบ่อเก็บน้ำลงมาแปลงปลูกด้านล่างแล้วใช้ระบบการให้น้ำแบบมินิสปริงเกลอร์ ส่วนแปลงที่บ่อเลี้ยงปลานิลใช้วิธีการปล่อยน้ำจากบ่อเลี้ยงปลาที่อยู่ติดกันลงมาให้ท่วมแปลงปลูกกระท่อมซึ่งมีวิธีการที่แตกต่างกัน จึงมีความคิดที่จะขยายการปลูกกระท่อมในบ่อปลานิล เพราะการเลี้ยงปลานิลเป็นธุรกิจของครอบครัวอยู่แล้ว จึงมีพื้นที่บ่อปลาอยู่หลายบ่อ
จึงขยายพื้นที่ปลูกกระท่อมมาปลูกในบ่อปลานิลที่สูบน้ำออกหมดแล้วมีผลดีคือสะดวกต่อการให้น้ำโดยการปล่อยน้ำเลี้ยงปลาจากบ่อที่อยู่ติดกันให้น้ำไหลมาท่วมในแปลงปลูกกระท่อมประมาณ 2-3 วัน หลังจากที่น้ำซึมลงดินหมดแล้วก็ปล่อยน้ำใหม่ วิธีการให้น้ำแบบนี้จะทำให้ต้นกระท่อมได้ธาตุอาหารจากน้ำเลี้ยงปลาไปด้วย ทำให้ช่วยลดต้นทุนค่าน้ำและค่าปุ๋ยอีกด้วย”

ใช้การเกษตรปลอดภัยดูแลผลผลิต
เนื่องจากการบริโภคกระท่อมนั้นผู้บริโภคส่วนหนึ่งนิยมนำใบกระท่อมสดมาเคี้ยว ดังนั้น การดูแลไม่ให้ใบกระท่อมมีสารเคมีตกค้างจึงเป็นเรื่องสำคัญ เรื่องนี้ ดร.ปรัชญา บอกว่า “กระท่อมเป็นพืชสมุนไพรที่ใช้ใบในการบริโภคใบสดหรือนำใบมาต้มเป็นน้ำกระท่อม การปลูกเลี้ยงต้นกระท่อมของเราจึงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ กระท่อมที่เราขายออกไปต้องปลอดภัยจากสารเคมี ที่พีทีเอ็น ฟาร์ม เราใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมี รวมทั้งใช้สารชีวภัณฑ์ในการควบคุมกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืช เพราะต้นกระท่อมมีแมลงศัตรูพืชหลายชนิด เช่น แมลงนูน หนอน เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ และไรแดง เป็นต้น การป้องกันกำจัดโดยการพ่นสารสมุนไพรกำจัดแมลงเมื่อพบการเข้าทำลาย ส่วนโรคพืชพบโรคใบจุดแต่ไม่มากจึงไม่ได้มีการป้องกันกำจัด การให้ปุ๋ย (ต้นกระท่อมอายุ 1 ปี) ใช้วิธีการให้ปุ๋ยทางดินทุก 15 วัน โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ผสมกับปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ 20-30 กรัมต่อต้น โรยรอบๆ โคนต้น แล้วรดน้ำให้ชุ่ม”

ขยายตลาดหวังกระจายผลผลิตทั่วภาคเหนือ
ในเรื่องการตลาด ดร.ปรัชญา บอกว่า ผลผลิตใบกระท่อมของพีทีเอ็น ฟาร์ม เราเริ่มจากการจำหน่ายใบสดหน้าร้าน จากนั้นเริ่มมีพ่อค้ามารับไปขายต่อ โดยเรามีการเก็บใบกระท่อม เพื่อจำหน่าย 2 แบบ
แบบที่ 1 ใบคัด (เรียงใบมัดเข้ากำ) ใบคัดมี 2 เกรด ใบเกรด A กิโลกรัมละ 300 บาท ใบเกรด B (ใบเล็ก ใบมีตำหนิ) กิโลกรัมละ 200 บาท
แบบที่ 2 ใบรวม (เก็บรวมแบบไม่มีการคัดเรียงใบ) กิโลกรัมละ 150 บาท
ปัจจุบันมีคนนิยมบริโภคใบกระท่อมสดและน้ำต้มใบกระท่อมเพิ่มขึ้นเนื่องจากเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณหลายอย่าง ก่อนหน้านี้ทางภาคเหนือยังมีการปลูกต้นกระท่อมค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่พ่อค้ารายย่อยมักจะรับใบกระท่อมมาจากทางภาคใต้แล้วนำมาแบ่งขายปลีก ผมจึงเข้าไปหาพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยเหล่านี้ทั่วเมืองเชียงรายแล้วแนะนำให้ลองผลผลิตของเรา รวมทั้งพาคนที่สนใจมาเยี่ยมชมแปลงปลูกกระท่อมของเรา ผลตอบรับที่ได้ดีมาก
พ่อค้าแม่ค้าพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าใบกระท่อมของเรามีความสดและคุณภาพดีไม่แตกต่างจากใบกระท่อมทางภาคใต้ ทำให้เราสามารถขยายตลาดออกไปได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวางขึ้น ทั้งนี้ อีกส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะที่พีทีเอ็น ฟาร์ม เราเก็บใบสดๆ ส่งให้ลูกค้า มีการดูแลแปลงปลูกกระท่อมเป็นอย่างดี ทำให้ต้นกระท่อมของเรามีต้นสูงใหญ่ ให้ผลผลิตใบเยอะ คนที่เข้ามาเยี่ยมชมฟาร์มต่างชื่นชอบ จึงเป็นอีกเหตุผลที่เราสามารถขยายตลาดออกไปได้เร็วขึ้น รวมทั้งการที่เรามีต้นกระท่อมกว่า 1,500 ต้น ที่สามารถเก็บใบกระท่อมสดขายได้ตลอดทั้งปีก็เป็นจุดแข็งที่ทำให้เราสามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้มากขึ้นเรื่อยๆ

มองอนาคตพืชกระท่อมไว้อย่างไร
ดร.ปรัชญา ให้มุมมองอนาคตของพืชกระท่อมว่า ตลาดใบกระท่อมปัจจุบันการแข่งขันยังไม่สูงเพราะส่วนใหญ่เพิ่งเริ่มปลูกต้นยังไม่แก่พอที่จะเก็บใบขายได้ แม้ว่าในอนาคตจะมีผู้ปลูกเลี้ยงกระท่อมจำนวนมากและมีผลผลิตใบกระท่อมจำนวนมากออกสู่ตลาด แต่ความต้องการใบกระท่อมทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศยังมีสูงมาก การศึกษาวิจัยแบบครบวงจรของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ จะเป็นประโยชน์อย่างมากกับเกษตรกรผู้ปลูกเลี้ยงกระท่อม
ในส่วนของการแปรรูปพืชกระท่อม ดร.ปรัชญา มองว่า พีทีเอ็น ฟาร์ม ของเราตอนนี้ยังไม่มีการแปรรูปใบกระท่อมเพื่อจำหน่าย เนื่องจากการแปรรูปกระท่อมเพื่อจำหน่ายต้องขออนุญาตกับทาง อย. ให้ถูกต้องก่อน แต่อนาคตพีทีเอ็น ฟาร์ม มีแนวคิดที่จะทำการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ

คงจะเห็นได้ว่าพืชกระท่อมตอนนี้เป็นพืชทำเงินสำหรับคนที่พร้อมคนที่เริ่มมาก่อนอย่างแท้จริง ใครสนใจอยากพูดคุยเรื่องกระท่อม หรืออยากซื้อผลผลิตจากพีทีเอ็น ฟาร์ม ติดต่อไปได้ที่ ดร.ปรัชญา เตวิยะ โทร. 081-399-1811 กระท่อมจะเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่หรือไม่ก็ขอให้ท่านผู้อ่านพิจารณากันเอง แต่อย่าลืมหาข้อมูลหลายๆ ด้าน หลายแหล่งมาประกอบกันเพื่อไม่ให้กระแสพาเราไปสุสานเหมือนพืชหลายชนิดที่ผ่านมา สำหรับฉบับนี้หมดพื้นที่ของคอลัมน์ “คิดใหญ่แบบรายย่อย The challenge of small scale farmers” กับผมธนากร เที่ยงน้อย แล้ว เอาไว้พบกันใหม่ในฉบับต่อไป ลากันไปก่อนสวัสดีครับ