วิเคราะห์กม.ต่างด้าว หนุนเครื่องจักรผลิต

นางภรณี ทองเย็น รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัท หลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด เปิดเผยว่า จากกรณีที่รัฐบาลประกาศพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ประเมินว่าจะกระทบต่อบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์มากกว่า อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทในตลาดหลักทรัพย์จะเตรียมตัวและมีระบบเรื่องการจัดการแรงงานดีอยู่แล้ว แต่ต้นทุนการจัดการด้านแรงงานอาจเพิ่มขึ้นจากการบังคับใช้ พ.ร.ก.ดังกล่าว โดยคาดว่าบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่จะได้รับผลกระทบด้านต้นทุน คือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ซึ่งมีต้นทุนแรงงานคิดเป็น 13% ของต้นทุนทั้งหมด โดยแรงงาน 30% เป็นแรงงานต่างด้าว และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่มีต้นทุนแรงงานคิดเป็น 7% ของต้นทุนทั้งหมดโดยแรงงาน 90% เป็นแรงงานต่างด้าว

นางภรณี กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นคาดว่าจะกระทบกำไรกับทั้งสองบริษัทเล็กน้อย เพราะสัดส่วนต้นทุนแรงงานของทั้งสองบริษัทไม่มากนักเมื่อเทียบกับต้นทุนรวม หลังจากนี้ฝ่ายวิเคราะห์จะรวบรวมข้อมูลเรื่องต้นทุนแรงงานปลีกย่อยของบริษัทจดทะเบียนอีกครั้ง แต่เชื่อว่าบริษัทที่กระทบส่วนใหญ่จะอยู่ในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานมาก เช่น สถานีเติมน้ำมัน โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า เป็นต้น โดยการใช้ พ.ร.ก.นี้จะหนุนให้อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานจำนวนมากย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนที่ยังตั้งฐานการผลิตอยู่ที่ไทยจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตเป็นเครื่องจักรมากขึ้น

 

ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน