ที่มา | แปรรูปได้ขายดี |
---|---|
ผู้เขียน | ธาวิดา ศิริสัมพันธ์ |
เผยแพร่ |
ก่อนที่จะไปถึงกระบวนการแปรรูปเห็ดโคนเงินล้าน ผู้เขียนขออนุญาตนำที่มาของการจัดตั้งสหกรณ์การเกษตรในโครงการ พัฒนาพื้นที่บริเวณหนองอึ่ง มาบอกเล่าสู่กันฟังก่อน โดยอ้างอิงข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) เดิมทีพื้นที่แห่งนี้ ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ โดยมีน้ำท่วมหนักในฤดูฝน ฤดูร้อนหรือหน้าแล้งก็จะขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นภัยที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี สร้างความเสียหายให้แก่ประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก



ด้วยเหตุนี้เอง ฤดูที่ไม่สามารถเพาะปลูกทำกินได้ ชาวบ้านจึงจำเป็นต้องเลี้ยงชีพด้วยการบุกรุกแผ้วถางทำกินในป่าชุมชนผืนเดียวในพื้นที่คือ ป่าดงมัน ซึ่งกินพื้นที่ถึง 1,000 ไร่ ทั้งเพื่อสร้างที่อยู่อาศัย ทำไร่เลื่อนลอย หาของป่า ตัดไม้เพื่อมาทำฟืน ฯลฯ ส่งผลให้สภาพผืนป่าจึงเริ่มเสื่อมโทรมลง และรุนแรงขึ้นทุกปีๆ


จนกระทั่งในวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ขณะทรงดำรงพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร) ไปทรงเยี่ยมราษฎรผู้ประสบภัย ณ โรงเรียนบ้านคำน้ำสร้าง ตำบลค้อเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร
เมื่อทรงทราบถึงปัญหาที่ชาวบ้านประสบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน จึงได้พระราชทานแนวพระราชดำริ ให้พัฒนาและปรับปรุงพื้นที่โดยรวมในทันที ซึ่งครอบคลุมการพัฒนาพื้นที่ได้ครบทุกมิติ แบ่งออกเป็น 3 แนวทาง คือ

- พัฒนาขุดลอกหนองอึ่งเพื่อเป็นแหล่งน้ำ สำหรับทำการเกษตรและขยายพันธุ์ปลา
- พัฒนาปรับปรุงพื้นที่ สภาพดินรอบหนองอึ่ง ด้วยการปลูกต้นไม้และหญ้าแฝก ป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน
- ฟื้นฟูสภาพป่าโดยรอบหนองอึ่ง เพื่อให้คนอยู่กับป่าได้อย่างเกื้อกูลกัน

จากแนวพระราชดำริที่พระราชทานไว้นี้เอง จึงได้ก่อเกิดความร่วมมือจากประชาคมชาวบ้านทั้ง 7 หมู่บ้านรอบโครงการ นำแนวทางพระราชดำรินี้ไปขยายผลอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม จนทำให้โครงการพัฒนาพื้นที่หนองอึ่ง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ สำเร็จและกลายเป็นพื้นที่ต้นแบบของการพัฒนาลำดับต้นๆ ของประเทศไทยได้ในที่สุด
โดยหลังจากในหลวงรัชกาลปัจจุบันได้พระราชทานพระราชดำริไว้เมื่อปี 2543 อีก 3 ปี คือในปี 2546 ผลจากโครงการก็ค่อยปรากฏเป็นความอุดมสมบูรณ์ที่เริ่มกลับคืนสู่ป่าชุมชนดงมัน ชาวบ้านโดยรอบ 7 หมู่บ้าน มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจากการเก็บของป่าขายไม่ต่ำกว่าปีละ 3 ล้านบาท ซึ่งผลิตผลสำคัญ ได้แก่ เห็ด อาทิ เห็ดโคน เห็ดเผาะ เห็ดระโงก เห็ดตะไค เห็ดก่อ ไปจนถึง แมงจินูน จิ้งโกร่ง ไข่มดแดง โดยชาวบ้านสามารถเก็บเกี่ยวผลิตผลจากป่าชุมชนดงมันได้ถึง 5-6 ตันต่อปีเลยทีเดียว

ไม่เพียงเท่านั้น ผลิตผลของพื้นที่แห่งนี้ยังนำไปพัฒนาแปรรูปสินค้าในแบรนด์ วนาทิพย์ สินค้า OTOP ชุมชนของคนรักษ์ป่า ที่จัดตั้งโดยกลุ่มเกษตรกรเพาะเห็ด บ้านค้อเหนือ (นิติบุคคล) เพื่อดำเนินกิจการแปรรูปอาหารจากป่าชุมชน และสหกรณ์การเกษตรในโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณหนองอึ่ง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำกัด ยังเป็นผู้ผลิตรายเดียวในประเทศไทยที่ทำเห็ดโคนกับไข่มดแดงแปรรูปบรรจุขวดและกระป๋อง

คุณลุนนี วิเศษแก้ว หรือ แม่ลุน ประธานกลุ่มเกษตรกรเพาะเห็ด อาศัยอยู่ที่หมู่ที่ 12 ตำบลค้อเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร เล่าให้ฟังว่า หลังจากความอุดมสมบูรณ์ของป่ากลับคืนมา ชาวบ้านเริ่มมีรายได้มากขึ้นจากเห็ดชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขายเห็ดสดและเห็ดแปรรูป ไปจนถึงแมลงพื้นบ้าน ที่ชาวบ้านจับไปขายเป็นรายได้เสริมหลังจากการทำนาได้เป็นจำนวนเงินไม่น้อย

ซึ่งในเวลาต่อมาชาวบ้านก็ได้มีการรวมกลุ่มเกษตรกรเพาะเห็ดขึ้น โดยกิจการงานแปรรูปสินค้าเริ่มไปได้สวย ก็เริ่มมีสมาชิกเพิ่มมากขึ้น ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์จึงได้ให้คำแนะนำให้ทางกลุ่มจดทะเบียนจัดตั้งสหกรณ์ เพื่อให้มีผลในการต่อรองทั้งในด้านการซื้อและการขายสินค้า ที่สมาชิกผลิตได้ โดยปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 69 คน

การแปรรูปเห็ดโคนในน้ำเกลือ
ผลิตภัณฑ์เด่นสร้างเงินล้าน
แม่ลุน บอกว่า เห็ดโคนถือเป็นเห็ดที่หากินได้ยากและมีราคาแพง มีให้กินเพียงปีละครั้ง เนื่องจากเห็ดโคนจะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพธรรมชาติ และความชื้นและอุณหภูมิที่พอเหมาะเท่านั้น โดยในพื้นที่บริเวณนี้เห็ดโคนจะเริ่มมาเก็บตั้งแต่เดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนตุลาคม และหลังจากฤดูกาลทำเห็ดเสร็จสิ้นลง ก็จะเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าว และเริ่มทำนาปรังพอดี ซึ่งวิถีชีวิตหลักๆ ของคนในชุมชนจะเป็นแบบนี้ หรือถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือ การทำนาปลูกข้าวก็ยังคงเป็นอาชีพหลักของคนในพื้นที่ ส่วนการเก็บเห็ดและแปรรูปเห็ดถือเป็นอาชีพเสริมที่สร้างรายได้ดีมากๆ แต่จะใช้เวลาในการทำไม่นาน เพียง 2-3 เดือน ก็หมดฤดูกาลของเห็ด

โดยเห็ดโคนที่นำมาแปรรูปทั้งหมดจะต้องมีการคัดเลือกเอาเฉพาะเห็ดที่มีลักษณะสมบูรณ์ ดอกสวย ดอกตูม ก้านดอกยาว จากสมาชิกกลุ่มที่เก็บมาส่งขายในราคาประกัน หากเป็นช่วงที่เห็ดออกเยอะจะรับซื้อเห็ดโคนในราคา 330 บาทต่อกิโลกรัม แต่หากเป็นช่วงที่เห็ดออกน้อยจะรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 350 บาท ซึ่งการประกันราคาตรงนี้ถือเป็นการช่วยชาวบ้านไม่ให้ถูกพ่อค้าคนกลางกดราคาได้อีกทางหนึ่ง

กระบวนการแปรรูป
- เห็ดโคนที่นำมาแปรรูปจะต้องเป็นเห็ดโคนที่สด ตัวอย่างเช่น หากสมาชิกในกลุ่มเก็บเห็ดมาส่งในวันนี้ พรุ่งนี้เช้าต้องเริ่มดำเนินการผลิตทันที ทางกลุ่มจะไม่นำเห็ดที่แช่ตู้เย็นทิ้งไว้หลายวันแล้วนำมาทำเพราะสภาพของเห็ดจะเริ่มเปลี่ยน ดอกจะนุ่ม อมน้ำ ทำให้รสสัมผัสเปลี่ยนไป และอีกทางหนึ่งคือเมื่อนำมาบรรจุใส่ขวดแก้วแล้วจะทำให้ไม่เป็นที่ดึงดูดใจลูกค้า
- ขั้นตอนการชั่งน้ำหนักถือเป็นส่วนสำคัญในการคำนวณทั้งคุณภาพและต้นทุนการผลิต โดยตั้งแต่กระบวนการแรกถึงกระบวนการสุดท้ายของการแปรรูปจะมีการชั่งน้ำหนักประมาณ 4 ครั้งด้วยกัน ครั้งที่ 1 คือตอนที่สมาชิกในกลุ่มเก็บเห็ดมาส่งยังไม่ได้นำดินออก ครั้งที่ 2 หลังจากที่ขูดดินออก ครั้งที่ 3 นำดินที่ขูดออกมาชั่ง เพื่อให้รู้ว่าเมื่อเอาดินออกแล้ว จะเหลือน้ำหนักเห็ดจริงๆ กี่กิโลกรัม และ ครั้งที่ 4 ก่อนเข้าห้องบรรจุต้องนำไปชั่งอีกครั้งว่าหลังจากกระบวนการแปรรูปแล้วเหลือน้ำหนักสุทธิเท่าไหร่ เป็นการเก็บข้อมูลมาตีค่าเฉลี่ยความสูญเสีย เพื่อนำมาคำนวณต้นทุนและกำไรที่ถูกต้อง ถือเป็นขั้นตอนที่ละเอียดและมองข้ามไม่ได้
- เมื่อผ่านขั้นตอนการชั่งน้ำหนัก ขูดดินที่ติดมากับก้านเห็ดเรียบร้อยแล้ว นำมาล้างทำความสะอาดประมาณ 3-4 น้ำ
- นำเห็ดที่ล้างทำความสะอาดไปลวกในน้ำร้อนประมาณ 10 นาที จะได้เห็ดที่ไม่สุกจนเกินไป เพื่อให้เวลาจัดใส่ขวดแก้วมีความสวยงาม และง่ายต่อการจัดการ
- หลังจากลวกเสร็จนำเห็ดมาบรรจุใส่ไว้ในกระป๋องหรือขวดแก้ว แล้วนำน้ำเกลือสูตรเฉพาะที่ทำเตรียมไว้เทใส่ลงไป โดยน้ำเกลือที่ใช้หลังจากต้มเสร็จเรียบร้อย ต้องนำมากรองในผ้าขาวบางอีกรอบเพื่อความสะอาด แล้วจึงค่อยเติมใส่ลงไปในขวดแก้ว
- จากนั้นนำไปนึ่งในซึ้งเพื่อไล่อากาศประมาณ 15 นาที นำเข้าห้องปิดฝา แล้วนำเข้าหม้อนึ่งความดันในอุณหภูมิ 120 องศาเซลเซียส อีกครั้ง
- จากนั้นนำมาพักไว้ 7 วัน เพื่อตรวจเช็กคุณภาพว่ามีส่วนไหนเสียหายหรือไม่ หากไม่มีการชำรุดเสียหายของผลิตภัณฑ์สามารถจำหน่ายได้เลย โดยมีอายุการเก็บรักษาได้ 1 ปีครึ่งตามที่ อย. กำหนด

การจำหน่าย ในรูปแบบกระป๋อง ราคา 210 บาท และแบบบรรจุในขวดแก้ว ราคา 310 บาท เป็นเห็ดโคนคัดพิเศษ ดอกสวย ดอกตูม มาตรฐานสม่ำเสมอ และนอกจากผลิตภัณฑ์เห็ดโคนในน้ำเกลือแล้ว ยังจำหน่ายในรูปแบบของเห็ดสด รวมถึงอาหารพื้นบ้านอย่างอื่นที่ต่อยอดอีก เช่น เห็ดเผาะในน้ำเกลือ ไข่มดแดงในน้ำเกลือ และแม่เป้งคั่วเกลือ
นับได้ว่าทุกผลิตภัณฑ์ที่กล่าวถึงสร้างมูลค่าได้ไม่น้อย โดยเฉพาะเห็ดโคนในน้ำเกลือ ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้ให้คนในชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น จากเมื่อก่อนทำนาเพียงอย่างเดียวรายได้ไม่พอเลี้ยงครอบครัว แต่พอมีการรวมกลุ่มแปรรูปเห็ดขึ้นมาพอถึงสิ้นปีมีเงินปันผล ชาวบ้านมีรายได้มากขึ้น ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ดีและภูมิใจที่ได้อยู่ในโครงการนี้
ปริมาณผลผลิต เน้นผลิตตามออร์เดอร์เป็นหลัก เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีอายุการเก็บรักษา ใน 1 ปี จะต้องระบายสินค้าออกให้หมดปีต่อปี แต่ถ้าหากช่วงไหนมีออร์เดอร์เข้ามามากทางกลุ่มก็สามารถผลิตได้มากตามความต้องการของลูกค้า เพราะในแต่ละปีผลผลิตออกมามากมาย หากแปรรูปไม่หมดก็จะแพ็กขายเป็นเห็ดสด

เปิดตลาดแบบวิถีชาวบ้าน
“การหาตลาดของแม่นั้น เป็นการหาตลาดแบบวิถีดั้งเดิมที่คนมีอายุอย่างแม่จะสามารถทำได้ และทำได้ดีที่สุดคือการเดินเข้าไปหาลูกค้า ทั้งร้านอาหาร ร้านขายของฝาก รวมถึงการออกบู๊ธขายสินค้าตามต่างจังหวัด เพื่ออยากให้คนทั่วทุกภาคได้รู้จักสินค้าของแม่ โดยจะใช้วิธีการนำเอาของที่เรามีไปเปิดให้เขาชิม หากร้านไหนถูกใจก็สั่งซื้อเป็นลูกค้าประจำกัน ใช้เวลาเปิดตลาดเป็นระยะเวลานานเหมือนกัน จนทุกวันนี้แม่ไม่ต้องเดินไปหาตลาดเองแล้ว มีตลาดเข้ามาหาเราเอง รวมกับที่ตอนนี้ทางกลุ่มได้ผลิตส่งให้กับห้างแม็คโคร และอยู่ในช่วงทำตลาดออนไลน์ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่น้อย และในปีหน้าคาดการณ์ไว้ว่าหากสินค้าขายหมดสต๊อก จะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 3 ล้านบาท” แม่ลุน กล่าวทิ้งท้าย





สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. 080-394-5337 หรือติดต่อที่เพจเฟซบุ๊ก : วนาทิพย์ สหกรณ์การเกษตรในโครงการ พัฒนาพื้นที่บริเวณหนองอึ่ง, สหกรณ์โครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณหนองอึ่งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำกัด