เกษตรกรลำพูน เลี้ยงโคเนื้อแบบไล่ทุ่ง ช่วยประหยัดต้นทุน มีรายได้หลักแสนต่อปี

การทำปศุสัตว์โดยเฉพาะการเลี้ยงโคเนื้อในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางการสร้างอาชีพที่ดี โดยเกษตรกรที่เข้ามาสู่ในวงการมีทั้งเป็นคนรุ่นใหม่และหลากหลายวัยมากขึ้น โดยบางท่านสานต่ออาชีพเดิมที่เป็นของครอบครัว มาทำการเลี้ยงและพัฒนาต่อยอดในแบบของตัวเอง หรือแม้แต่ผู้สนใจรายใหม่ที่ชื่นชอบโคเนื้อเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็ได้ศึกษาการเลี้ยงและเลือกสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับตัวเอง มาเลี้ยงพร้อมทั้งพัฒนาสายพันธุ์อย่างต่อเนื่องทำให้เกิดรายได้เป็นอาชีพที่มั่นคง โดยที่ไม่ต้องทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดไปทำงานไกลบ้าน แต่สามารถทำอาชีพทางปศุสัตว์เกิดรายได้และดูแลครอบครัวไปได้พร้อมๆ กัน

คุณนิอร ต๊ะนา หรือ คุณโบว์

คุณนิอร ต๊ะนา หรือ คุณโบว์ อายุ 31 ปี เจ้าของ BT Bow Farm ตั้งอยู่ที่ ตำบลศรีบัวบาน อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน คนรุ่นใหม่ไฟแรงที่ได้สานต่ออาชีพเลี้ยงโคอเมริกันบราห์มันลูกผสมจากคุณแม่ โดยเธอได้ทำการเลี้ยงแบบประหยัดต้นทุน และมีแนวคิดที่จะต่อยอดพัฒนาสายพันธุ์ให้มีสายเลือดที่สูงขึ้นในอนาคต ซึ่งตลาดที่ส่งจำหน่ายอยู่ตอนนี้คือตลาดพัฒนาสายพันธุ์และตลาดโคเนื้อ

พ่อพันธุ์อเมริกันบราห์มันเลือดร้อย

คุณโบว์ เล่าว่า โคเนื้อลูกผสมอเมริกาบราห์มันที่เลี้ยงอยู่ทุกวันนี้ เป็นโคที่ได้สานต่อมาจากคุณแม่ ซึ่งการทำปศุสัตว์เป็นสิ่งที่เธอเห็นครอบครัวทำมาตั้งแต่ยังเด็ก ต่อมาเมื่อเธอเรียนจบได้ไปทดลองทำงานตามบริษัทอยู่บ้าง แต่ยังไม่ตอบโจทย์จึงได้กลับมาอยู่บ้านและช่วยครอบครัวเลี้ยงโคเนื้อมาจนถึงปัจจุบัน

“พอเรียนจบ ปวส. หนูก็ได้ทดลองทำงานที่อื่นบ้าง แต่ก็รู้สึกไม่อิสระ ซึ่งก่อนหน้านั้นครอบครัวได้บอกไว้ว่า ถ้าเรียนจบแล้วอยากให้มาช่วยเลี้ยงโค พอได้เริ่มมาทำและเรียนรู้การเลี้ยงไปเรื่อยๆ ก็เริ่มรู้สึกรักและชอบ แต่เราก็ต้องฝึกหลายอย่าง เพราะโคที่เลี้ยงจะเน้นแบบไล่ทุ่ง พาไปกินหญ้าตามที่ต่างๆ เราก็ต้องฝึกการไล่ต้อน ในการบังคับไปทางซ้ายทางขวา ซึ่งการเลี้ยงแบบนี้จะประหยัดต้นทุน แต่เราต้องดูแลโคตลอดทั้งวัน พอตอนเย็นเราก็จะต้อนกลับเข้าคอก เลี้ยงเป็นประจำแบบนี้ทุกวัน” คุณโบว์ บอก

พ่อพันธุ์โคสำหรับผสมพันธุ์ในฟาร์ม

สำหรับพื้นที่โรงเรือนที่ให้โคอยู่ในช่วงหลังต้อนกลับเข้ามาในช่วงเย็นนั้น คุณโบว์ บอกว่า จะแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน โคพ่อพันธุ์จะแยกอยู่อีกคอกหนึ่ง ส่วนโคที่อายุเท่าๆ กันปกติก็จะอยู่รวมกัน และโคที่ตั้งท้องจนถึงเลี้ยงลูกก็จะให้อยู่อีกพื้นที่หนึ่ง พร้อมกันนี้ยังมีแบ่งพื้นที่ปลูกหญ้าจำนวน 4 ไร่เอาไว้ด้วย แต่ด้วยจำนวนโคที่เลี้ยงทั้งหมดมีอยู่ถึง 78 ตัว แปลงหญ้าที่ปลูกเองจะตัดไว้ให้แม่โคที่ให้นมลูกเป็นหลัก ส่วนตัวอื่นๆ จะนำออกไปเลี้ยงไล่ทุ่งและตัดหญ้าจาก     แหล่งอื่นๆ มาให้กินเสริมเข้าไปด้วย

การผสมพันธุ์โคเนื้ออเมริกันบราห์มันลูกผสมภายในฟาร์ม จะเน้นการผสมเองตามธรรมชาติ โดยจะมีพ่อพันธุ์อเมริกันเลือดร้อย และพ่อพันธุ์อเมริกันลูกผสมคุมฝูงอยู่อย่างละ 1 ตัว ส่วนแม่พันธุ์โคอเมริกันบราห์มันลูกผสมที่สามารถผสมพันธุ์ได้จะมีอายุมากกว่า 2 ปี เนื่องจากโคที่เธอเลี้ยงเน้นประหยัดต้นทุนอาหารจึงให้กินหญ้าเป็นหลัก ความสมบูรณ์ของแม่พันธุ์จึงช้ากว่าโคเนื้อที่เลี้ยงแบบยืนโรง

การเลี้ยงแบบไล่ทุ่ง

“อาหารที่ให้โคกินจะเลี้ยงเป็นหญ้าอย่างเดียว ซึ่งช่วงเช้าก็จะออกไปตัดตามพื้นที่อื่นๆ บ้าง เพื่อนำมาให้โคกินในช่วงเย็น หลังจากที่ปล่อยเลี้ยงไล่ทุ่งมา แต่ถ้าช่วงไหนหญ้ามีไม่พอ ก็จะสั่งเป็นฟางข้าวอัดก้อนมาให้โคกินในช่วงเย็น การผสมพันธุ์เราก็จะให้พ่อพันธุ์ทับเองตามธรรมชาติ โดยในช่วงที่เลี้ยงในแต่ละวัน จะเห็นว่าพ่อพันธุ์โคผสมกับแม่โคตัวไหนบ้าง หลังจากผสมแล้วเราก็นับไปอีก 21 วัน ถ้าเขาไม่เป็นสัดอีกแสดงว่าผสมติด แต่ถ้ายังผสมไม่ติด พ่อพันธุ์ก็จะผสมอีกอยู่แบบนี้อีกประมาณ 2-3 ครั้งทุก 21 วันจนกว่าจะติด พอผสมติดก็รอตั้งท้อง 9 เดือน เตรียมดูแลลูกโคที่จะออกมา” คุณโบว์ บอก

การเลี้ยงแบบไล่ทุ่ง

แม่โคที่ตั้งท้องจนได้ครบกำหนดใกล้จะออกลูกแล้ว คุณโบว์ เล่าเสริมว่า จะแยกออกมาจากฝูงทันที จากนั้นจะหมั่นดูและเช็กว่าจะคลอดช่วงไหนและเข้าช่วยจนกว่าลูกโคจะออกจากท้องแม่โค เมื่อลูกโคคลอดออกมาแล้วจะทำวัคซีนป้องกันโรคปากเท้าเปื่อยและโรคลัมปี สกิน ให้กับลูกโคทันที ส่วนโคเนื้อตัวอื่นๆ ภายในฟาร์มก็จะทำวัคซีนให้เช่นกัน โดยทำวัคซีนให้ปีละ 1 ครั้ง  

โดยลูกโคเนื้อส่วนใหญ่จะให้แม่โคเลี้ยงเป็นหลัก พร้อมทั้งฝึกกินหญ้าต่างๆ ไปพร้อมกับแม่โค เมื่อได้อายุ 6 เดือนจะทำการหย่านมทันที แต่ถ้ากรณีลูกโคยังมีตัวที่เล็กหรือยังไม่ได้ขนาด ก็จะปล่อยให้กินนมแม่โคต่อไปอีกประมาณ 1-2 เดือน จากนั้นก็จะมีลูกค้าเข้ามาติดต่อซื้อลูกโคเพื่อไปเลี้ยงพัฒนาสายพันธุ์ต่อไป

แปลงหญ้าที่ปลูกไว้

ในเรื่องของการทำตลาดเพื่อจำหน่ายโคเนื้อพันธุ์ลูกผสมอเมริกันบราห์มันภายในฟาร์ม สมัยก่อนที่เป็นช่วงคุณแม่เลี้ยง คุณโบว์ บอกว่า จะเรียกพ่อค้าเข้ามารับซื้อเพียงอย่างเดียว โดยไม่สามารถกำหนดในเรื่องของราคาได้เหมือนเช่นปัจจุบันที่เธอมารับช่วงต่อ พ่อค้าให้ราคาเท่าไรก็ต่อรองขอเพิ่มนิดหน่อยไปตามนั้น แต่ด้วยยุคปัจจุบันมีสื่อโซเชียลมีเดียที่เป็นกำลังสำคัญในการทำตลาด ทำให้โคภายในฟาร์มเป็นที่รู้จักของลูกค้ามากขึ้น ดังนั้น การเข้าไปอยู่ในกลุ่มผู้เลี้ยงโคตามสื่อออนไลน์ต่างๆ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อทำให้การทำตลาดง่ายขึ้น

โดยตลาดที่ทำการจำหน่ายจะเน้นอยู่ 2 ตลาด คือ ตลาดที่ 1 สำหรับเกษตรกรรายอื่นๆ ซื้อไปเพื่อพัฒนาสายพันธุ์ต่อไป และตลาดที่ 2 ปลดระวางโคตัวผู้ที่ทรงไม่สวย หรือพ่อพันธุ์ที่ผ่านการใช้งานมานานแล้วส่งเข้าโรงเชือด สำหรับจำหน่ายในตลาดเนื้อต่อไป

“โคเนื้อตัวเมียหย่านมอายุ 8 เดือนถึง 1 ปีขึ้นไป ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ตัวละ 20,000-30,000 บาท จะเน้นขายเป็นไซซ์นี้เป็นหลัก แต่ถ้าเป็นตัวผู้อายุเท่ากันกับตัวเมีย หลังหย่านมแล้วจะมีลูกค้าซื้อเพื่อนำไปขุนต่อ ราคาต่อตัวเริ่มต้นอยู่ที่ 13,000 บาท ส่วนโคเนื้อตัวผู้ที่ตัวใหญ่เป็นพ่อพันธุ์ปลดระวางแล้ว ราคาก็จะขายออกอยู่ที่ตัวละ 60,000 บาท ซึ่งราคาที่บอกมานี้ก็ไม่ตายตัว สามารถขึ้นลงได้ การขายก็จะอยู่ที่ความพอใจของเราเป็นหลัก” คุณโบว์ บอก 

ปุ๋ยคอก จำหน่ายได้กระสอบละ 25 บาท

เมื่อต้องเข้ามารับช่วงต่อการเลี้ยงโคเนื้อให้กับครอบครัว คุณโบว์ ทิ้งท้ายให้ฟังว่า ช่วงแรกก็มีกระแสกดดันบ้างจากคนทั่วไปว่าทำไมไม่เรียนต่อ เพื่อที่จะได้ทำงานในบริษัทที่มีความมั่นคงมากกว่านี้ แต่เธอยังคงยืนหยัดและให้กำลังใจกับตัวเองอยู่เสมอว่า อาชีพนี้เป็นอาชีพที่อิสระสามารถสร้างเงินเก็บเป็นก้อนได้ และการที่จะได้เงินมากหรือน้อยอยู่ที่ความขยันของเธอเอง  ดังนั้น การเป็นนายตัวเองจึงเป็นสิ่งที่เธอเลือกและจะพัฒนาการเลี้ยงต่อไปโคเนื้อลูกผสมอเมริกันบราห์มันของเธอต่อไป

พื้นที่ภายในคอก
มีฟางให้กินหลังกลับจากไล่ทุ่ง

สำหรับท่านใดที่สนใจในเรื่องของการเลี้ยงโคเนื้อลูกผสมอเมริกันบราห์มัน หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือองค์ความรู้ต่างๆ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ คุณ นิอร ต๊ะนา หรือ คุณโบว์ หมายเลขโทรศัพท์ 095-452-5686