ที่มา | สัตว์เลี้ยงสวยงาม |
---|---|
ผู้เขียน | วิภาวรรณ เพ็ชรศรี |
เผยแพร่ |
“ไอโซพอด” สัตว์เลี้ยงดึกดำบรรพ์ ตัวเล็ก น่ารัก เลี้ยงง่าย นิสัยดี
“ประเทศไทยถูกยกให้เป็นประเทศที่มีไอโซพอดสวยที่สุดในโลก ไอโซพอดเป็นสัตว์ประเภทเดียวกับกุ้ง (ครัสเตเชียน) เป็นสัตว์เปลือกแข็ง ขาปล้อง เวลาเจริญเติบโตจะต้องลอกคราบ น้องเป็นผู้ย่อยสลายตามธรรมชาติ โดยปกติแล้วสามารถพบได้ทั่วโลก ในป่าทึบที่มีแสงส่องถึงได้น้อย หรือบางสายพันธุ์อยู่ในถ้ำ หน้าผาสูง ชอบหลบอยู่ใต้ไม้ ชอบอากาศเย็น ชื้น ไม่ชอบความร้อน”


คุณโชติรวิน เอื้องฟ้าฮาม หรือ คุณบอส วัย 31 ปี หนุ่มหล่อเจ้าของเพจ “ลิตเติ้ลไอโซพอดไทยแลนด์ Little isopod Thailand” ในพื้นที่เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ที่พลิกวิกฤตช่วงโควิด-19 ระบาด ให้เป็นโอกาส ด้วยการเริ่มเลี้ยงไอโซพอด (Isopod) สัตว์เลี้ยงดึกดำบรรพ์แบบจริงจัง จากประสบการณ์สั่งสมให้เรียนรู้ จนสามารถต่อยอดเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ตีตลาดออฟไลน์และออนไลน์ จนสามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้มาจนถึงปัจจุบัน
“จุดเริ่มต้นของการเลี้ยง ผมเริ่มเลี้ยงเมื่อช่วงโควิดระบาดหนักปีที่แล้ว และก็ขยายกิจการมาเรื่อยๆ ปัจจุบันก็ยังสะสมน้องไอโซพอดสายพันธุ์ต่างๆ เพิ่มอยู่เรื่อยๆ ตอนนี้มีประมาณ 35 สายพันธุ์ครับ ส่วนใหญ่จะสะสมแต่สายพันธุ์ที่เหมาะกับการเพาะเลี้ยง เพราะบางสายพันธุ์ก็ไม่เหมาะกับนำมาเลี้ยงครับ”

ด้านการผสมและขยายพันธุ์ของไอโซพอดนั้น คุณบอส เล่าว่า โดยธรรมชาติไอโซพอดจะออกลูกเป็นตัว ขั้นต่ำครั้งละ 10-15 ตัว ความถี่ของการตั้งท้องขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ บางสายพันธุ์สามารถตั้งท้องและให้ลูกได้ทุกเดือน บางสายพันธุ์อาจจะตั้งท้องและให้ลูก 2-4 เดือนต่อครั้ง มีอายุขัยประมาณ 1-2 ปี ซึ่งอัตราการให้ลูกในจำนวนมากนั้น จะมาทดแทนในส่วนของอายุขัยที่สั้นนั่นเอง
“ปกติน้องไอโซพอดออกลูกเป็นตัว มีอายุขัยประมาณ 1-2 ปี แต่ออกลูกทีละ 10-15 ตัว ความถี่แล้วแต่สายพันธุ์ บางพันธุ์สามารถให้ลูกได้ทุกเดือน บางพันธุ์อาจจะ 2-4 เดือนครั้ง อัตราการออกลูกทีละเยอะๆ จะมาแทนในส่วนของอายุขัยที่สั้นครับ”

เมื่อสอบถามถึงความนิยมในการเลี้ยงในประเทศไทย คุณบอส เล่าว่า ปัจจุบันในประเทศไทยยังไม่ค่อยรู้จักไอโซพอดมากนัก ต่างประเทศต่างยกให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีไอโซพอดสวยที่สุดในโลก เพราะด้วยนิสัยที่น่ารักบวกกับสีสันที่สวยงามแบบแปลกตา
ด้านวิธีการเลี้ยงก็แสนง่าย ไม่ได้ยากอย่างที่หลายคนคิด คุณบอสแนะนำเทคนิคง่ายๆ ของการเลี้ยงไอโซพอด เมื่อนำไอโซพอดมาเลี้ยงก็ควรดูเรื่องความชื้นกับอุณหภูมิ อย่าให้มีความร้อนเกิน 30 องศาเซลเซียส หมั่นเติมความชื้นทุกๆ 5-7 วัน และคอยให้อาหารทุกๆ 1-2 วัน

ปกติตามธรรมชาติไอโซพอดจะกินพวกซากแมลง มอสส์เขียวที่ขึ้นตามขอนไม้ บางสายพันธุ์อาจจะชอบแทะใบไม้ บางสายพันธุ์ก็อาจจะไม่กินใบไม้และมอสส์ เมื่อนำไอโซพอดมาเลี้ยงแนะนำให้กินอาหารสำเร็จรูป วิตามินสดจากแตงกวา และฟักทองดิบหั่นชิ้นเล็ก
สามารถเลี้ยงในห้องแอร์ได้ และสามารถนำไอโซพอดใส่กล่องเลี้ยง วางบนโต๊ะทำงานได้ เพราะด้วยขนาดที่เล็กกะทัดรัดและไร้ซึ่งกลิ่นรบกวน

“ปกติแล้วเลี้ยงไม่ยากครับ ดูเรื่องความชื้นดิน คอยให้อาหารทีละน้อยอย่างสม่ำเสมอ เติมความชื้นทุกๆ 5-7 วัน อาหารคอยให้ตลอดทุก 1-2 วัน เวลาเรานำมาเลี้ยงก็จะต้องดูเรื่องความชื้น กับอุณหภูมิอย่าให้ร้อนเกิน 30 องศาเซลเซียสเป็นหลักครับ สามารถเลี้ยงในห้องนอนที่เปิดแอร์ได้ กล่องเลี้ยงสามารถวางหน้าคอมโต๊ะทำงานได้ ด้วยขนาดที่เล็กกะทัดรัดและไม่มีกลิ่นรบกวน”
เมื่อสอบถามถึงปัญหาที่มักเจอระหว่างการเลี้ยงไอโซพอด คุณบอส เล่าว่า หากผู้เลี้ยงให้อาหารที่มีปริมาณมากเกินไป ไอโซพอดกินไม่ทัน ก็มักจะเกิดเชื้อรา สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยการนำ สปริงเทล (Springtail) ซึ่งเป็นสัตว์ร่วมระบบนิเวศกับไอโซพอด ซึ่งจะมาทำหน้าที่กินอาหาร เพื่อป้องกันเชื้อรา

ต่อมาในเรื่องของการจำลองระบบนิเวศลงในกล่องเลี้ยง หากมีการนำใบไม้หรือสิ่งแปลกปลอมอื่นใดๆ เข้ามาไว้ในกล่องเลี้ยง อาจจะมีตัวไมท์ จะมีลักษณะคล้ายแมงมุมตัวจิ๋ว หรือลักษณะคล้ายหมัดแมว ซึ่งหากมีตัวไมท์ติดลงไป ก็จะขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว และกินทุกอย่างที่ขวางหน้า รวมถึงไอโซพอดด้วย สามารถป้องกันได้โดย ไม่ควรนำใบไม้และอุปกรณ์ที่ไม่สะอาดและไม่ได้รับการฆ่าเชื้อ เข้ามาในกล่องเลี้ยงเด็ดขาด
“ปัญหาหลักๆ คือ ถ้าเราให้อาหารเขาเยอะเกินไป เขาจะกินไม่ทันและเกิดราขึ้นอาหารได้ ส่วนใหญ่แล้วจะแนะนำให้ลูกค้าให้ทีละน้อยๆ วิธีแก้ปัญหา ใช้สปริงเทลช่วยกินอาหารรอบนอก สปริงเทลเป็นเพื่อนร่วมระบบนิเวศกับไอโซพอด บางคนเข้าใจผิดว่ามันกินเชื้อราโดยตรง อันที่จริงสปริงเทลนั้นมีหน้าที่ช่วยกินอาหารไอโซพอดก่อนจะเกิดเชื้อรา ดังนั้น เราควรให้อาหารทีละน้อยเพื่อให้เกิดความสมดุล ปัญหาที่สองคือ ถ้าเรานำใบไม้หรือสิ่งแปลกปลอมมาใส่ในกล่องน้อง อาจจะมีตัวไมท์ติดมา ซึ่งตัวนี้ลักษณะจะเป็นเหมือนแมงมุมตัวจิ๋วๆ หรือคล้ายๆ หมัดแมว มันจะขยายพันธุ์และกินทุกอย่างที่ขวางหน้ารวมถึงไอโซพอดด้วย วิธีป้องกันคือ ไม่นำใบไม้ที่ไม่ได้รับการคลีนหรือฆ่าเชื้อมาใช้ หรือไม่นำอุปกรณ์ที่ไม่สะอาดใส่ลงไปในกล่องครับ”
ด้านราคาขายในปัจจุบัน มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ ตัวละ 50 บาท ไปจนถึงตัวละ 600 บาท โดยปกติจะแนะนำให้ลูกค้าเลี้ยง 5 ตัวขึ้นไป เพราะไอโซพอดจะสามารถออกลูกได้ถ้ามีจำนวนที่เหมาะสม
“ปกติจะแนะนำลูกค้าให้เลี้ยงน้อง 5 ตัวขึ้นไป จะมีจัดชุดพร้อมเลี้ยงขายด้วย ในชุดก็จะมีน้อง ไอโซพอด 5 ตัวแถมไปด้วยครับ ราคาชุดพร้อมน้องไอโซพอดก็จะอยู่ที่ 700-2,800 บาท แล้วแต่สายพันธุ์ และของในชุดก็จะต่างกันนิดหน่อยครับตามราคา ลูกค้าที่มาสอบถามก็จะแนะนำให้ซื้อเป็นชุดพร้อมเลี้ยงไปครับ เพราะจะประหยัดกว่าซื้อแยก”
สำหรับท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับการเลี้ยงไอโซพอด สามารถติดต่อ คุณโชติรวิน เอื้องฟ้าฮาม หรือ คุณบอส ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก : “ลิตเติ้ลไอโซพอดไทยแลนด์ Little isopod Thailand”
เผยแพร่ออนไลน์ล่าสุดเมื่อ 2 ธันวาคม 2565