ที่มา | ไม้ดอกไม้ประดับ |
---|---|
ผู้เขียน | ปิยพร วิสระพันธุ์ |
เผยแพร่ |
ดอกไม้ที่นิยมนำมาแซมในการจับช่อ หลายคนคงนึกถึง “คัตเตอร์” เป็นอันดับต้นๆ ที่นิยมอย่างมาก แม้จะเป็นดอกไม้ดอกเล็กๆ ที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสเป็นตัวเอกสักเท่าไร เพราะคัตเตอร์มักเป็นดอกไม้ที่ถูกใช้เพื่อทำให้ไม้ดอกอื่นๆ ดูสวยงามโดดเด่นยิ่งขึ้น ผู้คนจึงมักเปรียบดอกคัตเตอร์ว่าเป็นดั่งการแอบรักใครสักคนแบบไม่เปิดเผยแต่มั่นคง
คล้ายกับการบอกว่า “แม้คุณจะไม่ใส่ใจฉันก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ว่ายังไง คุณจะมีฉันอยู่ข้างๆ เสมอ” ตามความหมายของภาษาดอกไม้แห่งโลกตะวันตก “ดอกคัตเตอร์” เป็นตัวแทนของความรัก ความภักดี สติปัญญา แสงสว่าง และพลัง
ส่วนในประเทศจีน ดอกคัตเตอร์ยังหมายถึงความซื่อสัตย์ได้อีกด้วย ช่วงยุควิกตอเรียน “ดอกคัตเตอร์” ถูกใช้แทนความหมายของความสวยงาม ความอดทน และความมีเสน่ห์ แถมด้วยลักษณะของดอกที่มองดูเหมือนดาวดวงเล็กๆ คัตเตอร์จึงเป็นตัวแทนของความฝันหรือความปรารถนาที่อยากให้เป็นจริงในอนาคต “ดอกคัตเตอร์” มีทั้งหมด 5 สี แต่ละสีสื่อความหมายที่แตกต่างกัน
ดอกคัตเตอร์สีขาว แสดงถึงความไร้เดียงสาและความซื่อสัตย์บริสุทธิ์ต่อคนที่คุณรักตราบวันสุดท้าย แทนความหมายว่า “แม้ความตายก็ไม่อาจทำให้ฉันหยุดรักคุณ”
ดอกคัตเตอร์สีเหลือง เป็นตัวแทนของความเสียใจในการกระทำสิ่งที่ผิดพลาดต่อคนที่คุณรัก และบอกว่าพร้อมจะกลับตัวเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม
ดอกคัตเตอร์ชมพู คือสัญลักษณ์ของความรักอันอ่อนโยน แทนคำสัญญาว่า “จะไม่มีวันทรยศต่อความรัก”
ดอกคัตเตอร์สีแดง คือตัวแทนของความหลงใหลและแรงปรารถนาที่มีต่อคนที่คุณรัก และยังเป็นการตอกย้ำว่า “จะไม่มีทางรู้สึกแบบนี้กับใครได้อีก”
ดอกคัตเตอร์สีม่วง แทนความหมายของความรอบรู้ ความภักดี และยังใช้แทนความหมายสุดโรแมนติกว่า “ทั้งร่างกายและหัวใจของฉัน จะเป็นของคุณคนเดียวเท่านั้นตลอดไป”
เพราะเหตุนี้ “ดอกคัตเตอร์” จึงเป็นดอกไม้ที่มีความต้องการของตลาดอย่างสม่ำเสมอ และมีตลาดรองรับที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในช่วงเทศกาลต่างๆ พิธีมงคล งานอวมงคล ปลูกตกแต่งสวน ข้างบ้าน ในคาเฟ่ หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทำให้ตลาดดอกไม้ อย่างคัตเตอร์ คึกคักอยู่ตลอด
คุณอัมพร สีแขไตร หรือ คุณเปิ้ล อาศัยอยู่ที่ เลขที่ 62 หมู่ที่ 17 บ้านห้วยมะเขือ ตำบลนาโพธิ์ อำเภอกุดรัง จังหวัดมหาสารคาม ปัจจุบันประกอบอาชีพหลักเป็นพนักงานประจำ และมีอาชีพเสริมเป็นเกษตรกรปลูกดอกไม้ คุณอัมพร กล่าวว่า สวนดอกไม้แห่งนี้เกิดขึ้นมา 6 ปีแล้ว จุดเริ่มต้นที่เป็นแรงผลักดันที่ทำให้เกิดสวนดอกไม้แห่งนี้คือ ภาระและรายจ่ายที่มากกว่ารายรับ อยากจะมีรายได้เพิ่มมากขึ้น เพื่อนำมาดูแลครอบครัว
คุณอัมพรจึงปรึกษากับสามีว่า จะทำหารายได้เสริมจากอาชีพไหนดี เพื่อให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายรายเดือน ทั้งคู่ทดลองทำมาหลายอาชีพ เช่น ขายน้ำปั่น ขายของตามตลาดนัด แต่ก็มีความเสี่ยงหลายปัจจัย และรายได้ยังไม่เพียงพอกับรายจ่ายในแต่ละเดือน จึงหันมาลองทำด้านการเกษตร เพราะเรียนจบทางด้านนี้และมีความชื่นชอบในการเกษตรอยู่แล้ว จึงเป็นที่มาของ “สวนอัมพร คัตเตอร์ สร้อยทอง มากาเร็ต”
โดยเริ่มแรกทดลองปลูกแปลงเล็ก 3-4 แปลง ด้วยเงินลงทุนหลักร้อยบาท โดยใช้พื้นที่รอบบ้าน เกษตรกรในพื้นที่นิยมปลูกอ้อย ปลูกมันสำปะหลัง ในการทดลองปลูกแรกๆ ก็ไม่คิดว่าจะรอด เพราะพื้นที่ตรงนี้ค่อนข้างแล้ง สภาพอากาศแตกต่างจากภาคเหนือ
มีหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับการทำสวนดอกไม้ แต่คุณอัมพรมีความตั้งใจที่จะทำ และมีความรู้จากการเกษตรที่เรียนมา ทำให้ดอกไม้ในแปลงทดลองสามารถเติบโตได้ดี ตัดดอกขายได้ในระยะเวลาเพียง 3 เดือน และประสบความสำเร็จมาถึงทุกวันนี้
ปัจจุบันทางสวนปลูกดอกไม้หลายสายพันธุ์ เช่น สายพันธุ์คัตเตอร์, สร้อยทอง, มาร์กาเร็ต สีชมพูและม่วง, มาร์กาเร็ตญี่ปุ่น
การดูแลการจัดการภายในสวน เนื่องจากมีงานประจำทำอยู่แล้ว ก็จะดูแลช่วงหลังเลิกงาน และวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ การดูแลจะทำเองทุกอย่าง เช่น การปลูก การคัดพันธุ์ การขายเองโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง การตัดแต่งดอกก็ทำเองส่งร้านดอกไม้ การห่อและการแพ็ก เรื่องการดูแลนั้นไม่ยากเลย เพียงแค่ต้องดูแล-เอาใจใส่ก่อนส่งมอบให้ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่ดีที่สุด
การปลูกดอกไม้ของทางสวน พื้นที่ในการปลูกต้องระบายน้ำได้ดี การเตรียมดินก่อนปลูก จำเป็นต้องพรวนดินผสมกับปุ๋ยคอกเพื่อบำรุงและปรับสภาพดิน จากนั้นทำการยกแปลง คล้ายการปลูกพืชผักสวนครัว เช่น หอม กระเทียม
เมื่อเตรียมดินเสร็จแล้ว นำต้นกล้าของดอกไม้แต่ละสายพันธุ์มาปักชำลงดิน โดยเว้นระยะความกว้าง 1 เมตร ในส่วนของความยาวขึ้นอยู่กับพื้นที่แต่ละที่ไม่มีระยะห่างที่แน่ชัด แต่การปลูกดอกไม้สายพันธุ์เหล่านี้ เทคนิคการปลูกจะคล้ายคลึงกับการปลูกหอม กระเทียม
การรดน้ำ ใส่ปุ๋ย เมื่อต้นกล้าลงดินแล้วในช่วงการปลูกเริ่มแรก ควรรดน้ำเช้า-เย็น จนกว่าต้นกล้าจะแข็งแรง สามารถสังเกตได้จากตอนนำต้นกล้าลงดิน ต้นกล้าจะยังตั้งตัวไม่ได้ ต้นจะเอียงหรือนอนไปกับพื้นดิน เป็นระยะเวลาประมาณ 7 วัน หลังจาก 7 วัน ปรับการรดน้ำเป็น 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในช่วงนั้นๆ และใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 ทุกๆ 10 วัน เมื่อต้นพันธุ์มีอายุครบ 3 เดือน ก็สามารถตัดดอกขายได้แล้ว
คุณอัมพร กล่าวว่า ทางสวนปลูกดอกไม้โดยที่มีรายได้เข้ามาในทุกๆ เดือน กลุ่มตลาด แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มตัดดอกขาย และกลุ่มต้นกล้า
ตลาดตัดดอกขาย จะเป็นพ่อค้าแม่ค้าคนกลางที่นำไปจัดช่อขาย เป็นลูกค้าในพื้นที่และจังหวัดอื่นๆ จะสั่งล่วงหน้าก่อนจัดส่ง 2-3 วัน, ลูกค้าที่เป็นออร์แกไนซ์ จัดงานต่างๆ จะสั่งก่อน 1 เดือน ทำให้ทางสวนสามารถคำนวณรายได้ในแต่ละเดือนได้ และจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าได้อย่างดีที่สุด โดยราคาอยู่ที่ 60-80 บาทต่อกิโลกรัม
ตลาดต้นกล้า จะเป็นลูกค้าที่ซื้อไปเพื่อปลูกประดับ บริเวณบ้าน คาเฟ่ สถานที่ท่องเที่ยว และเกษตรกรที่ปลูกเพื่อจำหน่ายดอก ทางสวนจำเป็นต้องมีต้นกล้าที่พร้อมส่งอยู่เสมอเพื่อให้ทันความต้องการของลูกค้า และถือเป็นรายได้ที่ในแต่ละครั้งเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่หน่อละ 2 บาท
“การปลูกดอกไม้ อย่าง คัตเตอร์, สร้อยทอง, มาร์กาเร็ต ไม่ยาก ดูแลง่าย ต้นทุนต่ำ สร้างรายได้ดี ปัจจุบัน สวนดอกไม้ของเราเป็นสวนตัวอย่าง ที่ทำให้มีการจัดตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน มีเกษตรกรเข้าร่วมจำนวนมาก เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่น้อย สร้างรายได้เข้าจังหวัดและเกษตรกรในพื้นที่
และยังสามารถจำหน่ายดอก ต้นกล้า ที่เป็นรายได้หลักและรายได้เสริมให้เกษตรกรมีชีวิตที่ดีขึ้น ตลาดดอกไม้มีราคาค่อนข้างนิ่ง สามารถคำนวณต้นทุนและกำไรได้ ทำให้ปัจจุบัน มีรายได้เข้ามาหลักแสนบาทต่อเดือน หักค่าใช้จ่ายแล้ว”
สำหรับท่านใดที่สนใจ คัตเตอร์, สร้อยทอง, มาร์กาเร็ต ตัดดอกและต้นพันธุ์ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณอัมพร สีแขไตร หรือ คุณเปิ้ล โทรศัพท์ 087-226-9059, 097-306-3486 หรือติดตามความเคลื่อนไหวได้ทางเฟซบุ๊ก สวนอัมพร คัตเตอร์ สร้อยทอง เตยหอม
………….
เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เมื่อวันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ.2566.