ผู้เขียน | จิรวรรณ โรจนพรทิพย์ |
---|---|
เผยแพร่ |
“พันธุ์พืช” นับเป็นหัวใจสำคัญของการทำเกษตร หากนำพันธุ์พืชมีคุณภาพดีมาเพาะปลูกพร้อมใส่ใจบำรุงดิน ให้น้ำและปุ๋ยอย่างเหมาะสม การเพาะปลูกพืชให้ประสบความสำเร็จ ก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด
ดร.ชูชาติ วัฒนวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพืชสวน กล่าวว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยเป็น 1 ใน 5 ประเทศผู้ส่งออกเมล็ดพันธุ์รายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีรายได้จากการส่งออกเมล็ดพันธุ์พืช ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเมล็ดพันธุ์พืชผักและไม้ดอก ประมาณปีละ 4-6 พันล้านบาท ประเทศไทยมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการผลิตเมล็ดพันธุ์พืช หากสามารถพัฒนาพันธุ์พืชของตัวเองเพื่อจำหน่ายในตลาดโลก คาดว่าจะสามารถขยายมูลค่าเพิ่มการส่งออกได้ไม่น้อยกว่า 4-5 เท่าตัว
“การปรับปรุงพันธุ์พืช” เป็นหนึ่งในภารกิจหลักของสถาบันวิจัยพืชสวน โดยเฉพาะเรื่องการปรับปรุงพันธุ์พืชผัก ไม้ดอกไม้ประดับ ไม้ผล พืชสวนอุตสาหกรรมและพืชสมุนไพร นอกจากนี้ สถาบันวิจัยพืชสวนยังช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์พืชสวน เป็นกันชนเกี่ยวกับพันธุ์พืชสวนให้กับเกษตรกร เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศ
“ในปี 2566 สถาบันวิจัยพืชสวน วางแผนรับรองพันธุ์พืชอย่างน้อย 23 พันธุ์ ประกอบด้วย พืชผัก 6 พันธุ์ หน่อไม้ฝรั่ง มันเทศ ถั่วฝักยาวสีม่วง สะตอ และกระเจี๊ยบเขียว 2 พันธุ์ ไม้ดอกไม้ประดับ 11 พันธุ์ ประกอบด้วย ดาหลา 3 พันธุ์ กล้วยไม้สปาโตกรอสติส 2 พันธุ์ ปทุมา 3 พันธุ์ เฟิร์นและหน้าวัว 3 พันธุ์ ไม้ผลและพืชสวนอุตสาหกรรม 5 พันธุ์ ประกอบด้วย มะพร้าวกะทิพันธุ์แท้ที่ให้ผลเป็นกะทิ 100 เปอร์เซ็นต์ มะนาวแป้น 1 พันธุ์ ส้มโอเนื้อสีชมพู 1 พันธุ์ สับปะรด 2 พันธุ์ พืชสมุนไพร 1 พันธุ์ คือ ฟ้าทะลายโจร ที่มีสารแอนโดรกราโฟไลด์และผลผลิตสูง นอกจากนี้ ยังมีพืชสวนอีกหลายชนิดที่อยู่ระหว่างดำเนินการวิจัย และเตรียมเสนอรับรองพันธุ์ต่อไปในอนาคต เช่น พริก มะเขือเทศ มันฝรั่ง กล้วยไม้หลายชนิด ทุเรียน กาแฟ ชา ขมิ้น หญ้าหวาน เป็นต้น” ดร.ชูชาติ กล่าว
รายละเอียด 23 พันธุ์พืช ที่รับรองพันธุ์ปี 2566
- กระเจี๊ยบเขียว พันธุ์ กวก. กาญจนบุรี 1
ลักษณะเด่น : ต้านทานต่อโรคเส้นใบเหลืองเมื่อปลูกช่วงอากาศอบอุ่นหรือฤดูแล้ง ให้ผลผลิตดี เฉลี่ย 2,996.43-3,141.16 กิโลกรัมต่อไร่ ได้คุณภาพมาตรฐานส่งออก ฝักตรง ก้านฝักเปราะ ขนนุ่ม สีเขียว ห้าเหลี่ยม ฝักยาว 7-12 เซนติเมตร ต้นสูงปานกลาง ข้อลำต้นถี่
- กระเจี๊ยบเขียว พันธุ์ กวก. กาญจนบุรี 2
ลักษณะเด่น : ต้านทานต่อโรคเส้นใบเหลืองเมื่อปลูกช่วงอากาศอบอุ่นหรือฤดูแล้ง ให้ผลผลิตเฉลี่ย 2,669.60-3,560.70 กิโลกรัมต่อไร่ มีคุณภาพ ได้มาตรฐานส่งออก ฝักตรง ขนนุ่ม สีเขียว ห้าเหลี่ยม ความยาวฝัก 7-12 เชนติเมตร ต้นสูงปานกลาง ข้อลำต้นถี่
- หน่อไม้ฝรั่งพันธุ์ กวก. กาญจนบุรี 1
ลักษณะเด่น : ให้ผลผลิตได้ดี เฉลี่ย 266.56-639.91 กิโลกรัมต่อไร่ ผลผลิตได้มาตรฐานขั้นพิเศษ A ตูม เฉลี่ย 81.81-331.04 กิโลกรัมต่อไร่ ปลายยอดหน่อตูมแน่นเป็นรูปสามเหลี่ยม ต้นแข็งแรง ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ดี สามารถปลูกได้ทั้งแบบหน่อเขียว และหน่อขาว
- มะพร้าวกะทิพันธุ์ กวก. คันธุลี 1
ลักษณะเด่น : ผลผลิตทุกผลเป็นมะพร้าวกะทิ 100 เปอร์เซ็นต์ อายุ 8 ปี ให้ผลผลิต 105 ผลต่อต้นต่อปี หรือ 2,310 ผลต่อไร่ต่อปี น้ำหนักผล 2,032 กรัม มีขนาดกลาง-ใหญ่ ออกจั่นครั้งแรกครึ่งหนึ่งของประชากร เมื่ออายุ 3 ปี 6 เดือน และทุกต้นเมื่ออายุ 3 ปี 9 เดือน เก็บเกี่ยวครั้งแรกครึ่งหนึ่งของประชากร เมื่ออายุ 4 ปี 8 เดือน และทุกต้นเมื่ออายุ 4 ปี 11 เดือน
- มะนาวพันธุ์ กวก. พิจิตร 2
ลักษณะเด่น : เมล็ดน้อยกว่า 5 เมล็ด เปลือกบางไม่เกิน 2 มิลลิเมตร ทนทานแคงเกอร์ ผลผลิตเฉลี่ย 1,050 กิโลกรัมต่อไร่
- ส้มโอพันธุ์ กวก. พิจิตร 1
ลักษณะเด่น : เนื้อกุ้งสีน้ำผึ้งอมชมพู ฉ่ำน้ำน้อย รสชาติหวาน ให้ผลผลิตสูง ให้ผลผลิตเฉลี่ย 2 ปี (อายุต้น 6-7 ปี) 1,225 กิโลกรัมต่อไร่ จำนวนผลเฉลี่ย 36 ผลต่อต้น น้ำหนักผล 1,162 กรัมต่อผล สูงกว่าพันธุ์ทองดี ที่ให้น้ำหนักผลผลิตเฉลี่ย 743 กิโลกรัมต่อไร่ หรือสูงกว่า คิดเป็นร้อยละ 64 จำนวนผลเฉลี่ย 24 ผลต่อต้น
- มันเทศพันธุ์ กวก. พิจิตร 3
ลักษณะเด่น : เนื้ออ่อนนุ่ม รสชาติหวานปานกลาง ให้ผลผลิตเฉลี่ย 3,313 กิโลกรัมต่อไร่ มากกว่าพันธุ์เกษตรกรร้อยละ 24 มีปริมาณขนาดหัวที่ตลาดต้องการร้อยละ 89.1 ของน้ำหนักรวม มากกว่าพันธุ์เกษตรกรร้อยละ 9.10
- ถั่วฝักยาวสีม่วงสายพันธุ์ พจ.21-9-24-22
ลักษณะเด่น : ผลผลิตรวมเฉลี่ย 2,500-3,000 กิโลกรัมต่อไร่ ออกดอกเร็วและเก็บผลผลิตได้เร็ว จำนวนวันที่ดอกบาน 50% อยู่ระหว่าง 34-41 วันหลังปลูก มีความหนาเนื้อเฉลี่ย 1.9-2.3 มิลลิเมตร มีปริมาณสารแอนโทไซยานินสูง 166.32-208.55 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักสด มีคุณค่าทางโภชนาการสูงสุด เหมาะสำหรับการรับประทานฝักสด
- สะตอพันธุ์ กวก. ตรัง 2
ลักษณะเด่น : ให้ผลผลิตสูงตั้งแต่อายุยังน้อยและมีคุณภาพดี สามารถให้ผลผลิตนอกฤดู ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-เมษายน ทรงพุ่มเตี้ยสะดวกต่อการปฏิบัติดูแลรักษาและการเก็บเกี่ยวผลผลิต
- ดาหลาพันธุ์ กวก. ตรัง 6
ลักษณะเด่น : ช่อดอกทรงทิวลิป สีชมพูอมส้ม เมื่อตัดขณะดอกบาน 50% มีอายุการปักแจกันนาน 9 วัน ให้ผลผลิตเฉลี่ย 51 ดอกต่อกอต่อปี (เมื่ออายุ 2 ปีหลังปลูก) มีสีดอก ฟอร์มดอกแตกต่างจากดาหลาพันธุ์ตรัง 1-5 ขนาดดอกเล็กกว่าดาหลาพันธุ์ตรัง 3
- ดาหลาพันธุ์ กวก. ตรัง 7
ลักษณะเด่น : ช่อดอกทรงดอกบัว สีแดงชมพู เมื่อตัดขณะดอกบาน 50% มีอายุการปักแจกันนาน 8 วัน ให้ผลผลิตเฉลี่ย 78 ดอกต่อกอต่อปี (เมื่ออายุ 2 ปีหลังปลูก) มีสีดอก ฟอร์มดอกแตกต่างจากดาหลาพันธุ์ตรัง 1-5 ขนาดดอกและก้านดอกเล็กกว่าดาหลาพันธุ์ตรัง 3
- ดาหลาพันธุ์ กวก. ตรัง 8
ลักษณะเด่น : ช่อดอกทรงดอกกระดิน ช่อดอกสีแดง เมื่อตัดขณะดอกบาน 50% มีอายุการปักแจกันนาน 10 วัน ให้ผลผลิตเฉลี่ย 68 ดอกต่อกอต่อปี (เมื่ออายุ 2 ปีหลังปลูก) มีฟอร์มดอกแตกต่างจากดาหลาพันธุ์ตรัง 1-5 ขนาดดอกเล็กกว่าดาหลาพันธุ์ตรัง 3
- หน้าวัวพันธุ์ห้างฉัตร 084
ลักษณะเด่น : ปลีสีขาวชมพู จานรองดอกสีชมพู ขนาด 14.9×20.0 เซนติเมตร จำนวนดอก 5.3 ดอกต่อต้นต่อปี อายุการปักแจกัน 13 วัน ความยาวก้านดอก 65 เซนติเมตร
- หน้าวัวพันธุ์ห้างฉัตร 200
ลักษณะเด่น : ปลีสีขาวเหลือง จานรองดอกสีขาว ขนาด 11.7×13.5 เซนติเมตร จำนวนดอก 6.4 ดอกต่อต้นต่อปี อายุการปักแจกัน 13 วัน ความยาวก้านดอก 49.0 เซนติเมตร
- ฟ้าทะลายโจร พันธุ์ กวก.พิจิตร 44
ลักษณะเด่น : ผลผลิตสดเฉลี่ย 2,073 กิโลกรัมต่อไร่ มากกว่าพันธุ์การค้าร้อยละ 36.3 ผลผลิตแห้งเฉลี่ย 666 กิโลกรัมต่อไร่ มากกว่าพันธุ์การค้าร้อยละ 21.63 ปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์ เฉลี่ย 4.38 กรัมต่อน้ำหนักแห้ง 100 กรัม
- กล้วยไม้สปาโทกรอสทิสพันธุ์ กวก. เชียงราย 1
ลักษณะเด่น : ดอกออกเป็นกระจุกแน่นที่ปลายช่อ จำนวนดอกบานภายในช่อมาก ก้านช่อดอกตั้งตรง แข็งแรงเหมาะสำหรับผลิตเป็นไม้กระถางขนาดเล็ก แตกกอดี ไม่อ่อนแอต่อโรคเน่าและใบจุด ออกดอกเร็ว ตั้งแต่ปลูกจนกระทั่งออกดอกใช้ระยะเวลา 60 กว่าวัน น้อยกว่าพันธุ์ทองผาภูมิ ซึ่งเป็นพันธุ์การค้า อายุการใช้งานของช่อดอกได้นานกว่า 1 เดือน ให้ช่อดอกมากกว่าพันธุ์ม่วงทองผาภูมิที่เป็นพันธุ์การค้า
- กล้วยไม้สปาโทกรอสทิสพันธุ์ กวก. เชียงราย 2
ลักษณะเด่น : ดอกสีส้มออกชมพู สีสันสะดุดตา ขนาดดอกค่อนข้างใหญ่ กระจุกที่ปลายช่อ ก้านช่อดอกตั้งตรง แข็งแรง อยู่เหนือทรงพุ่มทำให้เห็นช่อดอกชัดเจน เหมาะสำหรับผลิตเป็นไม้กระถางขนาดกลางและไม้ประดับแปลง การแตกกอดี ไม่อ่อนแอต่อโรคเน่าและใบจุด ออกดอกเร็ว ตั้งแต่ปลูกจนกระทั่งออกดอกใช้ระยะเวลา 70 กว่าวัน ช่อดอกมีอายุการใช้งานนานกว่า 1 เดือน ให้ช่อดอกมากกว่าพันธุ์ม่วงทองผาภูมิที่เป็นพันธุ์การค้า
- ปทุมาพันธุ์ กวก. เชียงราย 5
ลักษณะเด่น : ลักษณะช่อดอกเป็นทรงกระบอกสั้น กลีบประดับมีลักษณะเป็นเกล็ดสีขาวบริสุทธิ์ เรียงตัวสวยงาม ปลายกลีบขลิบสีเขียวเล็กน้อย ออกดอกเร็ว อายุปลูกถึงให้ดอก 60-70 วัน ผลผลิตช่อดอกมาก 6-11 ดอกต่อกอ อายุการปักแจกันนาน 14 วัน
- ปทุมาพันธุ์ กวก. เชียงราย 6
ลักษณะเด่น : ช่อดอกอยู่เหนือทรงพุ่ม ลักษณะทรงดอกคล้ายดอกบัว ก้านช่อดอกตรง แข็งแรง กลีบดอก หนา และกว้าง เหมาะเป็นไม้ตัดดอกและไม้ประดับแปลง ผลผลิตช่อดอกมาก 3-6 ดอกต่อกอ ออกดอกเร็ว อายุปลูกถึงให้ดอก 60-70 วัน อายุการใช้งานนาน 4-5 สัปดาห์ อายุการปักแจกันนาน 12 วัน
- ปทุมาพันธุ์ กวก. เชียงราย 7
ลักษณะเด่น : ช่อดอกอยู่เหนือทรงพุ่ม ก้านดอกตรง แข็งแรง กลีบดอกหนา กลีบประดับส่วนบนและส่วนล่าง มีสีชมพูเข้ม สีสันสะดุดตา ผลผลิตช่อดอกมาก 6-12 ดอกต่อกอ ออกดอกเร็ว อายุปลูกถึงให้ดอก 60-70 วัน อายุการใช้งานนาน 4-7 สัปดาห์ อายุการปักแจกันนาน 12 วัน
- เฟิร์นชายผ้าสีดาพันธุ์ กวก. เชียงใหม่ 1
ลักษณะเด่น : ใบชาย Fertile Fronds ก้านใบค่อนข้างแข็ง สีใบเขียวเข้ม เส้นใบเห็นลายชัดเจน เส้นใบไม่นูนเด่นชัด สานเป็นร่างแหคล้ายไปทาง P.holttumi ในส่วนปลายใบเป็นลอนหยัก แต่ไม่ถึงกับแฉกออกไปทาง P.elephanto ใบกาบ Shield F ronds ใบชูตั้งขึ้น เส้นลายใบดำลึกในใบสานเป็นร่างแหเห็นชัดเจน สีของใบเขียวออกจากออกไปทาง P.holtturi ของใบหยักเป็นลอนลักษณะคล้ายไปทาง P.elephantotis
- สับปะรดพันธุ์ กวก. เพชรบุรี 3
ลักษณะเด่น : ผลผลิตเฉลี่ย 7.48 ตันต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์ตราดสีทอง ร้อยละ 49.3 เนื้อแน่น นุ่มละเอียด สีครีม กลิ่นหอมคล้ายลิ้นจี่ ปริมาณวิตามินซี เฉลี่ย 25.4 มิลลิกรัมต่อ 100 มิลลิตร สูงกว่าพันธุ์ตราดสีทอง ร้อยละ 10.9 ตาตื้นกว่าพันธุ์ตราดสีทอง
- สับปะรดพันธุ์ กวก. เพชรบุรี 5
ลักษณะเด่น : เนื้อแน่น นุ่มละเอียด สีเหลืองเข้ม ผลผลิตเฉลี่ย 6.71 ตันต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์ตราดสีทอง ร้อยละ 33.9 ปริมาณกรดเฉลี่ย 0.62% ต่ำกว่าพันธุ์ตราดสีทอง ร้อยละ 7.46 Brix Acid ratio เฉลี่ย 28.7 สูงกว่าพันธุ์ตราดสีทอง ร้อยละ 9.5 ปริมาณวิตามินซี เฉลี่ย 26.8 มิลลิกรัมต่อ 100 มิลลิตร สูงกว่าพันธุ์ตราดสีทอง ร้อยละ 10.9