ผู้เขียน | พรสวรรค์ รัตนะชัย |
---|---|
เผยแพร่ |
ลูกชิด ชื่อที่ใครๆ หลายคนต่างรู้จักกัน หรือ มะต๋าว (ภาคเหนือ), ลูกชก (ภาคใต้) ชื่อเรียกอาจแตกต่างกัน แต่มันคือพืชตระกูลเดียวกัน ปลูกโดยทั่วไปกระจัดกระจายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งในมาเลเซีย เมียนมา กัมพูชา ลาว และฟิลิปปินส์

ในประเทศไทยสามารถแบ่งแยกย่อยออกไปได้อีกเป็น 2 สายพันธุ์ คือ ต้นชก ซึ่งพันธุ์นี้จะใช้ทำน้ำตาลชก พบกระจัดกระจายอยู่ในภาคใต้เท่านั้น ส่วนต้นต๋าวหรือต้นชิด ปลูกอยู่ทั่วประเทศไทย แต่จะเติบโตได้ดีในพื้นที่ภาคเหนือ อย่าง เชียงใหม่ เชียงราย และน่าน


ต้นต๋าวเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว มีลำต้นเดี่ยว ไม่มีกิ่งก้านแขนงออกมาด้านข้าง ความสูงต้น 6-15 เมตร หลังจากปลูกได้ 6-10 ปี จะเริ่มติดดอก ระยะเวลาตั้งแต่ออกจนเป็นผลประมาณ 1-2 ปี 1 ต้นจะมีผลประมาณ 5-6 ทะลาย
โดยเริ่มติดผลทะลายแรกจากกาบใบบนสุดลงมาข้างล่าง ระยะเวลาตั้งแต่ติดผลทะลายแรกจนถึงทะลายสุดท้ายตามจำนวนทะลาย (โดยเฉลี่ยปีละ 1 ทะลาย) ต๋าว 1 ทะลายจะมีประมาณ 50 เส้นขึ้นไป แต่ละเส้นจะมีผลประมาณ 80-110 ผล


ต้นต๋าวมีความแปลกอยู่อย่างหนึ่งคือ มักจะขึ้นในป่า การเพาะปลูกเป็นไปได้ยาก ทำให้ชาวบ้านที่หาลูกชิดมาขายให้โรงงานแปรรูปหรือพ่อค้าคนกลางต้องช่วยกันเก็บเกี่ยวในป่าเพื่อนำออกมาขาย เนื่องจากการติดผลต้นต๋าวต้องการระบบนิเวศที่มีพืชพรรณหลายชนิดขึ้นปนกันอยู่

ต้นต๋าว หรือต้นชิด ถือเป็นวัตถุดิบที่นิยมพบเห็นในขนมหวาน สามารถนำมาแปรรูปได้อย่างหลากหลาย ทำให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้หลายตลาด เช่น ลูกชิดสด ลูกชิดอบแห้ง ไม่ผสมน้ำตาลมีเพียงความหวานจากธรรมชาติ เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มของคนรักสุขภาพและผู้สูงอายุ เป็นของหวานทานเล่นและยังมีประโยชน์มากมาย และกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่เป็นตลาดใหญ่มาก ทั้งการนำมาแปรรูป ใส่ในน้ำแข็งไส ไอศกรีม ขนมไทย เป็นต้น

ผลต๋าว หรือผลชิด 100 กรัม สามารถให้พลังงานถึง 19 แคลอรี ไขมันต่ำเพียง 0.2 กรัม และยังมี วิตามินบี แคลเซียม ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส

คุณจุฬาลักษณ์ คนอยู่ หรือ คุณกิ๊ฟ อายุ 26 ปี ตำบลบ้านพี้ อำเภอบ้านหลวง จังหวัดน่าน ปัจจุบันประกอบอาชีพธุรกิจแปรรูปลูกชิด หรือมะต๋าว คุณจุฬาลักษณ์ กล่าวว่า เดิมทีชาวบ้านและคนในพื้นที่ทำการเกษตรเพาะปลูกพืชไร่ แต่เมื่อหมดฤดูกาลเพาะปลูก ชาวบ้านจะนิยมเข้าป่าเพื่อไปนำของป่าออกมาขาย และของป่าที่ได้รับความนิยมมากก็คือ มะต๋าว ซึ่งเป็นชื่อเรียกของคนภาคเหนือ

ชาวบ้านที่เก็บผลมะต๋าวออกมาจากป่าจะนำมาขายให้กับพ่อค้าคนกลางที่จะนำไปส่งโรงงานแปรรูปอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็มีชาวบ้านบางส่วนที่แปรรูปมะต๋าวขายเองในตลาดชุมชนและกลุ่มโอท็อปตามงานต่างๆ เมื่อคุณจุฬาลักษณ์เรียนจบการศึกษา ได้เข้าทำงานประจำอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งเป็นระยะเวลา 1 ปี แต่ก็มีเหตุผลที่ทำให้ต้องออกจากงาน จึงกลับมาช่วยธุรกิจของคุณแม่

ซึ่งคุณแม่เองก็มีอาชีพแปรรูปมะต๋าว ขายในกลุ่มโอท็อป แต่ต้องยอมรับว่างานโอท็อปอาจมีไม่บ่อยนักและราคาขายที่ต่ำ ทำให้คุณจุฬาลักษณ์เกิดคำถามว่า จริงๆ แล้วมะต๋าวแปรรูป เราสามารถยกระดับเพื่อเพิ่มมูลค่าขายให้ได้ราคาสูงกว่านี้

คุณจุฬาลักษณ์จึงรับซื้อผลมะต๋าวจากชาวบ้านในราคาที่สูงขึ้น ราคาสูงกว่าพ่อค้าคนกลาง เพื่อเป็นการสนับสนุนชาวบ้านให้มีรายได้ และนำผลผลิตมาแปรรูปขายตลาดออนไลน์ ผลตอบรับในตลาดออนไลน์ดีมาก ยอดสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และมูลค่าที่เพิ่มมากขึ้น

คุณจุฬาลักษณ์ เล่าว่า ต้นมะต๋าวเติบโตได้ดีในป่าน่านและป่าเชียงราย ใช้ระยะเวลาการเติบโต 10-15 ปี ตามธรรมชาติ การเจริญเติบโตได้ดีสามารถดูได้จากเมล็ดด้านในผล ป่าที่อุดมสมบูรณ์ ผลมะต๋าวจะมีเมล็ด 3 เมล็ด แต่หากน้อยกว่า 3 เมล็ด ในพื้นที่นั้นๆ สามารถปลูกได้แต่อาจจะมีความอุดมสมบูรณ์ที่แตกต่าง ฤดูกาลเก็บเกี่ยวจะอยู่ในช่วงเดือนตุลาคม-มีนาคม โดยชาวบ้านจะเข้าป่าไปเก็บผลมะต๋าว 3-4 วันต่อการเก็บผลผลิต 1 ครั้ง

การแปรรูป
เริ่มจากการนำผล ตัดออกจากทะลาย จากนั้นนำผลมะต๋าวไปต้มเป็นระยะเวลา 1 ชั่วโมง เพื่อคลายยางออกมา เพราะยางทำให้คัน เมื่อครบ 1 ชั่วโมงแล้วจะถูกนำมาตัดหัว และใช้เครื่องบีบเอาเมล็ดด้านในออกมา โดยเครื่องมือจะเป็นเครื่องมือประดิษฐ์ที่นิยมใช้มาแต่โบราณ เมื่อได้เมล็ดด้านในแล้ว นำไปต้มเพื่อเป็นการฆ่าเชื้ออีกครั้ง ก่อนจะถูกนำไปแปรรูปในรูปแบบต่างๆ เช่น เชื่อม อบแห้ง

มะต๋าว หรือลูกชิด ที่นำมาแปรรูปแล้ว ไม่ว่าจะแบบสด เชื่อม หรืออบแห้ง มีราคาที่แตกต่างกัน กลุ่มตลาดผู้บริโภคมีความหลากหลาย จึงทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดเสมอมา แต่ด้วยความหายาก ต้องเข้าไปเก็บเกี่ยวในป่า ทำให้มีราคาที่สูงแต่ไม่มาก ผู้บริโภคสามารถจับต้องได้ และที่สำคัญปลอดภัย ไร้สารพิษ 100 เปอร์เซ็นต์

“ฝากถึงคนรุ่นใหม่ ลองมองหาสิ่งรอบตัวที่มีอยู่ในบ้านเกิดตัวเอง นำมาผลักดัน สร้างมูลค่าเพิ่มทั้งสร้างรายได้ให้กับตัวเองและชาวบ้านในพื้นที่”
ท่านใดที่สนใจลูกชิดหรือมะต๋าวแปรรูป ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณจุฬาลักษณ์ คนอยู่ โทรศัพท์ 091-875-1175 หรือติดตามความเคลื่อนไหวได้ทางเฟซบุ๊ก ลูกชิดสด จากป่าในจังหวัดน่าน โดยจุฬาลักษณ์
เผยแพร่ออนไลน์ล่าสุดเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2566