กยท. ขับเคลื่อนมาตรการดันสวนยางมาตรฐานสากล หนุนราคาพุ่ง 6-10% พร้อม คาดปริมาณยางปี 66 สวนทางปริมาณการใช้ยาง

นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เผยว่า ปัจจุบันเทรนด์โลกให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน รวมถึงประเทศผู้นำเข้ายางรายใหญ่ เช่น ยุโรป สหรัฐอเมริกา กำหนดให้ผลิตภัณฑ์ยางต้องผลิตมาจากสวนยางที่มีเอกสารสิทธิ ถูกกฎหมายของประเทศผู้ผลิตต้นทาง และมี Due Diligence สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ กยท. จึงพยายามส่งเสริมสวนยางไทยให้เข้าสู่ระบบการรับรองป่าไม้ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ยางพารา ระยะ 20 ปี ตั้งแต่กระบวนการปลูกสร้างสวนยาง เก็บเกี่ยว แปรรูป โดยกำหนดเป้าหมายพื้นที่สวนยาง 500,000 ไร่ ในปี 2565 และ 15 ล้านไร่ ภายใน 5 ปี ปัจจุบัน กยท. ผลักดันให้เกิดการซื้อขายผลิตภัณฑ์จากยางพารามาตรฐานสากลผ่านระบบตลาดยางพาราของ กยท. ซึ่งราคาขายจะสูงกว่าราคายางทั่วไป 6-10% ทั้งนี้ กยท. โดยฝ่ายเศรษฐกิจยางทำหน้าที่รวบรวมคำสั่งซื้อ (ชนิดยาง ปริมาณ ที่ตั้งของตลาดผู้ซื้อ) ประสานไปยังตลาดกลางฯ ของ กยท. เพื่อหาผลผลิตยางพรีเมี่ยมที่ผ่านมาตรฐานและชนิดยางตรงตามที่ผู้ซื้อต้องการ

ผู้ว่าการการ กยท. กล่าวเพิ่มเติมว่า กยท. ได้รับมาตรฐาน FSC-CoC สำหรับการดำเนินงานของหน่วยธุรกิจ และตลาดกลางยางพารา พร้อมรองรับการซื้อขายยางพรีเมี่ยมจากสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง นอกจากนี้ ภาคเอกชนหลายแห่งสนับสนุนและร่วมลงนาม MOU ด้านธุรกิจภายใต้ระบบมาตรฐานการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืนด้านยางพารากับ กยท. และมีออร์เดอร์ยางพรีเมี่ยมในระยะ 1-5 ปีแล้ว

ด้าน นางสาวอธิวีณ์ แดงกนิษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจยาง วิเคราะห์สถานการณ์ว่า ปี 2566 ปริมาณผลผลิตยางโลกลดลงเหลือ 14.310 ล้านตัน เนื่องจากปัญหาขาดแคลนแรงงาน โรคระบาด และการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (climate change) และคาดว่าปริมาณการใช้จะอยู่ที่ 15.563 ล้านตัน ขยายตัวขึ้น 5% เกินกว่าปริมาณผลผลิตยางที่ออกสู่ตลาดประมาณ 1.25 ล้านตัน ส่วนผลผลิตยางของไทยเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผลผลิตยางลดลงกว่าที่คาดไว้ 26% คาดมีนาคมและเมษายน 2566 มีผลผลิตยาง 177,100 ตัน และ 118,231 ตัน ตามลำดับ ปริมาณการส่งออกยางของไทยปีนี้ประมาณ 4.403 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อน แต่จะมีการใช้ยางในประเทศขยายตัวสูงขึ้น 9.9%