| ผู้เขียน | สุรเดช สดคมขำ |
|---|---|
| เผยแพร่ |
“ปลากะพง” เป็นปลาเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในหลายพื้นที่ เพราะนอกจากมีการเลี้ยงเพื่อบริโภคภายในประเทศแล้ว ยังส่งจำหน่ายไปยังตลาดต่างประเทศเช่นกัน ซึ่งการเลี้ยงเพื่อการค้าปลาชนิดนี้ สามารถเลี้ยงได้ทั้งในน้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม จึงทำให้เกษตรกรในหลายพื้นที่ สนใจและนำมาเลี้ยงอย่างเป็นระบบ จนมีรายได้จากการเลี้ยงปลากะพงได้ผลตอบแทนที่ดีไม่น้อยทีเดียว
ลูกพันธุ์ปลากะพงมีความสำคัญด้วยเช่นกัน ปัจจุบันได้มีการฝึกให้กินอาหารเม็ด พร้อมทั้งปรับสภาพแวดล้อมให้ลูกปลาสามารถอยู่ได้ตั้งแต่น้ำเค็มไปจนถึงน้ำจืด คุณวัชระ ฟักสกุล อยู่บ้านเลขที่ 124 หมู่ที่ 5 ตำบลหอมศีล อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้เห็นช่องทางการทำเงินกลางน้ำด้วยการนำลูกปลากะพงมาอนุบาลให้เป็นไซซ์นิ้ว เพื่อจำหน่ายให้กับเกษตรกรรายอื่นๆ ต่อไป โดยการทำด้วยวิธีการนี้ช่วยตัดขั้นตอนการอนุบาลลงไปได้ จึงทำให้เมื่อเกษตรกรรายอื่นๆ นำไปเลี้ยง ปลากะพงสามารถเจริญเติบโตและเป็นปลาที่มีคุณภาพตามที่ตลาดต้องการ
คุณวัชระ เล่าว่า สาเหตุที่ได้มาจับธุรกิจเดียวกับการอนุบาลปลากะพงนั้น เกิดจากแฟนสาวที่ทำอาชีพเกี่ยวกับปลากะพง จึงทำให้เขามีความสนใจและได้เรียนรู้ที่จะทำเป็นอาชีพเสริม โดยการทำในขั้นตอนของเขาเรียกว่าขั้นตอนกลางน้ำ เพราะการทำด้วยวิธีนี้จะช่วยให้เกษตรกรปลายน้ำที่นำลูกปลาไปเลี้ยงได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านการอนุบาล จึงลดขั้นตอนในเรื่องของการอนุบาลลงไปได้เป็นอย่างดี
“สมัยก่อนผมเลี้ยงปลานิลผสมกับกุ้ง มันไม่ค่อยประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร พอเห็นธุรกิจของแฟน ก็เกิดความสนใจและคิดว่าเราน่าจะทำได้ดี ตอนแรกลองเอาปลากะพงมาอนุบาลเพียงอย่างเดียวก่อน แล้วขายให้เกษตรกรรายอื่นๆ ไปเลี้ยงเป็นปลาเนื้อ ผลปรากฏว่าสำเร็จดี ลูกค้าเริ่มมีถามเข้ามา ทีนี้ก็เลยขยายบ่อออกไปเรื่อยๆ ทำทั้งอนุบาลในบ่อปูนและบ่อดิน ทำให้ต่อรอบการผลิตสามารถส่งลูกปลาจำหน่ายได้ถึง 500,000 ตัวต่อรอบ โดยทางฟาร์มของผม ดูแลขั้นตอนนี้ทั้งหมดในเรื่องการอนุบาล จึงทำให้สามารถคัดคุณภาพของลูกปลาได้อยู่ตลอดเวลา”
การเตรียมบ่อดินสำหรับอนุบาลลูกปลากะพงนั้น คุณวัชระ บอกว่า หลังจากที่จับปลาในแต่ละรอบจำหน่ายจนหมดบ่อแล้ว จะวิดน้ำออกจากบ่อออกให้หมด จากนั้นหว่านปูนขาวลงไปภายในก้นบ่อ เพื่อทำให้สภาพบ่อเหมาะสมกับการอนุบาลปลากะพงมากที่สุด เพราะในและรอบการผลิตจะใส่ลูกปลาลงไปค่อนข้างมาก ดังนั้น การเตรียมบ่อในขั้นตอนนี้ถือว่าสำคัญมาก ต้องมีความสะอาดและกำจัดปลาที่เป็นศัตรูออกให้หมด
โดยบ่ออนุบาลขนาด 1 ไร่ หลังจากเตรียมบ่อเรียบร้อยแล้ว จะใส่ลูกปลากะพงไซซ์ 1.5 นิ้ว ลงมาอนุบาลอยู่ที่ 100,000 ตัวต่อบ่อ ในระยะนี้ให้กินอาหารลูกปลาเม็ดเล็กที่มีโปรตีนอยู่ที่ 43 เปอร์เซ็นต์ ให้กินวันละ 3 มื้อ ในช่วงเช้า กลาง และเย็น หลังจากเลี้ยงไปได้ประมาณ 7 วัน จึงเปลี่ยนมาเป็นอาหารปลากะพงเบอร์ 1 เปลี่ยนให้กินวันละ 2 มื้อ เช้าและเย็น หลังจากผ่านไปอีก 7 วัน จึงเปลี่ยนอาหารเป็นเบอร์ 2 เลี้ยงด้วยเบอร์นี้ต่อไปอีก 10 วัน จากนั้นเปลี่ยนอาหารเป็นเบอร์ 3 ไปจนกระทั่งปลาสามารถจับขายได้ ใช้เวลาในระยะอนุบาลประมาณ 35 วัน
“ปลาครบกำหนดอนุบาล ลูกปลากะพงจากที่มีขนาด 1.5 นิ้ว ก็จะได้เป็นปลาขนาดไซซ์ 4 นิ้ว มันก็จะมีคละไซซ์บ้าง แต่หลักๆ แล้ว เราก็จะจำหน่ายลูกปลาไซซ์นี้เป็นหลัก ส่วนเรื่องของโรคที่เกิดขึ้นกับปลา เรามีการปล่อยที่หนาแน่น ดังนั้น ในเรื่องของการป้องกันโรคก็จะมีแผนแน่นอน ป้องกันไปตามอาการที่เกิดขึ้น ซึ่งแต่ละช่วง แต่ละฤดูกาลก็จะแตกต่างกันไป เราก็จะป้องกันไปตามขั้นตอน ส่วนใบพัดตีน้ำจะมีการตีน้ำอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มออกซิเจนให้กับปลาภายในบ่อ พร้อมทั้งมีการใส่เกลือลงไปบ้าง เพื่อให้เกล็ดปลามีความแข็งแรง”
การจำหน่ายลูกปลากะพงหลังจากอนุบาล คุณวัชระ บอกว่า ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นฐานลูกค้าเดิมที่เคยซื้อกันอยู่แล้ว จากนั้นก็จะบอกกันไปปากต่อปาก หากเกษตรกรท่านอื่นๆ ต้องการลูกปลากะพงไซซ์ขนาด 4 นิ้วไปเลี้ยงต่อเพื่อเลี้ยงเป็นปลาเนื้อก็จะติดต่อเข้ามา จากที่ทำมาหลายปีจึงมีลูกค้าทั่วประเทศเลยก็ว่าได้ โดยราคาจำหน่ายขึ้นอยู่ตามฤดูกาล ราคาปลากะพงขนาดไซซ์ 4 นิ้ว ราคาอยู่ที่ตัวละ 5 บาท และบางช่วงราคาสามารถสูงขึ้นไปถึงตัวละ 6 บาท
“ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาระบาดแรกๆ ถือว่าปลากะพงค่อนข้างจำหน่ายได้ยาก ก็มีการปรับตัวบ้างเล็กน้อย เพื่อให้อยู่ได้ ช่วงนั้น ลดราคาลงมาบ้าง ถึงจะเสมอทุน หรือขาดทุนกำไรลงไปเราก็ต้องยอม แต่ถ้าเรามีการจัดการที่ดี และมีการรับมือในสถานการณ์ต่างๆ ไว้ เราก็จะผ่านช่วงนั้นไปได้ เพราะฉะนั้นใครอยากทำอาชีพนี้ สิ่งที่อยากให้ยึดเลยคือเรื่องของมาตรฐาน เราต้องมีมาตรฐานการทำที่สม่ำเสมอต่อเนื่อง มีความซื่อสัตย์จริงใจ หลักยึดนี้ผมทำมาตลอด จึงทำให้ธุรกิจของผมดำเนินมาได้จนถึงทุกวันนี้ครับ”
สำหรับท่านใจที่สนใจลูกปลากะพงเพื่อนำไปเลี้ยงเป็นปลาเนื้อ หากสนใจหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ คุณวัชระ ฟักสกุล หมายเลขโทรศัพท์ 087-938-8759 และ 095-047-6944
