ผู้เขียน | ทะนุพงศ์ กุสุมา ณ อยุธยา |
---|---|
เผยแพร่ |
ที่ราชบุรีมีผลไม้เด่นและเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญคือ สับปะรด รู้จักกันอย่างดีในชื่อสับปะรดสวนผึ้งหรือบ้านคา เป็นพันธุ์ปัตตาเวีย มีลักษณะเด่นที่รสหวานฉ่ำ ไม่กัดลิ้น กลิ่นหอม เนื้อละเอียด ปลูกในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ จอมบึง ปากท่า สวนผึ้ง และบ้านคา ที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาและพื้นที่ราบสูง มีเกณฑ์ปริมาณน้ำฝนและอุณหภูมิที่เหมาะสมสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพ เป็นเอกลักษณ์มีความแตกต่างจากสับปะรดแหล่งอื่น มีตลาดขายส่งโรงงานและผลสดพร้อมทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์หรือ GI ช่วยการันตีคุณภาพ ชูความอร่อย ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น
คุณชนม์พศุตม์ ไกรวิจิตร หรือ คุณหนุ่ย อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 20/1 หมู่ที่ 4 ตำบลหนองพันจันท์ อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี โทรศัพท์ 065-351-6352 มารับช่วงปลูกสับปะรดต่อจากแม่ได้ 4 ปี ใช้พื้นที่ปลูกทั้งหมดกว่า 120 ไร่ เพื่อขายตรงให้กับพ่อค้าเป็นหลัก บริหารจัดการสวนสับปะรดอย่างเป็นระบบ ทั้งการปลูก ใส่ปุ๋ย ดูแลโรคและแมลงเพื่อให้มีผลผลิตคุณภาพส่งขายตลอดทั้งปี ที่น่าสนใจสวนแห่งนี้ได้ดัดแปลงรถปิกอัพเพื่อนำมาใช้ฉีดพ่นปุ๋ยยาแทนแรงงาน ช่วยให้สะดวก รวดเร็ว ทุ่นค่าแรง ที่สำคัญปลอดภัยกับผู้ทำงานมาก
การเตรียมพันธุ์
ภายหลังตัดผลผลิตแต่ละรุ่นแล้วจะมีหน่อใหม่โผล่ เมื่อฝนตกจะใส่ปุ๋ยเพื่อเร่งหน่อให้มีความสมบูรณ์เร็วขึ้น ขนาดหน่อที่ต้องการจะหักออกมาจากต้นตามจำนวนที่ต้องใช้ปลูกแล้วนำมาเลือกเพื่อให้มีขนาดต้นเท่ากันตอนปลูก ทำลักษณะเช่นนี้หมุนเวียนโดยไม่ต้องซื้อหน่อพันธุ์
เตรียมแปลง
ก่อนปลูกรุ่นใหม่จะต้องปั่นตอเก่าทิ้งก่อน แล้วไถพรวน 1 รอบ ใส่มูลไก่ที่ซื้อมาจากเล้าไก่เนื้อนำมาใส่ได้ทันทีเพราะเป็นมูลไก่แห้งที่ผสมแกลบ คุณสมบัติของมูลไก่จะช่วยทำให้ดินฟู ใส่มูลไก่จำนวน 100 กระสอบ (กระสอบละ 30 กิโลกรัม) ต่อไร่
ไถพรวนอีกรอบเพื่อให้ดินฟู โดยไม่ต้องทำแปลง ตีเส้นเป็นแนว ใช้จอบขุดดินเป็นหลุมขนาดความลึกเท่าหน้าจอบ แล้วฝังหน่อระยะหลุมห่างกันประมาณ 25 เซนติเมตร โดยพื้นที่ 1 ไร่จะใช้ประมาณ 8,000 หน่อ หลังจากฝังหน่อแล้ว หากฝนตกให้ฉีดยาฆ่าหญ้าเพื่อป้องกันไม่ให้หญ้าขึ้น
การใส่ปุ๋ย
ควรใส่หลังฝนตกพร้อมฉีดยาป้องกันโรค พ่นฮอร์โมนทางใบ ให้ใส่หลังนำหน่อลงปลูกสัก 2 สัปดาห์เพราะต้องการให้รากเริ่มเดิน ระหว่างปลูกต้องหมั่นฉีดปุ๋ยทางใบเป็นฮอร์โมนและยาป้องกันโรค ควรฉีดพ่นอย่างต่อเนื่องเดือนละครั้ง เพื่อเสริมสร้างความสมบูรณ์ของต้น โดยฉีดพ่นครั้งสุดท้ายเมื่อต้นมีอายุ 4 เดือน 15 วัน
คุณหนุ่ย ย้ำว่า ปุ๋ยที่ใส่ครั้งแรกต้องรอให้ฝนตกก่อน จะปลูกช่วงไหนก็ได้ จะใช้เวลานานหลังปลูกเท่าไรก็ได้ เพียงแต่ต้องรอฝนตกเพราะการใส่ปุ๋ยต้องอาศัยฝน ไม่ว่าจะปลูกฤดูใด เวลาใด หากฝนไม่ตกยังไม่ต้องใส่ทั้งปุ๋ยยาและฮอร์โมน
การบริหารจัดการปลูกสับปะรดในพื้นที่กว่า 120 ไร่ คุณหนุ่ย บอกว่า ที่สวนปลูกสับปะรดขายให้กับคนรับซื้อค้าส่งเป็นหลัก ผลผลิตมีขายตลอดทั้งปี โดยบริหารจัดการแปลงปลูกออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 2-3 ไร่ แบ่งการปลูกเป็นรุ่นหยอดยาไม่พร้อมกัน แต่ละกลุ่มจะเว้นช่วงเวลาหยอดยา 10-15 วัน ก่อนหยอดจะต้องสังเกตความสมบูรณ์ของลำต้นที่เรียกว่าสะโพกก่อน ถ้าสับปะรดมีสะโพกแสดงว่าต้นนั้นสมบูรณ์แข็งแรงพร้อมหยอดยาได้ ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ผลที่สมบูรณ์มีคุณภาพ
วิธีหยอดมีทั้งการใช้แก๊สหรือผสมน้ำยาฉีดพ่นทางใบ โดยแต่ละวิธีที่นำมาใช้จะพิจารณาจากสภาพทางธรรมชาติเป็นหลักว่าวิธีใดเหมาะสม อย่างถ้าไม่มีฝนจะฉีดพ่นทางใบ แต่ถ้าฝนตกจะหยอดแก๊ส
เก็บผลผลิต
ระยะเวลาปลูกไปจนเก็บใช้เวลาประมาณ 8-10 เดือน ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของต้น ใน 1 ไร่ ได้ผลผลิตประมาณ 7-8 ตัน หลังจากเก็บมีพ่อค้ามารับหน้าสวน โดยขายเหมาทุกขนาด แต่ถ้าช่วงใดที่สับปะรดมีน้อยจะขายแบบแยกเนื้อที่แบ่งเป็นเนื้อแรกกับเนื้อสอง สับปะรดเนื้อแรกจะฉ่ำและราคาแพง ราคากิโลกรัมละ 14-15 บาท ถ้าเป็นเนื้อสองสีเหลือง ราคาถูกกว่าราคากิโลกรัมละ 8-9 บาท น้ำหนักต่อผลมีตั้งแต่ 1.5 กิโลกรัม ลูกค้าชอบน้ำหนักแตกต่างกัน ส่วนมากชอบที่มีน้ำหนัก 2 กิโลกรัม
นับจากวันหยอดประมาณ 5 เดือน 10 วัน ผลจะทยอยสุก จึงทยอยตัดเก็บจนหมดแปลงในแต่ละรุ่น ส่วนวิธีจะรู้ว่าผลใดเป็นเนื้อแรกหรือเนื้อสอง ให้ใช้ไม้เคาะที่ผลเพื่อจะแยกคุณภาพเนื้อผล ถ้าเคาะมีเสียง “โปก โปก” จะเป็นเนื้อสอง แต่ถ้ามีเสียง “แปะ แปะ” จะเป็นเนื้อแรก
จากที่ได้คลุกคลีอยู่กับอาชีพปลูกสับปะรดตั้งแต่เกิดมาพบว่า สับปะรดสวนผึ้งบ้านคาได้รับความนิยมดีมาตลอด ไปไหนก็พบแต่สับปะรดสวนผึ้งบ้านคาหลายแห่ง อีกทั้งยังนิยมนำไปใช้ตามโรงแรม ร้านอาหาร เหตุผลที่ลูกค้านิยมมาซื้อสับปะรดที่สวนคุณหนุ่ยเพราะมีคุณภาพสมบูรณ์ เนื้อดี รสอร่อย โดยเกิดจากเทคนิคการปลูก ดูแลใส่ปุ๋ย ฮอร์โมนอย่างมีประสิทธิภาพ
สับปะรดปีคือการให้ผลผลิตตามฤดูโดยไม่ได้หยอด มักจะเกิดผลผลิตเองโดยธรรมชาติในช่วงหน้าหนาว ทำให้ทุกสวนมีผลผลิตพร้อมกัน ปริมาณผลผลิตรวมในตลาดจึงมีมาก ทำให้ราคาตก ยิ่งถ้าปีใดอากาศหนาวเย็นมากจะยิ่งกระตุ้นให้ผลผลิตออกมามาก เป็นปัญหาของชาวสวนเพราะขายไม่ทันจะเน่าเสีย ต้องหาทางขายส่งโรงงานแปรรูปบ้าง ขายเพื่อแปรรูปเป็นสับปะรดกวนหรือน้ำสับปะรดแล้วแต่จะแก้ปัญหากัน ถึงแม้จะขายขาดทุน แต่ยังช่วยให้มีรายได้เข้ามาบ้าง ช่วงดังกล่าวจะเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคม-เมษายน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศจะหนาวยาวหรือสั้น และหนาวมากหรือน้อย
แปลงรถปิกอัพใช้ฉีดพ่นปุ๋ยยาแทนแรงงาน ประหยัดต้นทุน รวดเร็ว สะดวก
ปกติการให้ปุ๋ย ฉีดพ่นยาหลายชนิดมักใช้คนเดินในสวน แต่ละครั้งต้องใช้แรงงานจำนวนมาก ยิ่งพื้นที่สวนกว้าง ยิ่งต้องใช้คนมาก รอบฉีดพ่นยาแต่ละครั้งใช้เวลานานเป็นชั่วโมงกว่าจะเสร็จ มีต้นทุนมาก
สวนสับปะรดคุณหนุ่ยได้ดัดแปลงรถปิกอัพเพื่อใช้เป็นเครื่องฉีดพ่น คล้ายกับการใช้โดรน วิธีนี้ทำให้ประหยัดเวลา ลดต้นทุน เพิ่มความสะดวก ใช้เพียงคนขับรถคนเดียว โดยติดตั้งท่อพีวีซี ที่มีขนาดความยาว 6 และ 9 เมตร เพื่อใช้เป็นแขนยื่นออกไป ซึ่งสามารถจะกางออกหรือพับร่นตามที่ต้องการใช้งาน และท่อดังกล่าวต่อออกจากถังเก็บน้ำยา โดยเจาะเป็นรูขนาดเล็กเพื่อพ่น
เมื่อต้องการใช้งานจะเปิดสวิตช์ให้ท่อกางออกด้านข้างตามระยะความยาวที่ต้องการ 6 หรือ 9 เมตร แล้วเปิดปั๊มแรงดันเพื่อส่งน้ำยาเข้าท่อไปพ่นออกตามรูที่เจาะ ขณะพ่นจะขยับรถช้าๆ ตามถนน พ่นไปตามแนวร่องสวน ข้อดีของการใช้รถพ่นยาช่วยให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ช่วยลดต้นทุนแรงงาน ประหยัดเวลาจากเดิมที่ใช้คนพ่น 1 ชั่วโมงครึ่งต่อถัง แต่ถ้าพ่นด้วยรถใช้เวลาเพียง 7 นาทีต่อถังเช่นกัน ทั้งยังช่วยให้คนพ่นยามีความปลอดภัยด้วย คุณหนุ่ยนำรถพ่นยามาใช้งานได้สักระยะหนึ่งมีค่าใช้จ่ายประมาณ 40,000 กว่าบาท