มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เปิดแผนปี 66 มุ่งตอบแทนคุณแผ่นดิน

นายจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และผู้ช่วยบริหาร สำนักประธานคณะกรรมการบริหาร  บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ในฐานะ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เปิดเผยว่า ตลอด 35 ปี มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ได้น้อมนำพระราชดำริปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สานต่อปณิธานตอบแทนคุณแผ่นดิน ตามรอยใต้เบื้องพระยุคลบาท และยังคงขับเคลื่อนงานพัฒนาสังคมไทย ตามแนวคิด “มุ่งสร้าง 4 ดี พัฒนา 4 ด้าน” ได้แก่ คนดี พลเมืองดี อาชีพดี และสิ่งแวดล้อมดี สอดคล้องไปกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ใน 3 มิติหลัก ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนตามเป้าหมายหลักการสากล “การพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ 17 ประการ (SDGs)” เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ของประเทศไทยทั้ง 77 จังหวัด ยกระดับเศรษฐกิจชุมชน สังคม และการอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันอย่างสมดุล

ในปี 2566 มูลนิธิฯ มีเป้าหมายขยายขอบเขตพื้นที่ในการยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทย จาก “ภูผา ผืนนา สู่มหานที” ทั่วทุกภูมิภาคอย่างยั่งยืน โดย “ภูผา” มูลนิธิฯ ยังคงเดินหน้าโครงการอมก๋อย โมเดล สร้างอมก๋อยน่าอยู่ คู่ป่าต้นน้ำ อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ มีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟู อนุรักษ์ป่าต้นน้ำที่มีกว่า 1 ล้านไร่ ของประเทศไทยให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์ ควบคู่ไปกับการพัฒนาอาชีพและส่งเสริมรายได้ให้เกษตรกรและชุมชนอย่างยั่งยืน โดยการดำเนินงานที่ผ่านมามีการปลูกต้นไม้ กว่า 70,000 ต้น มีเกษตรกรในโครงการจาก 3 ตำบล รวม 990 ครัวเรือน นอกจากนี้ ยังมีงานด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่า (กวางผา) เพื่อรักษากวางผาสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ในพื้นที่เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อยให้อยู่ในภาวะสมดุลและยั่งยืนต่อไป

“ผืนนา” มูลนิธิฯ ยังคงมุ่งเป้าหมายเพื่อพัฒนาให้เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองได้ มีรายได้มั่นคง ยกระดับคุณภาพชีวิต และเป็นต้นแบบที่สามารถขยายผลได้ โดยร่วมกับภาคีทุกภาคส่วน ในการส่งเสริมเรื่องต่างๆ อาทิ เพิ่มองค์ความรู้ เกษตรมูลค่าสูง การจัดการและเทคโนโลยีด้านการเกษตร การแปรรูปเพิ่มมูลค่า การจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน สร้างผู้นำเกษตรรุ่นใหม่ การเชื่อมโยงตลาด การออมในรูปแบบธนาคารชุมชนและกลุ่มออมทรัพย์ชุมชน โดยมีเกษตรกรในโครงการแล้วกว่า 3,500 คน สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ 12.5 ล้านบาท ผ่านการดำเนินงาน 5 โครงการ ได้แก่ โครงการเกษตรผสมผสานตามแนวพระราชดำริ จังหวัดบุรีรัมย์ โครงการตามพระราชประสงค์หมู่บ้านสหกรณ์ โครงการห้วยองคต อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดกาญจนบุรี โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี และโครงการสนับสนุนการพัฒนาร่วมกับภาคีเครือข่าย

โดยปีนี้มูลนิธิฯ ขยายขอบเขตงาน เพื่อมุ่งสู่ “มหานที” ผ่านโครงการพัฒนาอาชีพตำบลปากรอ ตามดำริ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ จังหวัดสงขลา และขยายสู่โครงการทะเลสาบสงขลาโมเดล ด้วยเล็งเห็นความสำคัญของทรัพยากรทะเลสาบสงขลา ซึ่งเป็นแหล่งน้ำใหญ่ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศ ครบคลุมพื้นที่ 5 ล้านไร่ ใน 3 จังหวัด ที่กำลังประสบปัญหา ทั้งปัญหาด้านภัยธรรมชาติ และปัญหาจากการกระทำของมนุษย์ จึงเกิดเป็นแผน 3 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ การปกป้องฟื้นฟูทรัพยากรทะเลสาบสงขลา การพัฒนาอาชีพ และยกระดับรายได้ชุมชน และการสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วน