ผลไม้แปลก กิน 1 ผล เหมือนได้กินทั้งเงาะและลิ้นจี่

เงาะขนสั้น หรือ เงาะลิ้นจี่ เป็นพืชที่มีลักษณะคล้ายกับเงาะ มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศมาเลเซีย และได้มีการนำไม้ชนิดนี้เข้ามาปลูกในประเทศไทย มักจะพบเจอมากในภาคใต้ และปัจจุบันก็สามารถปลูกได้ในทุกภูมิภาคของประเทศไทย เงาะลิ้นจี่เป็นพืชที่มีลักษณะคล้ายเงาะ มีความชื่นชอบน้ำและอากาศที่ชื้น นอกจากนี้ เงาะลิ้นจี่ยังมีชื่อเรียกอีกมากมายในแต่ละประเทศ เช่น ภาษามาลายูเรียกว่า ปูลาซัน ภาษาอินโดนีเซียเรียกว่า กาปูลาซัน ภาษาฟิลิปปินส์เรียกว่า บูลาลา หรือ ปานุงกายัน

คุณสุนีพร เหล่าวิวัฒน์เกษม หรือ คุณขวัญ

เงาะลิ้นจี่เป็นไม้ยืนต้นชนิดหนึ่งที่มักพบเจอได้ในป่าประเทศอินโดนีเซีย หรือจะเรียกง่ายๆ ว่า เงาะป่านั่นเอง หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงเรียกว่าเงาะลิ้นจี่ เพราะการกินผลไม้ชนิดนี้เพียง 1 ผล สามารถให้รสชาติและเนื้อสัมผัสถึงการกินเงาะและลิ้นจี่ในผลเดียวกัน

ต้นเงาะลิ้นจี่

เงาะลิ้นจี่มีรสชาติหวานกลางๆ ไม่หวานแสบคอ และให้ความรู้สึกเย็นสดชื่น มีเนื้อกรอบเหมือนเงาะ แต่ก็มีความชุ่มฉ่ำน้ำคล้ายลิ้นจี่ เนื้อร่อนไม่ติดเมล็ดเหมือนเงาะทั่วไป และเมล็ดก็มีขนาดที่เล็กสามารถเคี้ยวกินได้เลย

ลักษณะเด่นของเงาะลิ้นจี่

ใบ มีลักษณะใหญ่กว่าใบของเงาะโรงเรียน ใบเงาะลิ้นจี่มีความคล้ายใบลองกอง เป็นใบเดียวไม่มีแฉก

ดอก จะออกตามปลายกิ่ง หรืออยู่ค่อนลงมาจากปลายกิ่ง ไม่มีกลีบดอก ออกดอกเป็นช่อดอก มีดอกสีขาวนวลคล้ายดอกลำไย

ผล มีลักษณะรีไปจนถึงค่อนข้างกลม มีหนามหนาแน่น แข็งและสั้นปกคลุมทั่วทั้งผล ผลอ่อนจะมีสีเขียว ผลแก่สีแดงอมเหลืองหรือดำ เมล็ดด้านในมีเยื่อหุ้มสีขาว ผู้คนนิยมกินผลสด

ผลอ่อนเงาะลิ้นจี่

คุณสุนีพร เหล่าวิวัฒน์เกษม หรือ คุณขวัญ เจ้าของสวนมาลา กม.9 เบตง จังหวัดยะลา ปัจจุบันประกอบอาชีพเป็นเกษตรกรปลูกไม้ผลหลายชนิด หนึ่งในไม้ผลที่คุณสุนีพรปลูกและได้รับความนิยมตลอดมาก็คือ เงาะลิ้นจี่

เก็บผลผลิต

คุณสุนีพร กล่าวว่า เดิมที่คุณพ่อคุณแม่เป็นเกษตรกรอยู่แล้ว และคุณพ่อเป็นคนมาเลเซีย จึงได้รู้จักกับพันธุ์ต่างๆ ของประเทศมาเลเซีย

และหนึ่งในพันธุ์ไม้ที่ได้นำเข้ามาปลูกก็คือ เงาะลิ้นจี่ ในช่วงแรกทดลองปลูกต้นพันธุ์สามารถเจริญเติบโตได้ดี เพราะเนื่องจากต้นเงาะลิ้นจี่ชื่นชอบน้ำและอากาศที่ค่อนข้างชื้น ทำให้เติบโตได้ดีในพื้นที่และสภาพอากาศของเบตง เป็นพืชอายุยืน ปัจจุบันที่สวนมีต้นเงาะลิ้นจี่ทั้งหมด 120 ต้น อายุแต่ละต้นประมาณ 20 กว่าปีแล้ว เงาะลิ้นจี่เป็นไม้อายุยืน ปลูก 1 ครั้ง สามารถมีอายุยืน 40-50 ปี

ต้นกล้าเงาะลิ้นจี่ 

การปลูกเงาะลิ้นจี่ของทางสวนมาลา กม.9 เบตง

จะเป็นการปลูกแบบออร์แกนิก ปลอดสาร เนื่องจากเป็นการปลูกผสมผสานกับไม้ผลชนิดอื่นๆ ที่ปลอดสารเช่นกัน เงาะลิ้นจี่เป็นพืชที่ทนทานต่อโรคมาก ทั้งโรคจากแมลงและโรคพืช แทบจะไม่มีโรคเลย เนื่องจากเงาะลิ้นจี่มีเปลือกที่หนา ทำให้แมลงไม่สามารถกัดกินได้ สามารถปลูกได้ในทุกภูมิภาคของประเทศไทย เพียงแต่ต้องรดน้ำสม่ำเสมอ ให้อาหารเสริมทางดินและใบ เพื่อการเจริญเติบโตที่ดี

ผลผลิตที่เก็บได้ 

การขยายพันธุ์ต้นกล้าเงาะลิ้นจี่

จะใช้วิธีการติดตา เพราะจากการทดลองของทางสวนแล้ว อัตราการเจริญเติบโตดีกว่าการขยายพันธุ์ด้วยวิธีตอนกิ่ง การขยายพันธุ์ด้วยวิธีการติดตาสามารถทำได้อย่างจำกัดทำให้ทางสวนสามารถขยายพันธุ์ต้นกล้าได้เพียง 500-1,000 ต้นเท่านั้น ทำให้อาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า แต่รับรองได้ว่า ต้นกล้ามีคุณภาพอย่างแน่นอน ราคาต้นกล้าอยู่ที่ 450 บาทต่อต้น

เนื้อด้านในเงาะลิ้นจี่

วิธีการปลูกต้นกล้าเงาะลิ้นจี่

เมื่อได้ต้นกล้าที่สมบูรณ์แล้ว ควรพักต้นกล้าไว้ 1 สัปดาห์ ก่อนนำมาลงดินปลูก ระหว่างพักต้นกล้าก่อนนำลงแปลงปลูก ต้องคอยรดน้ำอย่างสม่ำเสมอให้ดินมีความชุ่มชื่นตลอดเวลา ดินในการเพาะปลูกต้นเงาะลิ้นจี่ สามารถใช้ดินเพาะปลูกทั่วไปได้เลย เมื่อพักต้นกล้าครบ 1 สัปดาห์แล้ว ก็สามารถนำลงแปลงปลูกได้

การรดน้ำ ในช่วงแรกควรรดน้ำเช้า-เย็น จนกว่าต้นจะสามารถตั้งได้อย่างแข็งแรง จากนั้นสามารถเปลี่ยนการรดน้ำเป็นวันละ 1 ครั้ง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของแต่ละพื้นที่ปลูก หากปลูกในช่วงฤดูร้อนหรือในพื้นที่ที่ฝนไม่ค่อยตก ก็สามารถรดน้ำทุกวัน เช้า-เย็นได้

แพ็กผลผลิตส่งลูกค้า

การใส่ปุ๋ย เนื่องจากเป็นการปลูกแบบออร์แกนิก ปลอดสาร จะมีการใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยอินทรีย์ ทุกๆ 3 เดือน เพื่อบำรุงต้น

ดอกและผล ดอกจะออกในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ผลจะเริ่มติดและออกให้เก็บเกี่ยวในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ระยะเวลาในการเก็บผลผลิตจะอยู่ที่ 1 เดือน 10 วัน โดยประมาณในช่วง 2 เดือนนี้

เงาะลิ้นจี่ใช้ระยะเวลาในการปลูก 3 ปี และจะเริ่มมีผลผลิตให้เก็บเกี่ยวในปีที่ 4-5 แต่ในช่วง 4-5 ปี ผลผลิตจะน้อยมาก ต้นจะโตเต็มที่ในปีที่ 6 ปัจจุบันที่สวนปลูกทั้งหมด 120 ต้น ได้ผลผลิตสูงสุดถึง 100 ตัน หากช่วงต่ำสุดก็จะได้ผลผลิตประมาณ 50 ตัน เพราะเนื่องจาก 1 ปี สามารถเก็บผลผลิตได้ 1 ครั้ง

หลังการเก็บเกี่ยว นอกจากการรดน้ำอย่างสม่ำเสมอแล้ว ก็ต้องใส่ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อบำรุงต้น และทำการแต่งกิ่งให้เหลือเพียงกิ่งใหญ่ที่แข็งแรงที่สุด เพื่อให้ต้นสามารถดูดซึมสารอาหารจากดินมาบำรุงลำต้นและกิ่งหลักให้แข็งแรงสมบูรณ์พร้อมให้ผลผลิตในครั้งถัดไป

“เงาะลิ้นจี่ ถือเป็นผลไม้แปลกในประเทศไทย หากใครอยากจะกินต้องจองกันข้ามปี เป็นผลไม้ที่ยังไม่มีผู้คนรู้จักมานัก มีเกษตรกรที่ปลูกเชิงพาณิชย์น้อย ทำให้ไม่เพียงพอต่อผู้บริโภค แต่ต้องบอกเลยว่า เงาะลิ้นจี่เป็นผลไม้ที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างหลากหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มตลาดสุขภาพ ตลาดผลไม้แปลก และตลาดออร์แกนิก เป็นต้น สามารถกำหนดราคาขายเองได้ ปัจจุบัน เงาะลิ้นจี่เป็นผลไม้ทำเงินที่ขายได้ถึง 130 บาทต่อกิโลกรัม”

สำหรับท่านใดที่สนใจ ต้นพันธุ์เงาะลิ้นจี่ ผลผลิตเงาะลิ้นจี่ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณสุนีพร เหล่าวิวัฒน์เกษม หรือ คุณขวัญ อายุ 42 ปี โทรศัพท์ 062-949-1939 หรือติดตามความเคลื่อนไหวได้ทางเฟซบุ๊ก เงาะลิ้นจี่ สวนมาลา กม.9 เบตง