สธ.ดันยุทธศาสตร์ ‘เชื้อดื้อยา’ ตั้งเป้าลดอัตราป่วย ร้อยละ 50

ก.สาธารณสุขขับเคลื่อน ‘ยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย พ.ศ.2560-2564’ ตั้งเป้า 5 ปีลดอัตราป่วยร้อยละ 50 เล็งคุมเข้มยาต้านจุลชีพทั้งในคนและสัตว์

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม นพ. ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการดำเนินงานแก้ปัญหาเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพว่า สธ.ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาเชื้อดื้อยาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย พ.ศ. 2560-2564 ซึ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์ที่แก้ไขปัญหาการดื้อยาต้านจุลชีพอย่างบูรณาการ ภายใต้แนวคิดสุขภาพหนึ่งเดียว (One Health) ฉบับแรกของไทย เป็นกรอบการทำงานให้แก่หน่วยงานต่างๆ ไปสู่เป้าหมายลดการป่วยจากเชื้อดื้อยาร้อยละ 50 ลดการใช้ยาต้านจุลชีพสำหรับคนร้อยละ 20 และสำหรับสัตว์ร้อยละ 30 ประชาชนมีความรู้เรื่องเชื้อดื้อยาและใช้ยาต้านจุลชีพเหมาะสมเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 และมีระบบจัดการการดื้อยาที่มีสมรรถนะตามเกณฑ์มาตรฐานสากล

นพ.ปิยะสกลกล่าวต่อไปว่า ผลการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ 1. ดำเนินการ 8 เรื่อง ตามเป้าหมายเร่งด่วน รอบที่ 1 ปีงบประมาณ 2560 อาทิ นโยบายโรงพยาบาลส่งเสริมการใช้ยาสมเหตุผลครอบคลุมยาต้านจุลชีพ พัฒนาระบบการจัดการเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพในโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไป นำร่องระบบมาตรฐานการจัดการเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพในโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยง การออกประกาศต่างๆ เพื่อควบคุมการใช้ยาต้านจุลชีพทั้งในคนและสัตว์ เป็นต้น 2. มีมาตรฐานห้องปฏิบัติการด้านจุลชีววิทยาทางการแพทย์ เพื่อให้สามารถตรวจจับเชื้อดื้อยาเป็นมาตรฐานเดียวกัน 3. เพิกถอนทะเบียนยาต้านจุลชีพที่ไม่ปลอดภัย ยกเลิกยาต้านจุลชีพจากการเป็นยาสามัญประจำบ้าน ยกระดับการควบคุมให้เป็นยาอันตราย รวมทั้งจำกัดการกระจายยาต้านจุลชีพที่สำคัญ 4. สธ.และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีนโยบายร่วมกันในการลดการใช้ยาต้านจุลชีพในโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน และโรคท้องร่วงเฉียบพลัน 5. สธ.ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีการติดตามการใช้ยาต้านจุลชีพในการเลี้ยงสัตว์และจัดทำแผนเฝ้าระวังเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ และ 6. เริ่มจัดทำข้อมูลพื้นฐานระบบจัดการเชื้อดื้อยาของประเทศ เช่น การสำรวจปริมาณการบริโภคยาต้านจุลชีพของประเทศไทย การสำรวจความรู้และพฤติกรรมการใช้ยาต้านจุลชีพของประชาชนและเกษตรกร รวมทั้งพัฒนาระบบติดตามประเมินผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ฯ ในระยะยาว

“สำหรับในระยะต่อไป ประกอบด้วย การดำเนินงานตามเป้าหมายเร่งด่วน รอบที่ 2 ประจำปีงบประมาณ 2561 รวม 14 รายการ โดยนำผลประเมินร่วมของการปฏิบัติตามกฎอนามัยระหว่างประเทศจากองค์การอนามัยโลกประเด็นสำคัญเร่งด่วน 3 ข้อ และให้หน่วยงานต่างๆ จัดทำแผนฏิบัติการตามแผนยุทธศาสตร์ เพื่อเริ่มขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพฯ อย่างเป็นระบบในปี 2561” นพ. ปิยะสกล กล่าว

 

ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน