ผู้เขียน | กาญจนา จินตกานนท์ |
---|---|
เผยแพร่ |
มูลค่าทุเรียนไทยที่ส่งออกไปจีนตลาดใหญ่ ปี 2566 ครึ่งปีแรก (1 มกราคม-13 กรกฎาคม 2566) ปริมาณสูงถึง 765,985.95 ตัน มูลค่า 99,390.68 ล้านบาท และตั้งเป้าสูงถึง 200,000 ล้านบาทในปี 2566 (ข้อมูล : การประชุมถอดบทเรียนการดำเนินงานควบคุมคุณภาพทุเรียนในระดับพื้นที่ภาคตะวันออก 21 กรกฎาคม 2566) นอกจากทุเรียนภาคตะวันออก ภาคใต้แล้ว ทุเรียนในประเทศไทยยังปลูกเพิ่มขึ้นทั่วทุกภูมิภาคและได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะแต่ละพื้นที่มีทุเรียนที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง และได้รับการรับรองเครื่องหมายสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI : Geograpical Indication) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญาเพิ่มมูลค่าอีกด้วย

ทุเรียนป่าเด็ง เตรียมจด GI “ทุเรียนเพชรบุรี”
คุณธัญสิทธิ์ ชาติวิริยะพงษ์ เกษตรจังหวัดเพชรบุรี พกประสบการณ์ทุเรียนจากภาคตะวันออกจากหัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดจันทบุรี ย้ายมารับตำแหน่งเกษตรจังหวัด เมื่อปลายเดือนมิถุนายนนี้ ให้ข้อมูลว่า ปี 2566 จังหวัดเพชรบุรีมีพื้นที่ปลูกทุเรียนรวม 6.884 ไร่ พื้นที่เก็บเกี่ยว 1,629 ไร่ ผลผลิต 2,109 ตัน มีปลูกกันใน 3 อำเภอ โดยอำเภอแก่งกระจานมีพื้นที่ปลูกมากที่สุด 4,479 ไร่ พื้นที่เก็บเกี่ยว 885 ไร่ ให้ผลผลิต 1,591 ตัน อำเภอหนองหญ้าปล้อง พื้นที่ปลูก 1,461 ไร่ พื้นที่เก็บเกี่ยว 246 ไร่ ให้ผลผลิต 172 ตัน อำเภอท่ายางพื้นที่ปลูก 762 ไร่ พื้นที่เก็บเกี่ยว 476 ไร่ ให้ผลผลิต 330 ตัน โดยปี 2566 ผลผลิตเพิ่มขึ้น จากปี 2565 จำนวน 1,252 ตัน หรือ 68%

“ทุุเรียนป่าเด็งเริ่มปลูกมาเกือบ 40 ปี ตั้งแต่ปี 2528 โดยเกษตรกรนำทุเรียนพันธุ์หมอนทองจากจังหวัดจันทบุรีมาทดลองปลูกและได้ผลดี เนื้อทุเรียนมีรสชาติหวานมัน เนื้อหนา เมล็ดลีบ เนื้อละเอียดเป็นครีมกลิ่นหอมอ่อน กลิ่นน้อย เนื้อสัมผัสเนียนนุ่มแห้งละเอียด เส้นใยน้อย เนื้อสีเหลืองอ่อนถึงเหลืองเข้ม ถ้าเป็นทุเรียนพันธุ์อื่นก็จะมีลักษณะที่แตกต่างจากแหล่งกำเนิดสีเนื้อและรสชาติจะเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม อาจจะเนื่องจากสภาพพื้นที่โดยทั่วไปเกิดจากการสลายตัวของหินปูนมีการระบายน้ำดี ดินมีความอุดมสมบูรณ์สูง โครงสร้างของดินที่มีคุณสมบัติระบายน้ำได้ดี ดูดซับน้ำในปริมาณที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของทุเรียน มีอุณหภูมิที่เหมาะสม เนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัดกลางวันกลางคืนเย็น จึงทำให้ทุเรียนป่าเด็งมีความแตกต่างจากทุเรียนแหล่งอื่นๆ” คุณธัญสิทธิ์เน้นย้ำถึงความโดดเด่นทุเรียนป่าเด็ง

“ฤดูกาลของทุเรียนป่าเต็งปี 2566 เริ่มเก็บเกี่ยวตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม ปีนี้มีการจัดงานเปิดฤดูกาลเก็บเกี่ยวทุเรียนของเพชรบุรี เพื่อประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคที่ชื่นชอบทุเรียนได้รู้ว่าจังหวัดเพชรบุรีเป็นแหล่งผลิตทุเรียนที่สำคัญของภาคตะวันตกและมีทุเรียนป่าเด็ง ทุเรียนคุณภาพดีมีเอกลักษณ์ ที่ใช้ชื่อ “ทุเรียนเมืองเพชร” อยู่ระหว่างดำเนินการจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI)” เกษตรจังหวัดเพชรบุรีกล่าว

เทียบเคียงรสชาติทุเรียนภาคตะวันออก-ทุเรียนเพชรบุรี
คุณธัญสิทธิ์เปรียบเทียบ “ทุเรียนจากโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี-ทุเรียนป่าเต็ง จังหวัดเพชรบุรี ว่า ทดลองปอกทุเรียนพันธุ์หมอนทองจาก 2 แหล่งเพื่อเปรียบเทียบกันคือ โดยคัดเกรด AB น้ำหนักลูก 3.8 กิโลกรัม อายุผลหลังดอกบาน 115 วันเหมือนกัน ใช้เวลาบ่มนาน 7 วัน หลังการตัดและใช้วิธีปาดขั้วไล่น้ำ วางไว้ในบริเวณเดียวกันและอุณหภูมิเดียวกัน เปรียบเทียบความสุกระยะเดียวกันดูจากสายตาและชิมรสชาติ พบว่าสีเนื้อลักษณะของเนื้อ ไม่มีความแตกต่าง เนื้อสีสวย มีความเนียนของผิวและสีเนื้อสม่ำเสมอ ผิวเรียบเนื้อสัมผัสแห้งและลักษณะของเมล็ด เมล็ดลีบ เนื้อหนา เหมือนกัน

“ความต่างอยู่ที่รสชาติกลิ่นและรสสัมผัส ทุเรียนจากป่าเด็ง มีกลิ่นน้อยกว่า แต่มีรสชาติที่หวานแหลม เนื้อละเอียดเป็นครีม มีเส้นใยน้อย เวลาเคี้ยวจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายกลิ่นหอมของดอกไม้ ทุเรียนจากโป่งน้ำร้อนจะมีกลิ่นแรงกว่า รสชาติหวานมัน เนื้อละเอียดเป็นครีม เส้นใยน้อย เวลาเคี้ยวจะมีกลิ่นหอมละมุนขึ้นจมูกคล้ายกลิ่นหอมของดอกไม้ สรุปได้ว่ามีรสชาติแตกต่างกันตรงทุเรียนโป่งน้ำร้อน มีรสมันผสมอยู่ในเนื้อมากกว่าและหวานน้อยกว่าทุเรียนป่าเด็งเล็กน้อย ทุเรียนจากป่าเต็งน่าจะเหมาะและเป็นที่ชื่นชอบสำหรับคนที่ชื่นชอบรสหวานแหลม ส่วนทุเรียนจากโป่งน้ำร้อน จันทบุรี เหมาะผู้ที่ชอบรสหวานมัน ขึ้นอยู่ที่ผู้บริโภคจะเลือกรสชาติที่ถูกใจมากที่สุด” เกษตรจังหวัดเพชรบุรีสรุปผลทดลอง

ดึงนักท่องเที่ยว สายกิน
คุณธัญสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า แนวทางและเป้าหมายที่จะส่งเสริมให้จังหวัดเพชรบุรีเป็นแหล่งทุเรียนที่สำคัญและมีคุณภาพของภาคตะวันตกเพื่อป้อนให้กับผู้บริโภคภายในประเทศ โดยมีจุดเด่นหลายประการและที่สำคัญคือต้องการให้ชาวเพชรบุรีและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในเพชรบุรีได้กินทุเรียนที่มีคุณภาพและรสชาติอร่อยไม่เหมือนทุเรียนจากแหล่งใด ทั้งนี้ ทางจังหวัดเพชรบุรีได้ส่งเสริมให้มี การรวมกลุ่มแปลงใหญ่เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน การพัฒนาส่งเสริมเกษตรกรเพื่อให้ได้ใบรับรอง GAP และอยู่ในระหว่างการขอขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) “ทุเรียนเมืองเพชร” เพื่อมูลค่าสูงขึ้น