ที่มา | เทคโนโลยีการเกษตร |
---|---|
ผู้เขียน | เทคโนโลยีชาวบ้านออนไลน์ |
เผยแพร่ |
อาชีพเกษตรเป็นอาชีพที่หลายๆ คนวางแผนไว้ในช่วงวัยเกษียณ โดยการปลูกพืชนานาชนิดในพื้นที่ดินที่จัดเตรียมไว้ ซึ่งถือว่าเป็นการวางแผนรองรับชีวิตหลังวัยเกษียณอย่างแท้จริง หรือหากใครเบื่อหน่ายจากการทำงานประจำ หรือมองหาอาชีพเสริม อาชีพเกษตรจึงเป็นอาชีพที่ได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก
แต่หลายท่านติดปัญหาในเรื่องของพื้นที่ที่อาจจะไม่กว้างขวางพอในการเพาะปลูกพืชที่ต้องการ นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านฉบับนี้ ขอนำเสนอรายงานพิเศษในหัวข้อ “เกษตรรอบบ้าน สร้างง่ายและทำเงิน” ซึ่งอาจจะเป็นแนวทางในการประกอบการตัดสินใจ สำหรับผู้ที่ต้องการทำอาชีพเกษตรในยุคปัจจุบัน

เช่นเดียวกับหญิงสาววัย 21 ปี ที่ชื่อว่า “น้องฟ้า” หรือ คุณโชติกา พุฒฤทธิ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 3มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม คณะครุศาสตร์ สาขาคณิตศาสตร์ และเกษตรกรวัยใสแห่งสวนมะปราง ณ บ้านสวนพาฝัน ตำบลเมืองบางขลัง อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย ที่เนรมิตสวนมะปรางของคุณยายให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ด้วยการต่อยอดอาชีพการทำสวนมะปรางของครอบครัวในเนื้อที่เพียง 2 ไร่ พร้อมลุยขายตลาดออนไลน์และออฟไลน์ จนสามารถสร้างรายได้เสริมเลี้ยงตนเองและครอบครัว
จุดเริ่มต้นของการปลูก น้องฟ้า เล่าให้เราฟังด้วยน้ำเสียงที่สดใสว่า เดิมทีปลูกต้นมะปรางไว้รับประทานภายในครอบครัวเท่านั้น แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปผลผลิตที่ได้ภายในสวนมีปริมาณที่มากขึ้น จึงทำการกระจายผลผลิต ด้วยการลองนำมะปรางที่ปลูกไว้ขายให้คนในชุมชน ปรากฏว่าได้รับผลตอบรับดีเกินคาด จึงเกิดความคิดและมองเห็นโอกาสการสร้างรายได้เสริมในช่องทางดังกล่าว อีกทั้งเธอยังมีประสบการณ์จากการขายของออนไลน์ จึงอยากจะเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าทางออนไลน์ ด้วยการเรียนรู้ ศึกษา และลงมือทำมาจนถึงปัจจุบัน
“สวนมะปรางบ้านพาฝันเป็นสวนที่มีขนาดเล็ก มีพื้นที่สวนทั้งหมด 2 ไร่ เราตั้งใจจะนำผลผลิตจากสวนของเราออกมาจำหน่ายให้ทุกท่านได้ลองเปิดใจชิม สวนเราเป็นสวนแบบออร์แกนิกแท้ 100% ใส่ใจทุกรายละเอียดค่ะ หลังจากที่บ้านปลูกบ้านแล้ว มีที่เหลือประมาณ 2 ไร่ คุณยายก็เลยลงสวนมะปรางไว้เยอะประมาณหนึ่ง ประมาณ 7-8 ปี จากนั้นผลผลิตมันเยอะมาก ขายแล้วก็ยังเหลือ ตัวของฟ้าเองก็เลยอยากจะมาลองเปิดขายทางออนไลน์ดูค่ะ ก็เลยสร้างเพจเฟซบุ๊กขึ้นมาเพื่อขายมะปรางที่สวนโดยเฉพาะค่ะ”
สำหรับวิธีการปลูกมะปรางที่สวนมะปราง ณ บ้านสวนพาฝัน นั้น น้องฟ้า เล่าว่า ทางสวนจะลงปลูกในช่วงของฤดูฝน เพราะต้นมะปรางจะได้รับปริมาณน้ำฝนอย่างสม่ำเสมอ และเป็นช่วงที่ต้นมะปรางมีการเจริญเติบโตทางด้านกิ่งใบ ไม่ควรปลูกช่วงแดดจัดหรืออากาศร้อน ควรเป็นช่วงเช้าหรือช่วงเย็นเท่านั้น เพราะช่วงเวลาดังกล่าวจะทำให้ต้นมะปรางจะสามารถตั้งต้นได้เร็วขึ้นนั่นเอง

น้องฟ้า ยังบอกต่ออีกว่า แม้ต้นมะปรางจะเป็นพืชที่ทนทานต่อความแล้งได้ดี แต่ก็ยังคงเป็นพืชที่ชอบน้ำ สิ่งที่สำคัญที่ผู้ปลูกมะปรางควรทำความเข้าใจคือ แม้มะปรางจะเป็นพืชที่ชอบน้ำ เมื่อถึงเวลารดน้ำอย่าให้เกิดการขังของน้ำบริเวณโคนต้น เพราะจะให้รากเน่าและตายได้ในที่สุด ผู้ปลูกจึงจำเป็นต้องใส่ใจรายละเอียด
“สวนของเรา มะปรางที่ลงปลูกจะอยู่ในช่วงหน้าฝน ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเจริญเติบโตทางด้านกิ่งใบ ต้นมะปรางจะได้รับน้ำฝนในปริมาณที่สม่ำเสมอและก็จะทำให้ต้นมะปรางสามารถตั้งต้นได้เร็วขึ้น ควรจะปลูกในช่วงเช้าหรือเย็นค่ะ เพราะอากาศจะไม่ร้อนจนเกินไป โดยปกติมะปรางจะเป็นพืชที่ทนทานต่อความแล้งได้ดี แต่ก็เป็นพืชที่ชอบน้ำ ตอนที่ปลูกช่วงแรกๆ ควรรดน้ำในช่วง 2-3 วันแรก เป็นระยะเวลา 3 เดือนแรก หลังจากที่ต้นโตแล้ว ก็อาจจะยืดระยะเวลาการรดน้ำออกไป อาจจะเป็น 7-10 วัน รดน้ำ 1 ครั้ง ขึ้นอยู่กับความสะดวกของเราค่ะ รวมถึงขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ที่เราปลูกด้วยว่าเป็นอย่างไรค่ะ รวมถึงเวลารดน้ำอย่าให้น้ำขังบริเวณรากโคน เพราะอาจจะทำให้รากเน่าได้ และอย่าให้น้ำในช่วงที่มะปรางกำลังติดช่อ ถ้าเราให้น้ำไป ช่อมะปรางอาจจะร่วง ซึ่งจะส่งผลต่อมะปรางรุ่นถัดไป แล้วเราจะกลับมาให้น้ำอีกครั้งคือช่วงมะปรางติดลูกเล็กๆ ประมาณเท่าหัวนิ้วโป้งมือ”


ช่วงที่มะปรางจะเริ่มออกผลผลิตจะอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนมีนาคม ใครที่เป็นสายชอบรับประทาน ไม่ควรพลาดเด็ดขาด ส่วนปัจจัยที่ส่งผลให้มะปรางมีผลผลิตที่น้อยลง ประกอบด้วยหลายปัจจัย เช่น พื้นที่ปลูกมีน้ำท่วมขัง ก็จะส่งผลให้มะปรางที่ปลูกภายในสวนนั้นมีผลผลิตที่น้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเจน
สำหรับผลผลิตภายในสวนของน้องฟ้านั้น จะเป็นผลผลิตแบบออร์แกนิกแท้ 100% ภายใต้ความตั้งใจในการลงมือทำอย่างตั้งใจ รวมถึงช่วงที่ผ่านมาต้องประสบกับปัญหาปุ๋ยราคาแพง ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น จึงหันมาใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์แทน ซึ่งหลังจากปรับมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์แล้ว ผลลัพธ์ที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน คือ เรื่องของต้นทุนที่ลดลง
ซึ่งการใส่ปุ๋ยจะแบ่งออกเป็น 3 ครั้ง ดังนี้
ครั้งที่ 1 ช่วงที่ต้นมะปรางยังเล็ก
ครั้งที่ 2 ช่วงที่ต้นมะปรางเริ่มติดดอก
ครั้งที่ 3 ช่วงก่อนการเก็บเกี่ยวผลผลิตของต้นมะปราง
“ที่สวนจะใช้ปุ๋ยจากมูลสัตว์ 100% อย่างเดียว ล้วนๆ เลยค่ะ ซึ่งเราจะรับซื้อปุ๋ยมูลสัตว์ภายในหมู่บ้าน เขาจะมีการเลี้ยงวัว เลี้ยงไก่ อะไรแบบนี้กันอยู่แล้วค่ะ จะใช้เป็นมูลวัวและมูลไก่ค่ะ ซึ่งเหตุผลที่เราใช้ปุ๋ยคอก เพราะเริ่มแรกเราต้องการที่จะทำรับประทานเอง เราไม่อยากรับสารเคมี ก็เลยเลือกใช้ปุ๋ยอินทรีย์และที่สำคัญลดต้นทุน เพราะมีบางช่วงที่ต้นทุนสูงมากค่ะ ซึ่งมูลสัตว์ที่เราใช้ต้องผ่านการย่อยสลายมาแล้วจึงจะสามารถนำมาใช้ได้ เพราะจะมีธาตุอาหารจำพวกไนโตรเจน ฟอสฟอรัสแบบนี้เยอะ ตามที่เราต้องการ เพื่อที่จะให้ความหวานแก่มะปรางที่เราปลูกได้ค่ะ”

ในด้านโรคที่เกิดขึ้นและการป้องกันในการปลูกต้นมะปรางนั้น คือโรคราดำ เพลี้ยไฟ และโรคผลเน่า สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดสารชีวภาพ เมื่อสอบถามถึงผลตอบรับของลูกค้านั้น อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจ ได้รับความสนใจทั้งกลุ่มลูกค้าที่เป็นลูกค้าประจำและลูกค้าใหม่ทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์จำนวนมาก มีการสั่งจองออร์เดอร์ตั้งแต่ต้นมะปรางยังไม่ออกผลผลิต ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายที่ตั้งใจไว้ ในอนาคตตัวของน้องฟ้าเอง จะพยายามทำสวนมะปราง ณ บ้านสวนพาฝัน ให้มีผลผลิตที่มีคุณภาพมากกว่าเดิม ให้สมกับที่ลูกค้าไว้วางใจและรอคอยตลอดปี
ราคาในการขายมะปราง ที่สวนมะปราง ณ บ้านสวนพาฝัน นั้นจะแบ่งออกเป็น 4 เกรด ดังนี้
- 1. ขนาด XL จำนวน 12-14 ลูก ราคา 200 บาท
- 2. ขนาด L จำนวน 15-18 ลูก ราคา 180 บาท
- 3. ขนาด M จำนวน 19-20 ลูก ราคา 160 บาท
- 4. ขนาดคละลูก คละไซซ์ คละลาย ราคา 120 บาท
สำหรับท่านใดที่สนใจจะสั่งซื้อและอุดหนุนมะปราง สามารถติดต่อน้องฟ้า หรือ คุณโชติกา พุฒฤทธิ์ ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก : “สวนมะปราง ณ บ้านสวนพาฝัน” หรือทางเบอร์โทรศัพท์ 064–416–0597 และ 097–934–5464 น้องฟ้ายินดีต้อนรับทุกท่านด้วยรอยยิ้มค่ะ