ผู้เขียน | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
นายสัญชัย เกตุวรชัย อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์น้ำของศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ(SWOC) พบว่า มรสุมที่เคลื่อนผ่านประเทศไทย จะอ่อนกำลังลง ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา และตั้งแต่วันที่ 9 – 12 สิงหาคม จะมีลักษณะเป็นฝนกระจายตัวทั่วประเทศเพียง 30 – 40 % เท่านั้น
ซึ่งจากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ขณะนี้ยังไม่ว่ามีพายุลูกใหม่ก่อตัวขึ้นทั้งบริเวณมหาสมุทรอินเดีย และทะเลจีนใต้ จึงมั่นใจได้ว่า สถานการณ์น้ำท่วมในภาคอีสาน จะเข้าสู่ภาวะปกติตามแผนการระบายน้ำที่กรมชลฯได้วางไว้ สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำชีตอนบนและตอนกลาง ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติไม่มีน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ส่วนแม่น้ำชีตอนล่างตั้งแต่จังหวัดร้อยเอ็ดลงมาจนถึงจุดที่บรรจบกับแม่น้ำมูล ยังคงมีน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำในเขตอ.จังหาร และอ.ทุ่งเขาหลวง จ.ร้อยเอ็ด อ.เมือง และอ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร สำหรับลำน้ำปาว และลำน้ำยัง ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำชี ระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง
ส่วนลุ่มน้ำมูล ยังคงมีน้ำเอ่อล้นตลิ่งบางจุดในลุ่มน้ำมูลตอนล่าง เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำจากลุ่มน้ำชี และลำเซบาย ก่อนที่น้ำจะไหลลงมาถึงสถานีวัดน้ำ บริเวณสะพานเสรีประชาธิปไตย เขตเทศบาลนครอุบลราชธานี ซึ่งปัจจุบันมีปริมาณน้ำไหลผ่านในเกณฑ์ 2,768 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)ต่อวินาที ระดับสูงกว่าตลิ่ง 0.78 เมตร (ม.) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุดอยู่ในเกณฑ์ 3,000 – 3,200 ลบ.ม.ต่อวินาที และจะสูงกว่าตลิ่งประมาณ 1 ม. ในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบในพื้นที่เขตเทศบาลนครอุบลราชธานี กรมชลฯได้ให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ติดตามเฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำมูลอย่างใกล้ชิด
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จ.สกลนคร ในส่วนของตัวเมืองสกลนคร เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ยังคงเหลือพื้นที่รอบนอกที่อยู่ติดกับหนองหาร มีน้ำท่วมขังที่ลุ่มต่ำเป็นแห่งๆ นอกจากนี้ ยังมีอำเภอรอบนอกที่มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำการเกษตร ในเขตอ.สว่างแดนดิน อ.วานรนิวาส อ.พังโคน อ.พรรณานิคม และอ.วาริชภูมิ รวมประมาณ 79,068 ไร่ โครงการชลประทานสกลนคร ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำทั้งหมด 6 เครื่อง เพื่อเร่งระบายน้ำในพื้นที่อย่างต่อเนื่องแล้ว
ส่วนในพื้นที่ลุ่มน้ำก่ำในเขตจ.นครพนม ที่รับน้ำต่อจากจ.สกลนคร ยังคงมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 26,000 ไร่ มีท่วมขังเหลือในพื้นทั้งสองฝั่งลำน้ำก่ำ ประมาณ 41 ล้านลูกบาศก์เมตร โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาน้ำก่ำ ได้เร่งระบายน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่ อ.นาแก จ.นครพนม ด้วยการขุดเปิดทางระบายน้ำ 2 จุด เร่งระบายน้ำลงสู่ลำน้ำก่ำอีกทางหนึ่ง ก่อนที่จะระบายน้ำทั้งหมดลงสู่แม่น้ำโขงตามลำดับต่อไป หากไม่มีฝนตกหนักลงมาเพิ่มเติม สถานการณ์จะกลับเขาสู่ภาวะปกติภายในสัปดาห์นี้
สถานการณ์น้ำในเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ ณ วันที่ 7 สิงหาคม มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 1,711 ล้านลบ.ม. หรือคิด 86% ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ 84.90 ล้านลบ.ม. ยังคงการระบายน้ำอยู่ที่ 25 ลบ.ม.ต่อวัน และมีพื้นที่ด้านท้ายเขื่อน 5 อำเภอ ได้รับผลกระทบน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ที่ลุ่มต่ำ ได้แก่ อำเภอเมือง ยางตลาด กมลาไสย ฆ้องชัย และร่องคำ ซึ่งกรมชลฯ ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อให้แจ้งเตือนประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เตรียมรับมือ
นอกจากนี้ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว ได้ลงพื้นที่ประชุมชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับประชาชนให้ได้รับทราบถึงสถานการณ์และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย พร้อมจัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ และกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง
“จากการติดตามสถานการณ์น้ำท่วมทั้งประเทศ ขณะนี้ผ่านจุดวิกฤตสูงสุดมากแล้ว สถานการณ์น้ำท่วมส่วนใหญ่กำลังคลี่คลายสู่ภาวะปกติแล้ว มีเพียงที่บริเวณน้ำในลุ่มน้ำชี และน้ำมูล เท่านั้น ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมูลน้ำจากน้ำชี กำลังไหลไปสมทบร่วมกันที่แม่น้ำมูล บริเวณจ.อุบลราชธานี จุดนี้กรมชลฯได้ใช้ระบบเปิดปิดของเขื่อนราษีไศล จ.ศรีสะเกษ เข้ามาช่วยการจัดการจราจรน้ำ ไม่ให้ไหลมารวมกันที่จ.อุบลฯมากเกินไป เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับพื้นที่ลุ่มต่ำในแม่น้ำมูล ”นายสัญชัย กล่าว