เผยแพร่ |
---|
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของสหกรณ์การเกษตรวิสัย (สาขานกเหาะ) ตำบลดงครั่งใหญ่ อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด รับฟังปัญหา ความต้องการด้านต่าง ๆ ของผู้นำสหกรณ์ พบปะสมาชิกสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และประชาชนในพื้นที่ที่มารอต้อนรับ พร้อมมอบนโยบายการดำเนินงานต่าง ๆ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เน้นย้ำ พี่น้องเกษตรกรต้องมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งเกษตรกรผู้ผลิตและผู้บริโภค
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังการลงพื้นที่ว่า “วันนี้ได้มาตรวจเยี่ยมสหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด (สาขานกเหาะ) เพื่อให้กำลังใจและชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่สหกรณ์ที่บริหารจัดการสหกรณ์เกิดกำไรถึง 33 ล้านบาท และสามารถจัดสรรเป็นกำไรให้กับสมาชิก 27 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 70 ถือเป็นสหกรณ์ตัวอย่างที่ดี อย่างไรก็ตาม มาตรการที่รัฐบาลให้การช่วยเหลือเกษตรกร และพี่น้องชาวนาทั่วประเทศ คือ มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกของสหกรณ์และกลุ่,เกษตรกร ปีการผลิต 2566/67 โดยสหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด ของจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นหนึ่งในสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร และโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2566/67 โดยได้รับการสนับสนุนเงินชะลอขายข้าว จำนวน 300 ล้านบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวเกิดประโยชน์แก่พี่น้องชาวนาอย่างมาก จะเห็นได้ว่าราคาข้าวที่ได้ในเวลานี้ ตันละ 13,000 บาท หรือกิโลกรัมละ 13 บาท อีกทั้งสหกรณ์คืนให้พี่น้อง เกษตรกร 200 บาท/ตัน เท่ากับเกษตรกรขายข้าวในสถานที่แห่งนี้ได้ 13,200 บาท นอกจากนี้ ยังได้เร่งส่งออกข้าวสู่ประเทศเพื่อนบ้านให้เยอะที่สุด และหามาตรการลดต้นทุนการผลิต รวมทั้งพัฒนาคุณภาพข้าว หาพันธุ์ข้าวใหม่ ๆ ให้พี่น้องเกษตรกรด้วย” รมว.ธรรมนัส กล่าว
ทั้งนี้ รมว.ธรรมนัส ได้แจ้งข่าวดีเกษตรกรเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 28 พ.ย. 66 นี้ รัฐบาลจะสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 20,000 บาท พร้อมมอบหมายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์จัดทำแผนพักหนี้ให้กับสมาชิกสหกรณ์ โดยใช้มาตรการเดียวกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รวมถึงเตรียมงบประมาณสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) เพื่อลดรายจ่ายค่าพลังงานและส่งเสริมสหกรณ์ให้มีรายได้ช่วยพี่น้องเกษตรกรเพิ่มมากขึ้น
ทางด้านนายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สำหรับประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับจากการเข้าร่วมโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร และโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2566/67 นั้น สมาชิกสหกรณ์มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเข้าร่วมโครงการ สหกรณ์สามารถดึงราคาข้าวเปลือกหอมมะลิสดสูงขึ้นจากราคาตลาด และรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกได้อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีสหกรณ์เข้าร่วมโครงการ จำนวน 317 แห่ง ใน 49 จังหวัด ปริมาณรวบรวมข้าวเปลือก 958,654 ตัน มูลค่า 10,319 ล้านบาท นอกจากนี้ โครงการพักชำระหนี้เกษตรกร ผ่านสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรของกรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อบรรเทาภาระหนี้สินและพัฒนาอาชีพ เพิ่มรายได้ สร้างวินัยทางการเงินแก่สมาชิก และสมาชิกสามารถชำระหนี้ได้มากขึ้นนั้น กรมฯ จะใช้มาตรการและแนวทางการดำเนินงานเดียวกันกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และจะออกหลักเกณฑ์หรือวิธีการดำเนินงาน พร้อมแจ้งให้พี่น้องเกษตรกรทราบอีกครั้งหนึ่ง
สหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเป็นสหกรณ์ เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2520 ปัจจุบันมีสมาชิก 9,055 ราย โดยธุรกิจที่ช่วยเหลือสมาชิกได้มากที่สุด คือ ธุรกิจรวบรวมข้าวเปลือกและแปรรูปในโรงสีข้าวสหกรณ์ ซึ่งสหกรณ์มีอุปกรณ์การตลาดครบวงจร ในทุก ๆ ปีสหกรณ์จะได้เงินกู้ต่าง ๆ ตามนโยบายของรัฐบาลผ่าน ธ.ก.ส. เช่น โครงการชะลอข้าวเปลือกในยุ้งฉางของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร ซึ่งมีวงเงินไม่เกิน 300 ล้านบาทต่อสถาบัน โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ซึ่งมีวงเงินไม่เกิน 500 ล้านบาท
นอกจากนี้ สหกรณ์มีการบริหารจัดการข้าวหอมเปลือกหอมมะลิสด โดยเข้าโรงอบเพื่อแปรรูป สหกรณ์มีโรงอบความชื้นข้าวเปลือก 2 โรง กำลังการผลิต 500 ตัน/วัน/โรง มีกำลังการผลิตรวม 1,000 ตัน/วัน โรงสี 2 โรง กำลังการผลิต 120 ตัน/วัน โรงปรับปรุงคุณภาพ กำลังการผลิต 120 ตัน/วัน และมีสถานที่จัดเก็บข้าวเปลือก 3 จุด รวม 84,600 ตัน เป็นไซโลเป่าเย็นข้าวเปลือก ขนาด 13,000 ตัน โกดังเก็บข้าวเปลือกเป่าลมเย็น 4 โกดัง ขนาดรวม 59,000 ตัน และฉางเก็บข้าวเปลือกปกติ โรงสี ขนาดบรรจุ 8,100 ตัน
สำหรับปีการผลิต 2566/67 สหกรณ์การเกษตรวิสัย จำกัด และสหกรณ์เครือข่ายอีก 4 สหกรณ์ได้เริ่มรับซื้อข้าวเปลือกสดเพื่อช่วยเหลือสมาชิกและเกษตรกรทั่วไป ตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.66 ในราคาเริ่มต้นกิโลกรัมละ 11.90 บาท จนถึงปัจจุบันสหกรณ์รับซื้อในราคากิโลกรัมละ 13.00 บาท และมีผลการรวบรวมรวมทั้งสิ้น 31,293 ราย 95,839 ตัน รวมเป็นเงิน 1,099 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.) สหกรณ์การเกษตรวิสัย จำกัด เริ่มรับซื้อตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. 66 – 24 พ.ย.66 จำนวน 18,614 ราย 71,456 ตัน คิดเป็นเงิน 822 ล้านบาท 2.) สหกรณ์การเกษตรปฏิรูปที่ดินสุวรรณภูมิสาม จำกัด เริ่มรับซื้อตั้งแต่วันที่ 9 – 24 พ.ย.66 จำนวน 2,961 ราย 10,730 ตัน คิดเป็นเงิน 123 ล้านบาท 3.) สหกรณ์การเกษตรเมืองร้อยเอ็ด จำกัด เริ่มรับซื้อตั้งแต่วันที่ 15 – 24 พ.ย. 66 จำนวน 2,332 ราย 5,132 ตัน คิดเป็นเงิน 59 ล้านบาท 4.) สหกรณการเกษตรพนมไพร จำกัด เริ่มรับซื้อตั้งแต่วันที่ 10 – 24 พ.ย. 66 จำนวน 6,224 ราย 6,005 ตัน คิดเป็นเงิน 66 ล้านบาท และ 5.) สหกรณ์เพื่อการเกษตรรักถิ่นเกิด จำกัด เริ่มรับซื้อตั้งแต่วันที่ 10 – 24 พ.ย. 66 จำนวน 1,162 ราย 2,516 ตัน คิดเป็นเงิน 28 ล้านบาท