เผยแพร่ |
---|
หากใครยังมีพื้นที่ว่างเหลือที่บ้าน อยากชวนมาดูแลตัวเอง ด้วยการปลูก “กะเพรา” สมุนไพรไทยต้านไวรัส เพื่อใช้เป็นอาหารบริโภคในครัวเรือน สร้างภูมิคุ้มกันให้กับทุกคนที่คุณรัก หากใครสนใจปลูกกะเพราเป็นอาชีพเสริมรายได้ ก็ถือเป็นเรื่องดีงาม มั่นใจได้เลยว่า อาชีพปลูกกะเพรา มีโอกาสสร้างรายได้ที่มั่นคงได้ เพราะกะเพราเป็นพืชสวนครัวยอดนิยมที่ปลูกดูแลง่าย ขายดี ตลาดมีความต้องการใช้กะเพราตลอดทั้งปี
กะเพรา มีสรรพคุณด้านสมุนไพรมากมาย ดังนี้ “ใบ” บำรุงธาตุไฟ ขับลมแก้ปวดท้อง แก้ลมตานซาง แก้จุกเสียด แก้คลื่นเหียนอาเจียน “เมล็ด” เมื่อนำไปแช่น้ำเมล็ดจะพองตัวเป็นเมือกขาว ใช้พอกบริเวณตา เมื่อตามีผง หรือฝุ่นละอองเข้า ผงหรือฝุ่นละอองนั้นก็จะออกมา ซึ่งจะไม่ทำให้ตาเรานั้นช้ำอีกด้วย “ราก” ใช้รากที่แห้งแล้ว ชงหรือต้มกับน้ำร้อนดื่ม แก้โรคธาตุพิการ
ปู่ยาตายายในบางท้องถิ่น สอนให้ลูกหลานใช้กะเพราเป็นสมุนไพรดูแลสุขภาพ เช่น นำใบสดหรือกิ่งสดมาขยี้ ใช้ไล่ยุง-แมลง และใช้ใบกะเพราตำผสมกับเหล้าขาว ช่วยแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย ส่วนน้ำมันสกัดจากใบกะเพราสด ช่วยล่อแมลงวันทองบินให้มาติดกับดักได้อีก
กะเพราปลูกง่ายโตไว
ปัจจุบัน กะเพราที่นิยมใช้กันทั่วไป ได้แก่ กะเพราขาวและกะเพราแดง โดยเรียกชื่อตามสีของก้านใบและก้านดอก “กะเพราขาว” มีลักษณะกิ่ง ก้าน ใบ และช่อดอกสีเขียว นิยมใช้ประกอบอาหาร “กะเพราแดง” มีลักษณะกิ่ง ก้าน ใบ และช่อดอกสีม่วงแดง กะเพราแดงมีสรรพคุณทางยาออกฤทธิ์แรง กลิ่นหอม และเผ็ดร้อนกว่ากะเพราขาว นิยมนำมาใช้ทำยาสมุนไพร เช่น แก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง บำรุงธาตุไฟ เป็นต้น ส่วน “กะเพราเกษตร” ที่นิยมปลูกเชิงการค้านั้น ลักษณะเด่นคือ ใบใหญ่ โตเร็ว ใบเยอะ กลิ่นไม่ฉุน “กะเพราป่า หรือ กะเพราบ้าน” มีลักษณะคล้ายกัน แต่ขนาดเล็กและมีกลิ่นฉุนกว่า
กะเพราเป็นพืชที่ปลูกดูแลง่าย นิยมปลูก 3 รูปแบบ คือ 1. ปลูกโดยหว่านเมล็ด ลงในแปลงที่เตรียมไว้ ใช้ฟางกลบ โรยปุ๋ยคอกและรดน้ำตาม รอแค่ 7 วัน เมล็ดกะเพราจะงอกเป็นต้นกล้า เมื่อต้นกล้าอายุครบ 1 เดือน ถอนแยกให้ได้ระยะระหว่าง 20×20 เซนติเมตร เมื่อต้นกะเพราโตเต็มที่ก็เด็ดใบมารับประทานได้
2. ปลูกแบบปักชำ โดยใช้ลำต้นและกิ่งแก่ วิธีนี้ ทำให้ได้ผลผลิตเร็ว แต่กิ่งและยอดที่แตกออกมาใหม่มักไม่สวย ลำต้นโทรมและตายเร็ว หากต้องการปลูกวิธีนี้ แนะนำให้เลือกกิ่งแก่กลางอ่อน ที่มีอายุมากกว่า 8 เดือน ความยาวกิ่ง 5-10 เซนติเมตร เด็ดยอดและใบออก นำไปปักชำในแปลงปลูกที่เตรียมไว้ ปลูกในระยะห่าง 20×20 เซนติเมตร เมื่อนำกิ่งไปปักดิน ต้องให้ลำต้นเฉียงสัก 45 องศา จากนั้นใช้ดินกลบ คลุมด้วยฟาง รดน้ำให้ชุ่มก็เสร็จเรียบร้อย
3. ปลูกโดยใช้ต้นกล้า เป็นวิธีปลูกที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายเพราะง่ายต่อการดูแลจัดการแถมได้ผลผลิตสูงอีกต่างหาก เริ่มจากเพาะกล้าในแปลงเพาะจนต้นกล้ามีอายุ 20-25 วัน จึงถอนต้นกล้าออกมาเด็ดยอดออก และขุดหลุมปลูกในระยะห่าง 20×20 เซนติเมตร ใช้เศษฟางคลุมแปลงปลูก ควรรดน้ำให้ชุ่มทุกวัน เช้า-เย็น เพราะกะเพราเป็นพืชที่ต้องการความชื้นสูงและสม่ำเสมอ หลังปลูก 30-35 วันก็สามารถตัดลำต้นออกขายได้ เมื่อต้นกะเพราแตกยอดและกิ่งก้านใหม่ออกมาจะเก็บผลผลิตออกขายได้ทุกๆ 15 วัน ตลอดระยะเวลา 7-8 เดือน หลังจากนั้นผลผลิตจะลดลงเรื่อยๆ ควรรื้อแปลงปลูกทิ้ง ก่อนปลูกกะเพรารอบใหม่
ต้นกะเพราโดยทั่วไป มักมีลำต้นเตี้ยๆ เมื่อออกดอกแล้ว ต้นกะเพราจะเฉาตายในที่สุด อาจารย์กมล สุวุฒโท อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ แนะนำเคล็ดวิธีปลูกกะเพราให้ต้นสูงใหญ่และอายุยืนข้ามปี โดยใช้วิธีเด็ดยอดใบทุกวันไม่ให้ต้นกะเพราออกดอก ดังนั้น หากช่วงไหนยังไม่มีผู้รับซื้อเกษตรกรสามารถชะลอการตัดลำต้นกะเพราออกไปได้โดยเด็ดยอดที่มีดอกทิ้ง วิธีนี้จะช่วยให้ต้นกะเพราที่ปลูกในบ้านมีอายุการเก็บเกี่ยวยาวนานข้ามปีได้เช่นกัน
ปลูกกะเพราสร้างรายได้เดือนละ 4-5 หมื่นบาท
คุณสมคิด พานทอง เกษตรกรมืออาชีพ ที่เป็นต้นแบบด้านการปลูกกะเพราป่ากว่า 15 ไร่ ในพื้นที่อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี ส่งขายบริษัท ซีพีแรม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทหนึ่งในเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารพร้อมรับประทาน) เฉลี่ยสัปดาห์ละ 700 กิโลกรัม รวมกับกะเพราเกษตรและโหระพา หักต้นทุนแล้ว มีผลกำไรเดือนละ 4-5 หมื่นบาท
คุณสมคิด อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 19/4 หมู่ที่ 5 ตำบลหน้าไม้ อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี คุณสมคิดยึดอาชีพปลูกกะเพรามานานกว่า 10 ปี เดิมเขาใช้สารเคมีในการเพาะปลูก แม้จะมีรายได้ดี แต่เสี่ยงต่อปัญหาสารเคมีตกค้างในร่างกาย เขาจึงปรับมาปลูกพืชแบบปลอดภัย โดยใช้สารชีวภาพหรือจุลินทรีย์ ในการดูแลแปลงเพาะปลูกตามหลักจีเอพี (GAP : Good Agricultural Practices) ซึ่งเป็นแนวทางการเพาะปลูกอย่างยั่งยืน ปลอดภัย ต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม และได้ผลผลิตที่ปลอดภัยป้อนตลาดในประเทศและส่งออก
การปลูกกะเพราเชิงการค้าของคุณสมคิดมีระบบการบริหารจัดการแปลงอย่างเป็นระบบ เขาเตรียมพื้นที่เพาะปลูกโดยตากแปลงอย่างน้อย 7 วัน เตรียมพื้นที่ย้ายกล้าพันธุ์กะเพราป่าอายุ 25-30 วันลงแปลงที่รดน้ำจนชุ่ม เพาะปลูกโดยตากแปลงอย่างน้อย 7 วัน หลังปลูกเขาดูแลรดน้ำทุกวัน ในช่วงเช้า และใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 24-7-7 ทุกสัปดาห์
หลังจากย้ายกล้า 30 วันจะสามารถเก็บเกี่ยวได้โดยใช้มีดในการเก็บเกี่ยว และเว้นยอดอ่อนไว้ 2-3 ยอดเพื่อให้แตกยอดใหม่ หลังจากนั้นจะขนย้ายผลผลิตไปยังพื้นที่ตัดแต่ง แรงงานจะทำหน้าที่ตัดและแต่งต้นกะเพราให้ได้มาตรฐานที่ผู้ซื้อต้องการ ก่อนบรรจุสินค้าลงในตะกร้าใช้ผ้าชุบน้ำคลุมตะกร้าก่อนขนขึ้นรถเพื่อจัดส่งให้ถึงโรงงาน
เมื่อกะเพราที่ปลูกในแปลงเริ่มแก่ เริ่มให้ผลผลิตน้อยลง เขาจะรื้อแปลงเก่าทิ้ง และปลูกพืชอื่นหมุนเวียนแทน เป็นการพักแปลงปลูกก่อนทำการเพาะปลูกในรอบถัดไป ทำให้ได้ผลผลิตที่ดีและไม่มีปัญหาเรื่องโรคแมลงรบกวน
คุณสมคิด บอกว่า ตลาดต้องการกะเพราตลอดทั้งปี โดยเฉพาะกะเพราป่า เนื่องจากมีกลิ่นหอมกว่ากะเพราพันธุ์อื่น การปลูกกะเพราเป็นเรื่องง่ายที่ใครๆ ทำได้ แค่มีการดูแลจัดการที่ดีและเป็นระบบ เกษตรกรทุกคนก็จะมีโอกาสสร้างรายได้ที่มั่นคงได้ไม่ยาก