วท. เปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำลำปาง จับมือสภาเกษตรกรขยายเครือข่ายตั้งศูนย์เพิ่มอีก 25 จว.

เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยว่า ตนได้ลงพื้นที่ จ.ลำปาง เพื่อเปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำระดับจังหวัด สภาเกษตรกรจังหวัดลำปาง ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) (สสนก.) กับสภาเกษตรกรแห่งชาติ ณ สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดลำปาง ศาลากลางจังหวัดลำปาง

มี นายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ และ นายสุทัศน์ วีสกุล ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน

รัฐมนตรีวท.กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลมอบหมายให้วท.โดย สสนก. พัฒนาระบบคลังข้อมูลน้ำและภูมิอากาศแห่งชาติ โดยได้เชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง 35 หน่วยงาน พร้อมสำหรับการใช้งานแล้วอย่างเป็นรูปธรรม

ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เข้าตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของคลังข้อมูลน้ำและภูมิอากาศแห่งชาติ เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ประกอบกับการดำเนินงานของ สสนก. ที่สนับสนุนการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อบริหารจัดการน้ำของชุมชน มาตั้งแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบัน มี 60 ชุมชนแกนนำ ที่สามารถบริหารจัดการน้ำชุมชนด้วยตนเอง เกิดเป็นต้นแบบพัฒนาและขยายผลเป็นเครือข่ายการจัดการทรัพยากรน้ำชุมชนด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กว่า 900 หมู่บ้านทั่วประเทศ

โดยมีการดำเนินงานร่วมกับสภาเกษตรกร ผ่านเครือข่ายชุมชน ในพื้นที่ 17 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพฯ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ ชุมพร นครราชสีมา นครสวรรค์ บึงกาฬ บุรีรัมย์ ปทุมธานี ปราจีนบุรี ปัตตานี พิษณุโลก สุโขทัย ศรีสะเกษ ยโสธร อุบลราชธานี และนำไปสู่ความร่วมมือระหว่าง สสนก. กับสภาเกษตรกรแห่งชาติ เพื่อถ่ายทอดตัวอย่างความสำเร็จสู่เครือข่ายเกษตรกร ให้สามารถบริหารจัดการน้ำได้ด้วยตนเอง พัฒนาไปสู่การจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำระดับจังหวัด ร่วมกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ

โดยใช้ต้นแบบจากที่ได้ดำเนินการสำเร็จและใช้งานจริง มาแล้วจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ และองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร จัดตั้งเป็นศูนย์บริหารจัดการน้ำระดับจังหวัด สำหรับใช้ติดตามสถานการณ์ และวางแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ตนเองได้ และยังสนับสนุนแจ้งเตือนภัยได้อย่างทันท่วงที ซึ่งจะช่วยป้องกันหรือลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เกษตรกรรมที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศได้

นางอรรชกา กล่าวว่า ภายในปี 2560 สสนก. มีแผนจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำระดับจังหวัด ร่วมกับ สภาเกษตรกรแห่งชาติ และองค์การบริหารส่วนจังหวัด รวมทั้งสิ้น 25 จังหวัด โดยในปัจจุบันดำเนินการจัดตั้งเสร็จพร้อมใช้งานแล้ว 18 จังหวัด สำหรับศูนย์บริหารจัดการน้ำระดับจังหวัด ภายใต้ความร่วมมือกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ จะเป็นศูนย์แห่งคลังข้อมูลและคลังความรู้ด้านการจัดการน้ำระดับท้องถิ่น

เพื่อประโยชน์ต่อการทำงานและการวางแผนบริหารจัดการน้ำสำหรับเกษตรกร ให้สามารถพึ่งพาตนเองและปรับเปลี่ยนวิถีเกษตรให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พัฒนาเกษตรกรให้สามารถใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร เพื่อยกระดับให้ภาคเกษตรเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต ให้บรรลุเป้าหมายการเป็นเกษตรกรและภาคเกษตรกรรม 4.0 ตามนโยบายของรัฐบาล

นางอรรชกา กล่าวอีกว่า สสนก. เป็นคลังข้อมูลน้ำที่รวบรวมมาจาก 35 หน่วยงาน จึงมีข้อมูลหลากหลายมากไม่ว่าจะเป็นปริมาณน้ำฝน หรือพยากรณ์เรื่องฝน รวมถึงปริมาณน้ำที่จะเกิดขึ้น มีทั้งในระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น ระดับจังหวัด

การที่มาทำศูนย์ข้อมูลน้ำที่จังหวัดลำปาง จะทำให้เกษตรกรสามารถรับทราบถึงปริมาณน้ำ ทั้งน้ำฝนและน้ำที่มีอยู่ในพื้นที่ ซึ่งระดับชุมชนต้องมีข้อมูลแหล่งน้ำที่จะเก็บน้ำในระดับชุมชนต่างๆ จะช่วยให้เกษตรกรตัดสินใจได้ว่าจะมีน้ำเพียงพอหรือไม่ในการเพาะปลูก รวมถึงการวางแผนการบริหารจัดการการเพาะปลูก เพราะหากบางพื้นที่มีน้ำน้อยก็จำเป็นที่จะต้องปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย ซึ่งสภาเกษตรกรแห่งชาติ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากในการเชื่อมโยงฐานข้อมูลน้ำในการให้ความรู้แก่เกษตรกร