รู้หรือไม่? ไม่ควรใส่ปุ๋ยคอกบำรุงต้นไม้ทุกวัน อาจทำให้ดินเค็มได้

ปุ๋ยคอก คือ ปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้จากมูลสัตว์ต่างๆ ที่อยู่ในรูปของเหลวและของแข็ง ส่วนใหญ่จะเป็นมูลสัตว์เลี้ยง เช่น มูลวัว ไก่ เป็ด สุกร ประกอบด้วยอุจจาระและปัสสาวะของสัตว์ ซึ่งเป็นส่วนของซากพืชและสัตว์จากอาหารที่สัตว์ผ่านกระบวนการย่อยสลายจากระบบย่อยอาหาร

ธาตุอาหารในปุ๋ยคอกจะมีปริมาณมากน้อยแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น วิธีการเลี้ยง การเก็บรักษา แหล่งที่อยู่ของสัตว์ นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อพืชผักแล้ว ยังช่วยป้องกันรักษาหน้าดินและบำรุงดินให้เหมาะสมกับการปลูกพืชด้วย

ในปุ๋ยคอกมีการหมักหมมของเชื้อรา หากเราใส่ให้ต้นไม้ทุกวันจะส่งผลทำให้ดินเค็ม นอกจากนี้ มันจะยังทำให้ต้นไม้เราได้รับสารอาหารเยอะเกินจำเป็น และในช่วงหน้าฝนจะมีไนโตรเจนในอากาศเยอะอยู่แล้ว เราไม่จำเป็นต้องให้ปุ๋ยต้นไม้เยอะในช่วงนั้น

พืชพรรณ พืชผัก พืชไม้ยืนต้น อาจมีความต้องการปริมาณปุ๋ยคอกแตกต่างกันไป รวมถึงลักษณะการปลูกที่แตกต่างกันด้วย จึงควรรู้วิธีใช้ปุ๋ยคอกให้มีประสิทธิภาพ ตามชนิดของพืชและลักษณะการปลูก เพื่อบำรุงพืชให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด 

ชนิดของพืช

– ข้าว จะใช้ปุ๋ยคอก 2 ตันต่อไร่ โดยหว่านให้ทั่ว แล้วไถกลบ ก่อนเริ่มต้นการเพาะปลูก

– พืชไร่ จะใช้ปุ๋ยคอก 2 ตันต่อไร่ โดยคลุกเคล้ากับดิน ตามแนวเพาะปลูก

Advertisement

– พืชผัก จะใช้ปุ๋ยคอก 4 ตันต่อไร่ โดยผสมกับดิน ในช่วงเตรียมแปลงปลูก

– ไม้ผล ไม้ยืนต้น จะแบ่งวิธีการใส่ปุ๋ยคอกออกเป็น 2 ครั้ง ครั้งแรกใช้ 20 กิโลกรัมต่อหลุม โดยคลุกกับดิน เพื่อรองก้นหลุมก่อนลงต้นกล้า ครั้งต่อมา ใช้ปุ๋ยคอก 20-50 กิโลกรัมต่อต้น ด้วยการใส่ปุ๋ยลงในร่องลึกตามแนวทรงพุ่ม ปริมาณปุ๋ยที่ใช้ให้ปรับไปตามอายุของต้นพืช

Advertisement

– ไม้ตัดดอก จะใช้ปุ๋ยคอก 2 ตันต่อไร่

– ไม้ดอกยืนต้น จะใช้ปุ๋ยคอก 5-10 กิโลกรัมต่อไร่

ลักษณะการปลูก

พืชสวน พืชผัก และไม้กระถาง
ใช้วิธีการผสมปุ๋ยคอก ในอัตราส่วนที่เหมาะสม แล้วรองก้นหลุมหรือก้นกระถาง อัตราส่วนทั่วไป ระหว่างดินกับปุ๋ยคอก ควรอยู่ที่ 1 : 1 แต่ถ้าใช้ดินร่วนอยู่แล้ว ให้ปรับอัตราส่วนเป็น 1 : 2 ส่วนดินทรายจะต้องนำไปผสมดินเหนียวก่อนในสัดส่วนเท่าๆ กัน แล้วค่อยมาผสมกับปุ๋ยที่อัตราส่วน 1 : 1

พืชไร่
ผสมปุ๋ยกับดินให้ทั่วถึงทั้งแปลงหรือไร่ของเรา โดยหากปลูกพืชที่ต้องปลูกเต็มพื้นที่ เช่น ข้าว ให้ไถพรวน เพื่อคลุกเคล้าปุ๋ยกับดินให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวทุกครั้ง หากเพาะปลูกหลายหน ควรใส่ปุ๋ยเพิ่มในช่วงหลังการเก็บเกี่ยวด้วย ถ้าพืชผักชนิดไหนสามารถปลูกเป็นแนวได้ เช่น พริก ผักสลัด กะหล่ำปลี ให้ไถพรวนดินผสมปุ๋ยคอก เฉพาะแนวดินที่เราต้องการปลูก

พืชผัก แปลงดอกไม้ และพืชที่ปลูกด้วยการหว่านเมล็ด
ทำการไถพรวนดินผสมปุ๋ยในช่วงเตรียมแปลงปลูกก่อนทุกครั้ง เมื่อพืชเติบโตได้ระยะหนึ่งแล้ว จึงนำปุ๋ยคอกมาหว่านโรยหน้าอีกรอบ

ไม้ผลและไม้ยืนต้น
ให้แบ่งการใส่ปุ๋ยเป็น 2 ครั้ง ครั้งแรกรองปุ๋ยที่ก้นหลุมด้วยการผสมกับดินปลูก ในอัตราส่วนที่เหมาะสมกับพันธุ์พืชนั้นๆ หลังจากพืชเติบโตแล้ว ให้ใช้วิธีขุดดินเป็นวงรอบต้นตามรัศมีทรงพุ่ม ความลึกอยู่ที่ประมาณ 5-6 นิ้ว จากนั้น ใส่ปุ๋ยคอกลงไปผสมกับดิน จุดนี้พืชจะดูดซับปุ๋ยได้ดีกว่าโรยรอบโคนต้นมาก

ดังนั้น การใช้ปุ๋ยคอกควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ใส่มากเกินไป และควรเป็นปุ๋ยคอกที่ผ่านกระบวนการหมักที่สมบูรณ์ ไม่มีความร้อน หากเป็นปุ๋ยคอกที่สดใหม่ไม่ผ่านการหมักจะไปดึงแร่ธาตุไนโตรเจนจากพืช ทำให้พืชใบเหลืองและตายได้ ถ้าใช้ในปริมาณที่พอเหมาะก็จะทำให้บำรุงต้นออกมาได้งอกงาม

ขอบคุณข้อมูลจาก : sgethai.com / บ้านและสวน