เผยแพร่ |
---|
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธนาคารอยู่ระหว่างพิจารณาหาผู้ร่วมทุนเพื่อดำเนินการจัดตั้งบริษัทลูก ขึ้นมาทำหน้าที่ในการค้าขายสินค้าเกษตรบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อช่วยให้เกษตรกรมีตลาดในการขายสินค้าที่กว้างมากขึ้น จากเดิมที่ธนาคารจับมือกับไปรษณีย์ไทยค้าขายสินค้าเกษตรผ่านแพลตฟอร์มไทยแลนด์โพสมาร์ท (Thailand Post Mart) ซึ่งเป็นการค้าขายสินค้าเกษตรเพียงภายในประเทศเท่านั้น
นายฉัตรชัย กล่าวว่า สินค้าเกษตรหลายชนิดของไทยนั้น มีศักยภาพที่จะสามารถส่งออกไปขายยังตลาดต่างประเทศได้ แต่ช่องทางการขายนั้นยังไม่รองรับ ธนาคารจึงต้องเข้าไปช่วยส่งเสริม ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมเจรจากับบริษัทไอที ซึ่งเป็นบริษัทลูกยักษ์ใหญ่ในจีน เพื่อร่วมดำเนินการจัดตั้ง โดยรูปแบบการร่วมทุนที่เราคิดไว้คือ ธนาคารจะเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 49% และผู้ร่วมทุน 51% เพื่อให้ธนาคารสามารถเข้าไปร่วมบริหารจัดการได้ โดยไม่นับบริษัทร่วมทุนนี้เป็นรัฐวิสาหกิจ
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดตั้งธนาคาร กำหนดให้ธนาคารสามารถจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อประกอบธุรกิจที่ส่งเสริมสินค้าเกษตรได้ แต่ไม่สามารถเข้าไปค้าขายเองได้ ซึ่งที่ผ่านมา ธนาคารก็ได้ร่วมทุนกับสตาร์ทอัพแห่งหนึ่ง แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก จึงต้องเปลี่ยนรูปแบบในการส่งเสริมการค้าขายสินค้าเกษตร โดยต้องการบริษัทร่วมทุนที่มีศักยภาพและเป็นที่รู้จักในตลาดต่างประเทศ
“เมื่อไปดูแนวทาง ถ้าเราถือหุ้นเกินครึ่ง เราจะเป็นรัฐวิสาหกิจ ดังนั้น เลยมองว่า การร่วมทุนน่าจะเป็นแนวทางที่เหมาะสม เดิมทีเรามีบริษัทร่วมทุน แต่เป็นสตาร์ทอัพ แต่ยังไม่เก่ง เราก็มองว่า เรื่องตลาดออนไลน์มียักษ์ใหญ่ แต่ลูกค้าเราเข้าไม่ถึงยักษ์ใหญ่หลายส่วน หรือเข้าถึงก็เจอส่วนแบ่งกำไรน้อย เลยดูบริษัทร่วมทุนที่มาเรื่องแบ่งกำไรที่เหมาะสม ที่สำคัญสัดส่วนหุ้นที่ถือ เราต้องสามารถจัดการเรื่องนโยบายได้ด้วย”นายฉัตรชัย กล่าว
นายฉัตรชัย กล่าวว่า เมื่อเราเจรจากับผู้ร่วมทุนและมีความคืบหน้าในระดับหนึ่งแล้ว ตนเองจะได้เสนอแนวทางดังกล่าวให้คณะกรรมการพิจารณา ซึ่งคาดว่า ช่วงไตรมาสแรกนี้ น่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ ปัจจุบันสินค้าเกษตรที่นำไปขายผ่านแพลตฟอร์มไทยแลนด์โพสมาร์ทมีอยู่ประมาณ 50 รายการ แต่แยกย่อยไปอีกราว 2,000 รายการ มีร้านค้าหรือเกษตรกรที่เข้ามาร่วมค้าขายประมาณ 200 ร้านค้า หากเราสามารถค้าขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในต่างประเทศได้ ก็เชื่อว่า จะมีปริมาณสินค้าและจำนวนร้านค้าเข้ามาร่วมอีกจำนวนมาก
ที่มา : มติชนออนไลน์ https://www.matichon.co.th/economy/news_4447340