เผยแพร่ |
---|
ในช่วงฤดูแล้ง สภาพอากาศแห้งแล้ง ปริมาณน้ำในแหล่งต่างๆ มักมีจำกัด จึงชวนเกษตรกร ผู้ปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ชลประทานหันมาปลูกพืชอื่นที่ใช้น้ำน้อยทดแทน เช่น แตงโม ถั่วลิสง มะเขือเทศ ข้าวโพดหวาน เป็นต้น
แตงโม
ช่วงเวลาปลูกที่เหมาะสมเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม
การปลูก
– เตรียมดิน ไถดะตากดิน 1 ครั้ง ไถพรวน 1 ครั้ง ปรับปรุงดินโดยใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 500 กิโลกรัมต่อไร่ หว่านปูนขาวให้ทั่วเพื่อปรับสภาพดิน จากนั้นไถยกร่องขนาดแปลงกว้าง 2-3 เมตร ความยาวตามสภาพพื้นที่ระยะปลูก เจาะหลุมปลูก ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 เซนติเมตร และใช้พลาสติกสีดำคลุมแปลง ระยะปลูกระหว่างหลุม 60 เซนติเมตร ระหว่างแถวห่าง 6 เมตร เมื่อต้นกล้าอายุ 10-12 วัน คัดต้นกล้าสมบูรณ์ทําการย้ายปลูกต้นกล้าที่สมบูรณ์ปลูก 1 ต้นต่อหลุม
– เตรียมเมล็ดพันธุ์ นําเชื้อไตรโคเดอร์มาผสมกับดินปลูก อัตรา 1 : 4 ใส่กระบะเพาะเมล็ด นำเมล็ดแช่น้ำอุ่น (40-50 องศาเซลเซียส) นาน 4-6 ชั่วโมง ขัดเมือกออกบ่มไว้ 2 คืน แล้วนําไปเพาะในถาดเพาะที่เตรียมไว้
ให้น้ำ
– ให้น้ำตามร่องทุก 5-7 วัน ตามสภาพความชื้นของดิน ไม่ควรให้น้ำระบบพ่น ฝอยเพราะอาจทำให้เกิดโรคเหี่ยวได้
สายพันธุ์ที่แนะนำ
- ซอนญ่า พลัส
– เนื้อแดง รสชาติหวานกรอบ
– ผลกลมรี ลายสีเขียวอ่อน สลับแถบสีเขียวเข้ม
– ปลูกง่าย ติดผลดี ให้ผลผลิตสูง
– ปลูกได้ทุกภาค ตลอดทั้งปี
– น้ำหนักผลเฉลี่ย 4-6 กิโลกรัม
– อายุเก็บเกี่ยว 50-55 วัน หลังย้ายปลูก
- ทัมอัพ
– เนื้อกรอบแน่น รสชาติหวาน มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์
– ผลกลมรี สีเขียวเข้มเกือบดำ คล้ายแตงโมญี่ปุ่น
– ติดลูกดีมาก ปลูกได้ทุกภาค ตลอดทั้งปี
– น้ำหนักผลเฉลี่ย 3-5 กิโลกรัม
– อายุเก็บเกี่ยว 52-55 วัน หลังย้ายปลูก
- กินรี 188
– เนื้อแดงจัด รสชาติหวานกรอบ
– ผลใหญ่ เนื้อแน่น เปลือกบาง ลูกลายสีเขียวสลับสีเขียวเข้ม
– ผลผลิตเก็บไว้ได้นาน
– ต้านทานต่อโรคพืชได้ดี
– น้ำหนักผลเฉลี่ย 5-8 กิโลกรัม
– อายุเก็บเกี่ยว 52-55 วัน หลังย้ายปลูก
ถั่วลิสง
ช่วงเวลาปลูกที่เหมาะสมเดือนธันวาคม-มกราคม
การปลูก
– เตรียมดิน ไถดะ 1 ครั้ง ตากดิน 7-10 วัน จากนั้นไถพรวน 1 ครั้ง เก็บซากวัชพืช ใส่ปุ๋ยคอก 1,000 กิโลกรัมต่อไร่
– ไถยกร่องปลูกสูง 20-25 เซนติเมตร ความกว้างของสันร่องประมาณ 60-100 เซนติเมตร
– ใช้เมล็ดพันธุ์ 20-25 กิโลกรัมต่อไร่ ก่อนปลูกคลุกด้วยไรโซเบียม อัตรา 200 กรัม ต่อเมล็ดพันธ์ุ 20-25 กิโลกรัม
– ปลูกโดยวิธีหยอดหลุม หลุมละ 2-3 เมล็ด ลึก 10 เซนติเมตร ระยะห่าง 50×20 เซนติเมตร ให้น้ำทันทีหลังปลูก
ให้น้ำ
ให้น้ำทุก 7 วัน ในเดือนแรก หลังจากนั้นให้น้ำทุก 10 วันห้ามขาดน้ำช่วงอายุ 30-60 วันหลังงอก
สายพันธุ์ที่แนะนำ
- สุโขทัย38
– เส้นลายบนฝักและจงอยฝักเห็นชัดเจน
– จำนวนเมล็ด 2-4 เมล็ดต่อฝัก
– เยื่อหุ้มเมล็ดสีแดง
– อายุเก็บเกี่ยว 85-95 วัน
- กาฬสินธุ์1
– ทรงต้นเป็นพุ่ม ติดฝัก เป็นกระจุกที่โคนต้น
– ลำต้นสีเขียวอมแดงดอกสีเหลือง
– เยื่อหุ้มเมล็ดสีแดง
– เปลือกฝักค่อนข้างเรียบ ล้างทำความสะอาดง่าย
– อายุเก็บเกี่ยวฝักสด 80-85 วัน
- ไทนาน9
– ทรงต้นเป็นพุ่ม ดอกสีเหลือง ติดฝักเป็นกระจุกที่โคนต้น
– จำนวนเมล็ด 2 เมล็ดต่อฝัก
– ฝักค่อนข้างเล็ก เปลือกบาง มีเส้นลายไม่เด่นชัด และจงอยปากเห็นได้ชัด
– อายุเก็บเกี่ยว 95-100 วัน
- ขอนแก่น5
– ทรงต้นเป็นพุ่มกว้าง ดอกสีเหลือง ติดฝักเป็นกระจุกที่โคนต้น
– จำนวนเมล็ด 2 เมล็ดต่อฝัก
– เส้นลายฝักชัด
– เยื่อหุ้มเมล็ดสีชมพูเข้ม
– อายุเก็บเกี่ยว 85-115 วัน
มะเขือเทศแปรรูป
ช่วงเวลาปลูกที่เหมาะสมช่วงเวลาที่เหมาะสมปลูกได้ตลอดทั้งปี
การปลูก
– เตรียมดิน ไถตากดิน 7 วัน ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ไถพรวน 1-2 ครั้ง
– นํากล้ามะเขือเทศอายุ 20-25 วัน ลงปลูกระยะห่างระหว่างต้น 50-60 เซนติเมตร ระยะระหว่างแถว 1 เมตร
– ปักค้างเมื่อมะเขือเทศอายุ 20-25 วันหลังย้ายปลูก
ให้น้ำ
– ระบบน้ำหยด ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ และให้น้ำทันทีหลังใส่ปุ๋ย
สายพันธุ์ที่แนะนำ
- เอ็กซ์ตร้าโกลด์
– ทรงต้นเป็นพุ่มใหญ่ปานกลาง
– ต้นแข็งแรง เจริญเติบโตดี
– ผลดก ทรงผลกลมรี 70-80 กรัมต่อผล
– ผลดิบสีเขียวอ่อน ผลสุกสีแดง
– เนื้อหนาปานกลาง
– ผลแข็งมากทนต่อโรคและการขนส่ง
– อายุเก็บเกี่ยว 80-85 วัน หลังย้ายปลูก
- ป๊อปปี้287
– ต้นแข็งแรง เจริญเติบโตดี
– ผลดก กลม สีแดงเข้ม มันวาว
– คุณภาพผลหลังเก็บเกี่ยวดี เป็นที่ยอมรับของโรงงานแปรรูปเกษตรกร และผู้บริโภค
– อายุเก็บเกี่ยว 65-70 วัน หลังย้ายปลูก
- เพอร์เฟคโกลด์111
– ทรงต้นเป็นพุ่มสูง
– ผลแก่สีแดง เนื้อหนาแข็ง ขั้วผลสวย
– ทนทานโรคไวรัส และโรคเหี่ยวเขียว
– อายุเก็บเกี่ยว 55-85 วัน หลังย้ายปลูก
ข้าวโพดหวาน
ช่วงเวลาปลูกที่เหมาะสมเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม
การปลูก
– เตรียมดิน ไถดะด้วยผาล 3 ตากดินไว้ประมาณ 5-7 วัน ไถแปรด้วยผาล 7 แล้วยกร่องปลูกสูง 25-30 เซนติเมตร ระยะระหว่างแถว 75 เซนติเมตร ระยะระหว่างหลุม 50 เซนติเมตร ปลูกหลุมละ 1-2 เมล็ด
ให้น้ำ
ให้น้ำทุก 10-14 วัน และไม่ควรปล่อยให้ข้าวโพดขาดน้ำ หากขาดน้ำในช่วง ออกดอกหรือผสมเกสรจะทําให้ผลผลผลิตขาดคุณภาพ และควรหยุดให้น้ําก่อน เก็บเกี่ยว 2-3 วัน
สายพันธุ์แนะนำ
- จัมโบ้ สวีท
– ฝักใหญ่ไซซ์จัมโบ้
– รสชาติหวานกรอบ
– เมล็ดสีเหลืองอ่อนเนื้อเด้ง ไม่ยุบง่าย เรียงแถวตรง จรดปลายฝัก
– ระบบรากและลำต้นแข็งแรง
– ผลผลิตต่อไร่สูง
– ทนทานโรคใบไหม้แผลใหญ่
– อายุเก็บเกี่ยว 72-75 วัน หลังหยอดเมล็ด
- ไฮบริกซ์3
– ต้นแข็งแรงโตเร็ว
– ติดฝักสม่ําเสมอ
– ฝักยาวใหญ่
– เมล็ดเหลืองนวลเรียงตัวถึงปลายฝัก
– รสชาติหวานนุ่ม
– ผลผลิตต่อไร่สูง
– อายุเก็บเกี่ยว 65-70 วัน หลังหยอดเมล็ด
- ชูการ์75
– ระบบรากแข็งแรง
– รสชาติหวานนุ่มอร่อย
– ทนทานโรคใบไหม้ดี
– ฝักใหญ่ให้ผลผลิตสูง
– อายุเก็บเกี่ยว 70-74 วัน หลังหยอดเมล็ด
ดังนั้น ชนิดพืชหลังนาที่ควรปลูกในช่วงฤดูแล้งนั้น ควรเป็นพืชที่เหมาะสมสำหรับปลูกในนาข้าว เป็นพืชที่อายุสั้น ใช้น้ำน้อย และสามารถทนแล้งได้ดี มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด โดยแบ่งได้ตามประเภทได้ดังนี้
– พืชไร่ เช่น ถั่วเขียว ถั่วเหลืองฝักสด ถั่วพุ่ม ถั่วลิสง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าวโพดหวาน ข้าวโพดฝักอ่อน ข้าวโพดเทียน ข้าวฟ่าง งา มันเทศ และทานตะวัน
– พืชผัก เช่น คะน้า กะเพรา โหระพา แมงลัก ผักกาดหอม ผักกาดเขียว กวางตุ้ง ผักกาดหัว ผักกาดเขียวปลี ผักกาดขาวปลี กะหล่ำปลี ผักชี มะเขือเทศ มะเขือเทศเชอร์รี่ มะเขือเปราะ มะเขือยาว/มะเขือม่วง มะระจีน ถั่วฝักยาว บวบเหลี่ยม แตงโม แตงกวา/แตงร้าน แคนตาลูป พริกขี้หนู/พริกมัน/พริกหนุ่ม และผักบุ้งจีน
– ไม้ดอก เช่น แอสเตอร์ บานไม่รู้โรย ดาวเรืองตัดดอก ทานตะวันตัดดอก และบานชื่น
– พืชปรับปรุงดิน เช่น โสนอัฟริกัน ถั่วพุ่ม และถั่วพร้า
พืชใช้น้ำน้อยที่กล่าวมานั้น นอกจากจะเป็นทางเลือกให้กับเกษตรกรได้เลือกปลูกในช่วงแล้ง ช่วยให้มีรายได้หมุนเวียนต่อจากการทำนาแล้ว ยังช่วยให้เกิดการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ที่หลายๆ พื้นที่กำลังประสบปัญหาภัยแล้งจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมส่งเสริมการเกษตร