“แม่บุญล้ำ” ล้ำหน้า นำนวัตกรรมเปลี่ยนกากปลาร้าเหลือทิ้ง สู่โอกาสใหม่ทางธุรกิจ ด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน

น้ำหมักชีวภาพจากกากปลาร้า

เมื่อไม่กี่ปีมานี้อุตสาหกรรมน้ำปลาร้าไทยได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ก้าวข้ามจากวัตถุดิบในครัวเรือน สู่สินค้าส่งออกที่ได้รับความนิยมในตลาดโลก มีผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ไม่ต่ำกว่า 200 แบรนด์ ส่งผลให้ตลาดน้ำปลาร้ามีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท และมีมูลค่าส่งออกกว่า 200 ล้านบาทต่อปี ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในสมรภูมิความนัวนี้ สิ่งที่หลายคนมองข้ามไปคือ ของเสียจากกระบวนการผลิต ซึ่งอาจกลายเป็นทั้งวิกฤตต่อสิ่งแวดล้อมหรือโอกาสทางธุรกิจครั้งใหม่ ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์และการจัดการของผู้ประกอบการ ปัจจุบันประเทศไทยมีปริมาณกากปลาร้าซึ่งเป็นเศษเหลือทิ้งจากกระบวนการผลิตน้ำปลาร้าอย่างน้อย 680 ตันต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่ถูกกำจัดโดยการฝังกลบ หากปล่อยไว้เช่นนี้ กากปลาร้าที่มีความเค็มและกลิ่นรุนแรงอาจรั่วไหลลงสู่ดินและแหล่งน้ำ ก่อปัญหามลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม การจัดการกากปลาร้าอย่างถูกวิธี ไม่เพียงช่วยลดมลพิษ แต่ยังเป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่สำหรับผู้ประกอบการอีกด้วย

บริษัท เพชรดำฟู๊ดส์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ธุรกิจน้ำปลาร้ารายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่หลายคนอาจคุ้นเคยภายใต้แบรนด์ “แม่บุญล้ำ” ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงร่วมกับทีมวิจัยมหาวิทยาลัยขอนแก่น นำโดย ผศ.ดร.สมสมร แก้วบริสุทธิ์ อาจารย์คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในการวิจัยและพัฒนาเพิ่มมูลค่าให้กับกากปลาร้าเหลือทิ้งของโรงงาน โดยสร้างเป็นไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีการเพิ่มแคลเซียมจากผงกระดูกปลาที่ได้จากการนำกากปลาร้ามาปรับปรุงคุณภาพด้วยเทคโนโลยี พร้อมทั้งต่อยอดไปสู่การจัดทำข้อกำหนดด้านมาตรฐาน เพื่อให้น้ำปลาร้ามีแคลเซียมเพิ่มขึ้น มีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าน้ำปลาร้าทั่วไปในท้องตลาด ทำให้ผู้ประกอบการสามารถกล่าวอ้างคุณสมบัติน้ำปลาร้าเสริมผงกระดูกปลาเป็นผลิตภัณฑ์แคลเซียมสูงได้ รวมถึงวิจัยเพิ่มเติมเพื่อป้องกันไม่ให้ผงกระดูกปลาตกตะกอนที่ก้นขวด ทำให้ผู้บริโภคสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ได้สะดวก ไม่จำเป็นต้องเขย่าขวดทุกครั้งก่อนใช้ ช่วยสร้างความได้เปรียบทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการและเพิ่มโอกาสการแข่งขันในตลาดโลกได้

กากปลาร้าเหลือทิ้งจากการผลิตน้ำปลาร้า

โดยบริษัทและทีมวิจัย ได้ยื่นขอทุนสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาจากแผนงานกลุ่มเศรษฐกิจหมุนเวียน หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ภายใต้ชื่อชุดโครงการวิจัย “การเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจในห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมน้ำปลาร้า ด้วยเทคโนโลยีสร้างมูลค่ากากปลาร้า (ระยะที่ 2)” และทางบริษัทได้ร่วมลงทุนด้วยส่วนหนึ่ง คุณพิไรรัตน์ บริหาร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพชรดำฟู้ดส์ จำกัด ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นในการมาร่วมทุนในครั้งนี้ว่า “บริษัทมีกากปลาร้าที่เป็นของเหลือจากกระบวนการผลิตเป็นจำนวนมาก มีการกำจัดโดยนำมาทำปุ๋ยใส่ต้นไม้ในบริเวณโรงงานและฝังกลบ แต่เรามีการผลิตที่มากขึ้นเรื่อยๆ เราเริ่มเห็นว่าของเหลือ (Waste) มีเยอะขึ้นมากจึงปรึกษากับ ผศ.ดร.สมสมร ว่ากากก้างของเราสามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง อาจารย์แนะนำให้ส่งไปวิเคราะห์กับทางสถาบันอาหารเพื่อตรวจหาโปรตีนและแคลเซียม

คุณพิไรรัตน์ บริหาร

หลังจากได้ผลมา อาจารย์ได้แนะนำให้เราได้รู้จักกับทุน บพข. ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐที่ให้ทุนทำ R&D แก่สถาบันวิจัยและผู้ประกอบการ เราได้ยื่นขอทุนในแผนงานกลุ่มเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งมุ่งสนับสนุนโครงการที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับของเสีย โดยเพชรดำมีทีม R&D ร่วมกับทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยขอนแก่นในการวิจัยและพัฒนา ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีนำมาต่อยอดในธุรกิจ โดยทีมวิจัยมหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ช่วยคิดค้นเทคโนโลยีปรับปรุงกากก้างปลาร้าเหลือทิ้งจากกระบวนการผลิตในโรงงานให้นำมาผลิตเป็นผงแคลเซียมและผสมในน้ำปลาร้าได้อย่างเหมาะสม ไม่มีการตกตะกอนซึ่งเป็นโครงการย่อยที่ 1 ภายใต้ชุดโครงการนี้ เป็นการเพิ่มมูลค่ากากก้างเหลือทิ้ง สร้าง Product line ใหม่เป็นตัวเลือกให้ผู้บริโภคในยุคสังคมผู้สูงอายุ บริษัทมีแผนพัฒนาน้ำปลาร้าสูตรโซเดียมต่ำเพื่อตอบรับเทรนด์การรักษาสุขภาพของผู้บริโภคในปัจจุบัน”

ด้าน ดร.พงษ์วิภา หล่อสมบูรณ์ ประธานอนุกรรมการแผนงานกลุ่มเศรษฐกิจหมุนเวียน บพข. กล่าวเสริมว่า “โครงการนี้ตอบโจทย์แผนงานเศรษฐกิจหมุนเวียน บพข. เรื่องเพิ่มมูลค่าให้กับของเหลือในอุตสาหกรรมเพื่อลดขยะ ลดคาร์บอนจากกระบวนการผลิตได้เป็นอย่างดี อุตสาหกรรมน้ำปลาร้าของไทยเติบโตขึ้นอย่างมาก ในขณะเดียวกัน ของเหลือจากอุตสาหกรรมน้ำปลาร้าก็มีมากขึ้นเช่นกัน หากไม่มีการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ จะสร้างมลพิษทางสิ่งแวดล้อมได้ โครงการนี้เราได้ผู้ประกอบการที่มี Potential มีความพร้อมที่จะนำผลงานวิจัยไปต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์มาร่วมลงทุน เป็นการสร้างแรงกระเพื่อมที่สำคัญของวงการน้ำปลาร้า เพื่อให้ผู้ประกอบการรายอื่นๆ หันมาให้ความสำคัญกับการทำ R&D นอกจากลดของเหลือจากโรงงาน รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังยกระดับอุตสาหกรรมน้ำปลาร้าของไทยอีกด้วย โครงการนี้เราได้มุ่งเป้าให้เกิดมูลค่าเศรษฐกิจหมุนเวียนเพิ่มขึ้นเป็น 41,200,000 บาทต่อปี และใช้กากปลาร้า 222 ตันต่อปี”

บพข. มุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากกากปลาร้าซึ่งเป็นเศษเหลือในกระบวนการผลิตในหลากหลายรูปแบบ ลดการฝังกลบให้ได้มากที่สุด นอกจากแปรรูปเป็นผงกระดูกปลาเพื่อเสริมแคลเซียมในน้ำปลาร้าแล้ว มีการนำกากปลาร้ามาผลิตเป็นซอสน้ำปลาร้าอเนกประสงค์จากกากข้าวคั่วที่เป็นเศษเหลือในกระบวนการผลิต ให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ใช้ประกอบอาหารได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยทดสอบรสชาติและการยอมรับจากผู้บริโภค มีการศึกษาวิธียืดอายุน้ำปลาร้าอเนกประสงค์เก็บได้ยาวนานขึ้น รองรับการส่งออกต่างประเทศ รวมถึงการฆ่าเชื้อ ปรับสภาวะความเป็นกรด-ด่างของผลิตภัณฑ์ สามารถตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคได้

Advertisement
การทดลองเติมผงกระดูกปลาเพื่อเสริมแคลแซมในน้ำปลาร้าในห้องวิจัย

ซึ่งเป็นโครงการย่อยที่ 2 นำโดย ผศ.ดร.อัมพร แซ่เอียว ภายใต้โครงการวิจัยนี้ และมีโครงการย่อยที่ 3 โดย รศ.ดร.สุภาภรณ์ พวงชมพู นำกากปลาร้ามาผลิตน้ำหมักชีวภาพใช้ในการปลูกพืชเศรษฐกิจ โดยทดสอบกับพืชไร่ เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง ซึ่งเป็นพืชระยะสั้น ที่ปลูกมากที่สุดในจังหวัดกาฬสินธุ์ ทีมวิจัยได้พัฒนาสูตรน้ำหมักชีวภาพจากกากปลาร้าจนได้น้ำหมักชีวภาพคุณภาพสูงขึ้น มีค่าธาตุอาหารหลักเทียบเคียงหรือสูงกว่ามาตรฐานปุ๋ยอินทรีย์เหลว ให้ผลผลิตที่ดีกว่าเมื่อกับการใช้ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียว

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผลมาจากการเปลี่ยนของเหลือทิ้งในโรงงานซึ่งมีต้นทุนในการกำจัด กลายเป็นวัตถุดิบใหม่ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ผ่านการวิจัยและพัฒนาภายใต้มาตรฐานสากล ด้วยทุนวิจัยจาก บพข. และการทำงานรวมกันของนักวิจัยและเอกชนผู้ใช้ประโยชน์

Advertisement
การบรรจุขวดน้ำปลาร้าในห้องวิจัย

นอกจากช่วยเพิ่มโอกาสทางการแข่งขันให้กับบริษัทเอกชนผู้ร่วมลงทุนแล้ว ยังขยายผลไปสู่อุตสาหกรรมอื่นๆ ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมมันสำปะหลัง บริษัท เอเซียโมดิไฟด์สตาร์ช จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังรายใหญ่ในจังหวัดกาฬสินธุ์ สนใจเข้าร่วมทดลองปลูกมันสำปะหลังโดยใช้น้ำหมักชีวภาพจากกากปลาร้าที่ทีมวิจัยพัฒนาขึ้น ส่งผลดีต่อเกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกมันสำปะหลังและข้าวโพด ต้นทุนปุ๋ยที่ลดลง ผลผลิตที่ดีขึ้น รวมถึงคุณภาพของดินและสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น จากการลดการใช้ปุ๋ยเคมี

ปัจจุบัน บริษัท เพชรดำฟู๊ดส์ จำกัด ถือว่าเป็นผู้เล่นรายใหญ่ของอุตสาหกรรมน้ำปลาร้า มีส่วนแบ่งทางตลาด (market share) กว่า 50% มีผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายในประเทศไทย คิดเป็น 90% ส่งออกจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ 10% และมีแผนขยายตลาดในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้คุณภาพมาตรฐาน และมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งจำเป็น

น้ำหมักชีวภาพจากกากปลาร้า
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ซอสปลาร้าอเนกประสงค์

การนำกากปลาร้าเหลือทิ้งจากกระบวนการผลิตมาพัฒนาเป็นผงกระดูกปลาเสริมแคลเซียม นอกจากจะช่วยลดต้นทุนในการกำจัดเศษเหลือทิ้งของโรงงานแล้ว ยังสร้างโอกาสในการแข่งขันให้กับบริษัท ทั้งในแง่การออกผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาด และคาร์บอนเครดิตด้านการลดของเสียจากกระบวนการผลิต เพื่อเตรียมพร้อมขายสินค้าในยุโรปและอเมริกาต่อไปในอนาคต แม้ขณะนี้ยังไม่ได้มีข้อกฎหมายมาบังคับโดยตรง แต่ทุกโรงงานควรเตรียมพร้อมไว้ เพื่อสามารถปรับตัวได้ทันท่วงทีเมื่อมีการบังคับใช้กฎหมาย และไม่พลาดโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญ

แปลงทดลองปลูกมันสำปะหลังโดยใช้น้ำหมักชีวภาพจากกากปลาร้าของชาวบ้าน จังหวัดกาฬสินธุ์
เปรียบเทียบผลผลิตมันสำปะหลังอายุ 3 เดือน (ซ้าย ใช้น้ำหมักชีวภาพจากกากปลาร้า )