เผยแพร่ |
---|
การทำเกษตรสมัยใหม่ มีการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีในการกำจัดศัตรูพืชเป็นส่วนมาก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ดินเสื่อมสภาพและขาดความอุดมสมบูรณ์เกิดการตกค้างในดินและชะล้างลงสู่แหล่งน้ำ
การทำเกษตรอินทรีย์เริ่มต้นไม่ยาก เพียงแค่ลงมือทำและมั่นศึกษาเรียนรู้ไปด้วยกัน ก่อนอื่นต้องรู้ที่มาของ “เกษตรอินทรีย์” ที่ตอนนี้เกษตรกรหลายคน หันมาให้ความสนใจไม่น้อย และต่างประสบความสำเร็จ ดีต่อผู้ปลูก และดีต่อผู้บริโภคอีกด้วย
“เกษตรอินทรีย์” ถือได้ว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของการเกษตรแบบยั่งยืน และมีการผสมผสานเทคนิค การเกษตรจากหลากหลายระบบ แต่สิ่งที่ทำให้เกษตรอินทรีย์แตกต่างไปจากระบบการเกษตรอื่นๆ คือ การมีมาตรฐานควบคุม และการตรวจสอบรับรอง โดยเกือบทั้งหมดของปัจจัยที่เป็นสารสังเคราะห์ถูกห้ามใช้ ในขณะที่ต้องมีการปรับปรุงบำรุงดินด้วยการปลูกพืชหมุนเวียน
การทำเกษตรอินทรีย์ สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือ “การเลือกพื้นที่” ให้เหมาะสม โดยอยู่ห่างโรงงาน ห่างแปลงปลูกที่ใช้สารเคมี มีแหล่งน้ำสะอาด ไม่มีสารพิษเจือปน ศึกษาประวัติพื้นที่ เช่น เคยปลูกพืชอะไร การใช้ปุ๋ยและสารเคมี ย้อนหลังอย่างน้อย 3 ปี และทำการเลือกปลูกพืชให้เหมาะกับดิน โดยให้พิจารณาว่าดินมีทั้งดินร่วน ดินเหนียว หน้าตื้น หน้าดินลึก ดินเป็นกรด ดินเป็นด่าง ดินเค็ม เป็นต้น จึงควรพิจารณาเลือกปลูกพืชที่ขึ้นอยู่เดิม จากนั้นสังเกตจากพืชที่ขึ้นอยู่เดิม เก็บตัวอย่างดิน น้ำ ไปทำการวิเคราะห์
หลักการเกษตรอินทรีย์ที่ยอมรับกันทั่วไป คือ หลักการที่กำหนดโดยสหพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ ( International Federation of Organic Agriculture Movements – IFOAM) ซึ่งเกิดจากการ ระดมความคิดเห็นนักวิชาการและ ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้านเกษตรอินทรีย์ โดยตรงจากทั่วโลก ที่ประชุมใหญ่สหพันธ์ฯ ได้ ลงมติรับรองหลักการเกษตรอินทรีย์ที่ ประกอบด้วย 4 มิติคือ สุขภาพ, นิเวศวิทยา, ความเป็นธรรม และการดูแลเอาใจใส่
หลักพื้นฐานการทำเกษตรอินทรีย์
- ห้ามใช้สารเคมีสังเคราะห์ทางการเกษตร ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยเคมียาฆ่าหญ้า ยาป้องกัน กำจัดศัตรูพืช และฮอร์โมน
- เน้นการปรับปรุงบำรุงดินด้วยอินทรียวัตถุ เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด ตลอดจนการ ปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อให้พืชแข็งแรงมีความ ต้านทานต่อโรคแมลง
- รักษาความสมดุลของธาตุอาหารภายใน ฟาร์ม โดยใช้ทรัพยากรในท้องถิ่น มาหมุนเวียน ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
- ป้องกันมิให้มีการปนเปื้อนของสารเคมีจาก นอกฟาร์ม ทั้งจากดิน น้ำ และอากาศ โดย จัดสร้างแนวกันชน ด้วยการขุดคูหรือปลูกพืช ยืนต้น และพืชล้มลุก
- ใช้พันธ์ุพืชหรือสัตว์ที่มีความต้านทาน และมีความหลากหลาย ห้ามใช้พันธุ์พืช สัตว์ ที่ได้จากการตัดต่อสารพันธุกรรม
- การกำจัดวัชพืชใช้การเตรียมดินที่ดี และแรงงานคนหรือเครื่องมือกลแทนการใช้ สารเคมีกำจัดวัชพืช
7.การป้องกันกำจัดวัชพืชให้สมุนไพร กำจัดศัตรูพืชแทนการใช้ยาเคมีกำจัดศัตรูพืช
- ใช้ฮอร์โมนที่ได้จากธรรมชาติเช่น จากน้ำสกัดชีวภาพแทนการใช้ฮอร์โมน สังเคราะห์
- รักษาความหลากหลายทางชีวภาพ โดยการรักษาไว้ซึ่งพันธุ์พืช หรือสัตว์สิ่งที่มี ชีวิตทุกชนิดที่มีอยู่ในท้องถิ่น ตลอดจนปลูก หรือเพาะเลี้ยงขึ้นมาใหม่
- การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวและการ แปรรูปให้ใช้วิธีธรรมชาติและประหยัด พลังงาน 11. ให้ความเคารพสิทธิมนุษย์และสัตว์
- ต้องเก็บบันทึกข้อมูลไว้อย่างน้อย 3 ปีเพื่อรอการตรวจสอบ
การขอใบรับรองเกษตรอินทรีย์
โดยกรมวิชาการเกษตรจะเป็นผู้ออก ใบรับรองผลิตผลพืชอินทรีย์และ กรมการข้าว เป็น ผู้ออกใบรับรองผลิตผลข้าวอินทรีย์ในนาม หน่วยงานของรัฐบาล ผู้ประสงค์จะได้ใบรับรอง ต้องปฏิบัติดังนี้ยื่นคำร้องขอหนังสือรับรองฯ ได้ที่
– สำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐาน สินค้าพืช (สมพ.) กรมวิชาการเกษตร เขต จตุจักร กทม. 10900 โทรศัพท์: 0 2579 7520 โทรสาร 0 2940 5472
-สำนักพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว กรมการข้าว เลขที่ 50 ถ.พหลโยธิน เขตจตุจักร กทม. 10900 โทรศัพท์: 0 2561 1970 หรือ
– สำนักงานเกษตรอำเภอทุกอำเภอ กรอกข้อความตามแบบที่กำหนด กรมวิชาการ เกษตร หรือกรมการข้าวจะส่งเจ้าหน้าที่ที่ไป ตรวจสอบกระบวนการผลิต พร้อมเก็บตัวอย่าง ดิน น้ำและผลิตผลมาวิเคราะห์ หากได้ มาตรฐานตามที่วางไว้จะออกใบรับรองให้ ขณะนี้ยังไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย (อาจมีการ เปลี่ยนแปลง)
ขอบคุณข้อมูลจาก : สวก. และกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์