พาไปรู้จัก “เกษตรกรรมยั่งยืน” มี 5 รูปแบบ

เริ่มต้นการทำเกษตรของแต่ละคน ต่างก็มีเหตุผลที่ต่างกัน บางคนทำควบคู่กับงานประจำ เพื่อหารายได้เสริม หรือบางคนสานต่อธุรกิจของครอบครัว ถือว่าเป็นอาชีพที่ทำให้หลายๆ คนต่างประสบความสำเร็จ สร้างรายได้มากกว่างานประจำ 

การทำเกษตร
การทำเกษตร

เกษตรกรรมยั่งยืน เป็นหลักการและแนวคิดเกี่ยวกับเกษตรกรรมที่ยึดหลักการเกษตรที่เหมาะสมกับระบบนิเวศเกษตร โดยใช้ทรัพยากรอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพและไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมหรือการเกษตรที่ตอบสนองต่อความต้องการของมนุษย์ แต่ไม่ทำลายสภาพแวดล้อม

การทำเกษตรแบ่งออกเป็นหลายรูปแบบด้วยกัน ดังนั้น คนที่จะเริ่มทำเกษตรต้องศึกษาหาข้อมูลให้ดีก่อนที่จะลงมือทำ วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านหาความรู้มาเสิร์ฟให้กับเกษตรกร หรือคนที่สนใจอยากเริ่มต้นทำเกษตร แต่ไม่รู้ว่าต้องเริ่มยังไง ลองมาดูก่อนว่าแท้จริงแล้วตัวเราเองเหมาะกับรูปแบบไหนกัน

ระบบเกษตรกรรมยั่งยืน หรือระบบเกษตรกรรมทางเลือก มี 5 รูปแบบหลักด้วยกัน

1. เกษตรทฤษฎีใหม่ การเกษตรตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เน้นให้เกษตรกรมีความพอเพียงเลี้ยงตัวเองได้ ให้มีความสามัคคีช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชุมชนแบ่งเป็น 3 ขั้น

ขั้นที่ 1 การแบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนๆ เพื่อผลิตเลี้ยงตัวเองเป็นเบื้องต้น

Advertisement

ขั้นที่ 2 รวมพลังในรูปกลุ่มหรือสหกรณ์

ขั้นที่ 3 การติดต่อซื้อขายเชิงธุรกิจ เช่น บริษัท โรงสี ร้านสหกรณ์ เป็นต้น

Advertisement

เน้นหลักการจัดการทรัพยากรน้ำในไร่นาให้เพียงพอเพื่อผลิตพืชอาหารโดยเฉพาะข้าว เอาไว้บริโภคในครัวเรือน รวมทั้งมีการผลิตอื่นๆ เพื่อบริโภคและจำหน่ายส่วนที่เหลือแก่ตลาด เพื่อสร้างรายได้อย่างพอเพียง

จุดเด่นคือ เป็นการสร้างความมั่นคงด้านอาหาร (Food security) ซึ่งเป็นขั้นพื้นฐานของเศรษฐกิจพอเพียงระดับครัวเรือน

2. เกษตรอินทรีย์ ระบบการเกษตรที่เน้นการผลิตที่ไม่ใช้สารอนินทรีย์เคมี หรือเคมีสังเคราะห์ แต่สามารถใช้อินทรีย์เคมีได้ เช่น สารสกัดจากสะเดา ตะไคร้หอม ข่า หรือสารสกัดชีวภาพ เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์แก่ทรัพยากรดิน

จุดเด่นคือ เป็นการสร้างความปลอดภัยด้านอาหาร (Foodsafety) ให้แก่ผู้บริโภค

3. เกษตรผสมผสาน ระบบการเกษตรที่เน้นกิจกรรมการผลิตมากกว่า สองกิจกรรมขึ้นไปในเวลาเดียวกัน และกิจกรรมเหล่านี้เกื้อกูลซึ่งกันและกัน เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้มากขึ้น จากการใช้ประโยชน์ทรัพยากรที่ดินที่มีจำกัดในไร่นาให้เกิดประโยชน์สูงสุด

จุดเด่นคือ เป็นการจัดการความเสี่ยง (Risk management) และการประหยัดทางขอบข่าย

4. เกษตรธรรมชาติ ระบบการเกษตรที่เน้นการทำเกษตรที่ไม่รบกวนธรรมชาติหรือรบกวนให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยการไม่ไถพรวน ไม่ใช้สารเคมี และไม่กำจัดวัชพืช แต่สามารถมีการคลุมดินและใช้ปุ๋ยพืชสดได้

จุดเด่นคือ เป็นการฟื้นฟูความสมดุลของระบบนิเวศ (Rehabilitation of ecological balance) และลดการพึ่งพาปัจจัยภายนอก

5. วนเกษตร เน้นหนักการมีต้นไม้ใหญ่ และพืชเศรษฐกิจหลายระดับที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่เพื่อการใช้ประโยชน์ป่าไม้ของพืชหรือสัตว์ชนิดต่างๆ ที่เกื้อกูลกัน ทั้งยังเป็นการเพิ่มพื้นที่ของทรัพยากรป่าไม้ที่มีจำ กัดได้อีกทางหนึ่ง

จุดเด่นคือ เป็นการคงอยู่ร่วมกันของป่าและการเกษตร ทั้งยังเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) อีกด้วย

หลักการพื้นฐานเกษตรกรรมยั่งยืน มี 3 ประการ

1. ความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ ด้วยการพัฒนาการจัดการดินและการหมุนเวียน การปลูกพืชที่ช่วยเพิ่มผลผลิต ลดการพึ่งพาเครื่องจักรกล และสารเคมีเพื่อการเกษตร ทั้งปุ๋ยและสารป้องกันกำจัดวัชพืชและศัตรูพืช

2. ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมด้วย การปกป้องและรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และหาสิ่งทดแทนตลอดจนนำทรัพยากรธรรมชาติกลับมาเวียนใช้ใหม่ เช่น ที่ดิน (ดิน) น้ำ และสิ่งมีชีวิตในป่า หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีสังเคราะห์ที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม โครงสร้างของดินและความหลากหลายทางชีวภาพ

3. ความยั่งยืนด้านสังคม ด้วยการใช้แรงงานที่มีอยู่ให้มากขึ้นอย่างน้อยสำหรับเทคนิคการเกษตรบางประเภท เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและความเป็นปึกแผ่นในสังคม

ในการเลือกทำเกษตรทางเลือกประเภทใดก็ตาม ปัจจัยสำคัญจะเห็นว่าตัวเกษตรกรต้องมุ่งเน้นในเรื่องการจัดสรรที่ดินอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งทำให้ผลผลิตที่ออกมานั้นมีความเป็นธรรมชาติมากที่สุด

ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมส่งเสริมการเกษตร