ผู้เขียน | ธาวิดา ศิริสัมพันธ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
“มันหวานญี่ปุ่น” นับเป็นอีกหนึ่งพืชสร้างรายได้ที่น่าสนใจ เพราะนอกจากรสชาติที่อร่อย หวาน มัน แล้วนั้น ในแง่ของคุณประโยชน์ยังอุดมไปด้วยวิตามินซีและวิตามินเอ ที่เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยให้ร่างกายได้รับแร่ธาตุต่างๆ และเป็นแหล่งผลิตสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้มีคุณสมบัติการชะลอวัย ที่สำคัญช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด มันหวานเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เมื่อกินเข้าไปร่างกายจะค่อยๆ ย่อยและเปลี่ยนเป็นพลังงาน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่ขึ้นสูง เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับการลดน้ำหนัก ทำให้อิ่มได้นานขึ้น เหมาะกับเทรนด์รักสุขภาพที่กำลังมาแรงมากๆ ในยุคนี้
คุณสราวุธ วงศ์กาวิน หรือ คุณโด้ สมาชิกสหกรณ์การเกษตรยั่งยืนแม่ทา จำกัด จังหวัดเชียงใหม่ เล่าว่า ปัจจุบันสมาชิกสหกรณ์แม่ทา มีจำนวนสมาชิกอยู่ประมาณ 120 ครัวเรือน มีพื้นที่ทำการเกษตรรวมกันทั้งหมด 400 ไร่ ทำเกษตรอินทรีย์ทั้งหมด โดยหลักๆ จะเน้นส่งเสริมให้สมาชิกปลูกพืชผักตามฤดูกาล และมีพืชเด่นสร้างรายได้ของกลุ่มคือ “มันหวานญี่ปุ่นอินทรีย์” ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่คัดมาจากญี่ปุ่น แล้วนำมาพัฒนาสายพันธุ์ ให้เหมาะสมกับพื้นที่ปลูกที่แม่ทา เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพที่สุด
เน้นปลูกมันหวานญี่ปุ่นอยู่ 4 พันธุ์หลักๆ ได้แก่ โอกินาวาสีม่วง โอกินาวาสีส้ม เบนิฮารุกะสีเหลือง สายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด เนื่องจากมีรสชาติหวานกว่าสายพันธุ์อื่น และคุริคากาเนะ เลือกสีครีม เนื้อฉ่ำหวาน โดยจุดเด่นของมันหวานญี่ปุ่นอินทรีย์ของกลุ่มคือ 1. ปลูกแบบอินทรีย์ กินแล้วสบายใจ ปลอดภัยต่อสุขภาพแน่นอน 2. การคัดสายพันธุ์ เพื่อให้ถูกปากผู้บริโภคคนไทยโดยเฉพาะ คือรสชาติหวาน หอม อร่อย เนื้อเนียนละเอียด และมีความหนึบ 3. การคัดอายุพันธุ์ในการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม ไม่อ่อนหรือไม่แก่จนเกินไป โดยอายุของมันหวานจะมีอายุเฉลี่ยไม่เหมือนกัน แต่โดยเฉลี่ยของที่นี่จะเก็บเกี่ยวไม่เกิน 3 เดือน
ผลผลิต เฉลี่ย 600 กิโลกรัมต่อไร่ สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี ถือว่าเป็นอีกพืชที่ตอบโจทย์เกษตรกรยุคใหม่มากๆ โดยทางกลุ่มของเราจะเก็บผลผลิตเป็นรอบสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1,500-2,000 กิโลกรัม
เทคนิคการปลูกมันหวานญี่ปุ่นอินทรีย์
คุณโด้ อธิบายถึงเทคนิคการปลูกมันหวานญี่ปุ่นอินทรีย์ว่า เริ่มต้นง่ายๆ จากการเตรียมดินเลย คือการไถตากดินทิ้งไว้เพื่อฆ่าเชื้อโรคในดินก่อน จากนั้นมาเริ่มปรุงดินให้พืชพร้อมกิน ซึ่งขั้นตอนการปรุงดินไม่ได้มีขั้นตอนที่ยุ่งยากเลย แต่ขึ้นอยู่กับว่าเกษตรกรจะใส่ใจมากแค่ไหน โดยสูตรการปรุงดินของที่นี่คือเน้นใช้วัสดุที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น เนื่องจากพื้นที่ตรงนี้มีการเลี้ยงวัว เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่เยอะ เราก็จะนำเอามูลสัตว์ที่เรามีอยู่มาหมักรวมกันทิ้งไว้ประมาณ 3-6 เดือน หรือถ้าใครมีเวลาหมักได้นานกว่านี้ก็ยิ่งดี
การดูแล น้ำคือปัจจัยสำคัญ ควรดูแลรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ แต่ถ้าช่วงไหนสังเกตว่าใบพืชเริ่มไม่เขียว จะบำรุงช่วยบ้าง ซึ่งในทุกกระบวนการจะไม่มีสารเคมีเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งมันหวานเป็นพืชหัวใต้ดิน จึงค่อนข้างยากหากปลูกแบบไม่พึ่งพาสารเคมี แต่สามารถทำได้ด้วยการดูแลใส่ใจและวางแผนการปลูกอย่างถูกวิธี ดังนี้
1. การปลูกพืชหมุนเวียน ไม่ปลูกซ้ำที่เดิม ตรงนี้ใช้ได้จริง “ตามปกติแล้วแมลงที่จะเข้ามาไข่จะมีเวลาในการตามหาหัวของมันหวานอยู่ประมาณ 2 เดือนกว่า ซึ่งกว่าที่แมลงศัตรูพืชจะหาเจอเราก็ขุดหัวมันหวานออกไปแล้ว แต่ถ้าเราปลูกซ้ำที่เดิมอีกแมลงศัตรูพืชเหล่านี้ก็พร้อมที่จะวางไข่ทำให้เกิดปัญหาของแมลงศัตรูพืชตามมา เพราะฉะนั้นการปลูกพืชหมุนเวียนจึงสำคัญมากๆ โดยหลังจากที่ขุดหัวของมันหวานไปแล้ว ที่สวนจะนำข้าวโพดมาปลูก หรือนำพืชที่ให้ผลผลิตบนดินมาปลูกแทน เพื่อตัดวงจรของแมลงศัตรูพืช”
2. ใช้ชีวภัณฑ์ในการควบคุม ชีวภัณฑ์คือผลิตภัณฑ์ป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืชที่ผลิต หรือพัฒนามาจากสิ่งมีชีวิต เป็นการใช้ประโยชน์จากสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติ ที่เรียกว่า ศัตรูธรรมชาติ โดยที่สวนจะเลือกใช้เชื้อราเมตาไรเซียม ในการฉีดพ่นเพื่อป้องกันแมลงศัตรูพืชที่เข้ามากัดกินผลผลิต เช่น เสี้ยนดิน และด้วงงวง ด้วยการฉีดพ่นตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมดิน
“เพราะการทำเกษตรอินทรีย์ไม่ใช่การแก้ไข แต่เป็นการป้องกันตั้งแต่แรก และแน่นอนว่าผลผลิตที่ปลูกจากอินทรีย์ไม่มีทางที่จะได้ผลผลิตออกมา 100 เปอร์เซ็นต์ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมสินค้าเกษตรอินทรีย์ถึงมีราคาแพง ก็เพราะว่าการจัดการ และผลผลิตที่ได้น้อยกว่าการปลูกแบบใช้สารเคมีนั่นเอง”
3. หมั่นตรวจแปลงทุกวัน โดยถือคติที่ว่า “ปุ๋ยที่ดีที่สุดคือคนดูแล” หมายความว่า เจ้าของสวนต้องหมั่นดูแลตรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อดูความเรียบร้อย หรือถ้าเกิดปัญหาขึ้นจะได้แก้ไขปัญหาได้ทันเวลา
ทำยังไงให้ผลผลิต
มีคุณภาพส่งห้างได้
ปัจจุบันผลผลิตมันหวานญี่ปุ่นของสหกรณ์การเกษตรยั่งยืนแม่ทา ที่ปลูกบนพื้นที่กว่า 200 ไร่ มีรอบการเก็บทุกสัปดาห์ คุณโด้ บอกว่า ทางกลุ่มสามารถบริหารจัดการสินค้าได้ทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ โดยไม่มีผลผลิตตกค้าง หรือล้นตลาดจนต้องมาขายแบบลดราคา ซึ่งประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าเราจะต้องผลิตส่งขายขึ้นห้างเลย แต่ต้องเริ่มต้นทำเกษตรอินทรีย์แบบปลูกให้เราได้กินก่อน แล้วค่อยๆ พัฒนาคุณภาพ นำไปสู่การทำการตลาด ถัดมาคือการบริหารจัดการ การวางแผนแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละฝ่ายอย่างชัดเจน ใครมีหน้าที่ผลิตก็ต้องตั้งใจผลิตสินค้าให้ได้คุณภาพ ใครมีหน้าที่ทำการตลาดก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ต่อมาคือการผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค เพราะปัจจุบันตลาดของกลุ่มคนรักสุขภาพมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นกลุ่มสินค้าที่ปลูกแบบอินทรีย์ก็จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ซึ่งมันหวานญี่ปุ่นก็เป็นหนึ่งในสินค้าเพื่อสุขภาพ ที่ทั้งปลูกแบบอินทรีย์ และในแง่ของประโยชน์ก็มีมากมาย โดยเฉพาะในแง่ของการให้พลังงาน น้ำตาลน้อย กลุ่มผู้ลดน้ำหนักสามารถกินได้ และสุดท้ายคือมันหวานเป็นผลผลิตที่สามารถเก็บไว้ได้นาน ต่างจากพืชผักทั่วไปที่สามารถเก็บได้ไม่เกิน 2-3 วัน ผักก็เหี่ยวขายไม่ได้ราคา แต่มันหวานญี่ปุ่นยิ่งบ่มนานรสชาติก็จะยิ่งหวานขึ้น ทำให้เกษตรกรมีเวลาในการขายเพิ่มขึ้นผลผลิตไม่เสียหาย และไม่โดนกดราคา
โดยตลาดหลักๆ ของที่กลุ่มตอนนี้ส่งให้กับท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต กว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 40 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ ทางกลุ่มทำตลาดเองส่งให้กับทั้งโรงแรม ร้านอาหาร และขายผ่านช่องทางออนไลน์ทั่วประเทศ ในราคากิโลกรัมละ 100 บาท เท่ากันทุกสายพันธุ์
ฝากถึงเกษตรกรทำเกษตรอินทรีย์ให้ยั่งยืน
“หากเกษตรกรท่านใดสนใจอยากจะเปลี่ยนแนวทาง หรือลด ละ เลิก การใช้สารเคมี ผมตั้งต้นว่าให้ค่อยๆ ทำ และวางแผน วางเป้าหมายให้ชัดเจน อย่าเพิ่งใจร้อนว่าทำแล้วต้องรวยเลย และไม่แนะนำให้ลงทุนเยอะ เช่น คนรุ่นใหม่จบมาอยากมาลงทุนทำเกษตร ลงทุนทำโรงเรือน วางระบบน้ำแบบอลังการ แต่ยังปลูกพืชผักไม่ค่อยเป็นเลยคงจะประสบความสำเร็จได้ยาก จึงแนะนำให้ค่อยๆ ลงมือทำให้เป็นไปตามแผนหรือเป้าหมายที่วางไว้ และอีกประเด็นที่สำคัญคือไม่อยากให้คิดว่าการทำเกษตรอินทรีย์ต้องขายได้ราคาแพงเสมอไป แต่เราต้องเพิ่มมูลค่าให้เหมาะสม เพราะถ้าสินค้าราคาแพงไปทำให้การขยายพื้นที่หรือสินค้าเกษตรอินทรีย์เป็นไปได้ช้า เพราะผู้บริโภคกลุ่มใหญ่เข้าไม่ถึง แต่เราอยากให้ผู้บริโภคทุกกลุ่มเข้าถึงสินค้าของเราได้ทั้งหมด จึงจะเรียกว่าเป็นการทำเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืนได้” คุณสราวุธ กล่าวทิ้งท้าย
หากท่านใดสนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร. 099-295-7950 หรือติดต่อได้ที่เพจ : ผักออร์แกนิคแม่ทา