รู้จัก “ต้นลาน” ไม้มหัศจรรย์แห่ง “ทับลาน” ป่าไม้สำคัญ สัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์

รู้จักพื้นที่ ทับลาน แหล่งปลูกพืช-ป่าไม้สำคัญ

อุทยานแห่งชาติทับลาน มีเนื้อที่ประมาณ 1,398,000 ไร่ หรือ 2,236 ตารางกิโลเมตร เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีเนื้อที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ครอบคลุมท้องที่อำเภอปักธงชัย วังน้ำเขียว ครบุรี เสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา และอำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี

สภาพป่ามีความอุดมสมบูรณ์ ลักษณะพิเศษมีป่าลาน หรือต้นลาน ซึ่งหาดูได้ยาก โดยป่าลานมีเนื้อที่ 200 ไร่ ที่มีเฉพาะบางท้องที่เท่านั้น มีต้นลานขึ้นตามธรรมชาติ เป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำ ลำธารต่างๆ และมีธรรมชาติที่สวยงาม ทั้ง หุบผา หน้าผา น้ำตก และยังเป็นแหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลกอีกด้วย

มารู้จัก “ต้นลาน” กันก่อน

“ต้นลาน” เป็นพืชยืนต้นที่อยู่ในตระกูลปาล์ม มีลักษณะคล้ายต้นตาล แต่ลำต้นมีลักษณะอวบใหญ่กว่าต้นตาล มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาและในแถบเมดิเตอร์เรเนียน ต้นลานมักจะขึ้นในพื้นที่ที่มีอากาศเย็นและมีฝนตกมาก มีความทนทานต่อภัยธรรมชาติได้ดี มีอายุเฉลี่ย 60-70 ปี 

ขอบคุณภาพจาก : สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ขอบคุณภาพจาก : สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ลักษณะพิเศษของ “ต้นลาน” เมื่ออายุประมาณ 60 ปี จะมีต้นสูงใหญ่ราว 10 เมตร และออกดอกเพียงครั้งเดียวในชีวิต ดอกมีสีขาว หลังจากนั้นต้นลานจะตายลง และให้เมล็ดใหม่ที่ร่วงลงมาขึ้นเป็นต้นใหม่แทน 

เมื่อต้นลานออกดอกเป็นกระจุกเพียงบริเวณใต้ต้นแม่ การขยายวงกว้างในเมล็ดลานได้กระจายโดยธรรมชาติไปสู่ผืนป่าจึงมีปริมาณน้อย ต้นลานจึงมีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ รวมถึงปัจจัยทางด้านการขยายพื้นที่เพื่อทำการเกษตรจึงทำการขยายและการเจริญเติบโตของต้นลานจึงลดน้อยลงเป็นเหตุให้ต้นลานมีจำนวนลดลง จึงต้องช่วยกันอนุรักษ์ต้นลานไว้

Advertisement

รู้หรือไม่? “ลาน” ในโลกมี 6 ชนิด แต่พบในไทยเพียง 3 ชนิด

ลานพรุ ขอบคุณภาพจาก : สวนสร้างสุข
ลานพรุ ขอบคุณภาพจาก : สวนสร้างสุข

ลานพรุ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Corypha utan Lam. มีเขตการกระจายพันธุ์ตั้งแต่อินเดียไปจนถึงฟิลิปปินส์ และรวมไปถึงทางตอนเหนือของออสเตรเลียและประเทศไทย พบมากในแถบภาคใต้แถวๆ จังหวัดนครศรีธรรมราช สงขลา กระบี่ และพังงา ปาล์มชนิดนี้มักขึ้นตามแนวชายฝั่งแม่น้ำหรือในพื้นที่ที่ชุ่มน้ำ มีลักษณะของลำต้นที่สูงคล้ายกับต้นตาล โดยมีความสูงประมาณ 30 เมตร ขนาดของลำต้นไม่รวมกาบใบ มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 40-60 เซนติเมตร และมักขึ้นรวมกันเป็นจำนวนมากในที่ราบท้องทุ่ง แม้ในบริเวณที่มีน้ำขัง

ลานป่า หรือ ลานทุ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Corypha lecomtei Beec. สามารถพบได้ในประเทศไทยและเวียดนาม จัดเป็นพันธุ์ไม้ดั้งเดิมของไทย โดยพบได้มากที่ปราจีนบุรี ขอนแก่น และสระบุรี และยังพบได้ทั่วไปในจังหวัดลพบุรี ตาก นครปฐม และพิษณุโลก และต้นลานป่านี้จะมีขนาดใหญ่ไม่เท่าลานวัด โดยมีความสูงประมาณ 15 เมตร และมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของต้นไม่รวมกาบใบประมาณ 45-75 เซนติเมตร

Advertisement
ขอบคุณภาพจาก : สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ขอบคุณภาพจาก : สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ลานวัด หรือ ลานบ้าน และลานหมื่นเถิดเทิง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Corypha umbraculifera เป็นปาล์มชนิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีถิ่นกำเนิดในประเทศศรีลังกาและอินเดีย และยังเป็นต้นไม้ประจำชาติของศรีลังกาอีกด้วย สำหรับในประเทศไทยจะไม่พบตามธรรมชาติ แต่มักมีการนำมาเพาะปลูกในภาคเหนือ ส่วนใหญ่ปลูกไว้ในบริเวณวัด เพราะมีพื้นที่กว้างขวาง

การใช้ประโยชน์จากต้นลาน

ช่วงที่ประชากรของต้นลานมีมากๆ เขาใช้ประโยชน์จากต้นลานเช่นกัน เริ่มจากตัดต้นมาทำเป็นที่นั่งเล่นแทนเก้าอี้ เศษเหลือก็ใช้ทำเชื้อเพลิง ใครมีฝีมือหน่อยก็ทำครก สาก ต้นอ่อนใช้เลี้ยงด้วง

ขอบคุณภาพจาก : สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ขอบคุณภาพจาก : สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ใบลาน ในสมัยโบราณ นิยมใช้จารึกตัวอักษรเพื่อบันทึกคำสอนของพุทธศาสนา เขาใช้เหล็กแหลมจารบนใบลานจากนั้นใช้ยางรักทา ยางรักจะแทรกอยู่ในตัวหนังสือ ทำให้มองเป็นสีดำ สามารถอ่านเป็นตัวหนังสือได้ ถึงแม้จะมีการบันทึกเรื่องราวต่างๆ ในคอมพิวเตอร์ แต่ก็มีการเก็บรักษาคัมภีร์ใบลานให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา

ใบลานแก่ ใช้มุงหลังคา ก้านใบยังพบว่า มีการนำมาทำพื้นกระท่อมและฝาผนัง สำหรับที่อยู่อาศัยได้ดี

กระดูกลาน คือส่วนที่อยู่ใกล้กับบริเวณหนามแหลม มีความแข็งและเหนียวมากกว่าก้านใบ นำมาทำคันกลดพระธุดงค์ รวมทั้งทำขอบตะกร้า ขอบกระด้ง และทั้งผลิตภัณฑ์อื่นๆ

ท้องถิ่นภาคใต้ นำ ยอดลานพรุ มาฉีกเป็นใบ แล้วสางออกเป็นเส้นๆ ปั่นเป็นเส้นยาวคล้ายกับด้าย จากนั้นนำไปใช้ทอเป็นแผ่น เรียกกันว่า “ห่งอวน” หรือ “หางอวน” สำหรับต่อปลายอวน ใช้เป็นถุงจับกุ้ง สานถุงใส่เกลือ ซองใส่ยาฉุน ซองแว่นตา และอื่นๆ

สรรพคุณของลาน

• ช่วยรักษาไข้หวัด ด้วยการใช้รากนำมาฝนแล้วรับประทาน (ราก)

• รากนำมาฝนใช้รับประทานเป็นยาแก้ร้อนในและช่วยขับเหงื่อ (ราก)

• ลูกใช้รับประทานเป็นยารักษาโรคกระเพาะ ช่วยฆ่าเชื้อในลำไส้ และช่วยระบาย (ลูกลาน)

• เปลือกของผลสามารถรับประทานเป็นยาขับระบายได้ดี (เปลือกผล)

• ต้นมีสรรพคุณเป็นยาแก้พิษต่าง ๆ (ต้น)

• บางแห่งมีการนำใบลานเผาไฟมาใช้เป็นยาเพื่อช่วยดับพิษอักเสบ แก้อาการฟกช้ำบวมได้ดี ซึ่งโดยทั่วไป จะเรียกว่า “ยามหานิล” (ใบแก่)

อีกทั้งต้นลาน นับว่าเป็นทรัพยากรที่สำคัญต่อการสร้างรายได้ของชุมชนในพื้นที่ ซึ่งมีประโยชน์หลากหลาย ที่สามารถนำมาแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับชุมชน

พืชพรรณในอุทยานแห่งชาติทับลาน

อุทยานแห่งชาติทับลาน มีสังคมพืชที่จัดเป็นป่าลุ่มต่ำที่มีความสมบูรณ์มาก สามารถจำแนกได้ 4 ประเภท คือ ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบชื้น และป่าดิบแล้ง จัดเป็นสังคมพืชที่มีการซ้อนทับกันของลักษณะทางนิเวศของป่าภาคกลางและป่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความหลากหลายของชนิดพันธุ์ไม้และสัตว์ป่าชุกชุม

ป่าเต็งรัง ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลานมีสภาพเป็นป่าโปร่ง ขาดแคลนแหล่งน้ำ มีต้นไม้ขึ้นกระจัดกระจายทั่วพื้นที่และมักจะมีลำต้นเล็กและเตี้ย พืชพื้นล่างเป็นพวกหญ้าเพ็ก หญ้าคา และสาบเสือ พันธุ์ไม้ที่สำคัญ เช่น เต็ง รัง เหียง พลวง ฯลฯ 

ป่าเบญจพรรณ จะมีไม้ต่างชนิดขึ้นปะปน และจะพบไผ่ขึ้นปนมากมาย มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ เช่น แดง ตะแบกใหญ่ ประดู่ มะกอก ชิงชัน ฯลฯ พืชพื้นล่างที่สำคัญ เช่น ไผ่กาย โด่ไม่รู้ล่ม เป็นต้น ป่าผลัดใบเหล่านี้ในช่วงฤดูฝนไม้พื้นล่างจะผลิใบอ่อนเป็นแหล่งอาหารสำคัญของสัตว์กินพืช ได้แก่ ช้างป่า กระทิง วัวแดง กวางป่า และนกที่อาศัยพื้นที่นี้ ได้แก่ ไก่ป่า เหยี่ยวชิครา นกแขกเต้า นกหัวขวาน สัตว์เลื้อยคลานที่พบ ได้แก่ ตะกวด และแย้ เป็นต้น

ป่าดงดิบชื้น พบขึ้นอยู่ทั่วไปในพื้นที่ที่สูงจากระดับน้ำทะเล 400-1,000 เมตร 

ป่าดงดิบแล้ง จะพบขึ้นอยู่บนพื้นที่ค่อนข้างราบ ไม้ที่พบโดยทั่วไป ได้แก่ ยางนา ยางแดง เป็นต้น จากลักษณะเรือนยอดที่ต่อเนื่องกันนั้นจึงเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของชะนีมือขาว ชะนีมงกุฎ ค่างหงอก ลิงกัง พญากระรอกบินหูแดง และจากสภาพป่าที่มีความรกทึบเป็นที่หลบพักและซ่อนตัวของสัตว์ใหญ่ เช่น ช้างป่า กระทิง นกป่าที่หากินและดำเนินกิจกรรมอยู่ในพื้นที่ ได้แก่ ไก่ฟ้าพญาลอ ไก่ฟ้าหลังขาว นกมูม นกลุมพู นกเค้าเหยี่ยว นกเงือกกรามช้าง นกแก๊ก นกกก นกพญาปากกว้างสีดำ นกพญาปากกว้างหางยาว นกขุนแผนหัวแดง และนกขุนทอง สัตว์เลื้อยคลานที่พบ ได้แก่ ตะกวด เต่าใบไม้ เต่าเหลือง และตะกอง เป็นต้น

นอกจากนี้ อุทยานแห่งชาติทับลานยังมีป่าอีกชนิดหนึ่งซึ่งถือเป็นประเภทป่าผลัดใบ ป่าชนิดนี้ถูกเรียกว่า “ป่าลาน” สภาพจะเป็นป่าโปร่ง อีกทั้งบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติทับลาน ท้องที่ตำบลบุพราหมณ์ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี เป็นพื้นที่ที่มีลำต้นลานขึ้นกระจายในพื้นที่อย่างหนาแน่น จึงเป็นที่มาของชื่อป่าลานผืนสุดท้ายที่สมบูรณ์และสวยงามที่สุดของประเทศไทย

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : อุทยานแห่งชาติทับลาน – Thap Lan National Park, ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช