เทคนิคเลี้ยงปลานิลระบบปิด (ไบโอฟล็อค) ช่วยลดต้นทุน-แรงงานคน กำหนดมาตรฐานปลา ส่งร้านอาหารดัง

ปัจจุบันเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญที่เข้ามามีบทบาทในภาคการเกษตรแทบทุกวงการ ตั้งแต่ในเรื่องการปลูกพืช การเลี้ยงสัตว์ และรวมไปถึงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเช่นกัน สำหรับทางด้านสายประมง เทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ไม่เพียงเป็นเครื่องทุ่นแรงในการบริการจัดการเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงสัตว์น้ำให้มีคุณภาพ และเพิ่มความแม่นยำในทุกขั้นตอนการผลิต จนสามารถตรวจสอบย้อนกลับในทุกกระบวนการผลิตได้อย่างเป็นระบบระเบียบมากขึ้น 

คุณเสริมศักดิ์ พุ้ยมอม ผู้ก่อตั้งและเป็นประธานกรรมการ บจก.อเดคนิค เอ็นจีเนียริ่ง โซลูชั่น

 

คุณเสริมศักดิ์ พุ้ยมอม ผู้ก่อตั้งและเป็นประธานกรรมการ บจก.อเดคนิค เอ็นจีเนียริ่ง โซลูชั่น  ให้ข้อมูลว่า การริเริ่มสร้างแอปพลิเคชันเอื้ออำนวยต่อการเลี้ยงปลานิลระบบปิด เกิดจากในสมัยก่อนเห็นการเลี้ยงปลานิลแบบระบบเปิดนั้น จะเน้นการใช้ความชำนาญของเกษตรกรผู้เลี้ยงเป็นหลัก พร้อมทั้งการจดบันทึกข้อมูลไม่มีความเป็นระเบียบอย่างที่ควรจะเป็น เพราะอาจทำให้เมื่อผลผลิตในระหว่างนั้นเกิดปัญหา เกษตรกรเองจะไม่สามารถตรวจสอบย้อนกลับในการตรวจสอบข้อมูลของปัญหานั้นๆ 

 คุณเสริมศักดิ์และทีม จึงได้คิดค้นแพลตฟอร์มสำหรับการบันทึกแบบดิจิทัลขึ้นมา เป็นเว็บแอปที่ช่วยบันทึกข้อมูลต่างๆ ของการเลี้ยงปลานิล โดยในช่วงแรกทดลองระบบไปพร้อมกับการเลี้ยงปลาในระบบปิดเพื่อเรียนรู้ไปเรื่อยๆ จนประสบผลสำเร็จไปพร้อมๆ กัน 

“จากการพัฒนานวัตกรรมตัวนี้ขึ้นมา ถือว่าผมเป็นเอกชนรายแรกๆ ครับ ที่เลี้ยงปลานิลในระบบปิดประสบผลสำเร็จ จึงทำให้ผลผลิตอย่างปลานิลที่เลี้ยงด้วยระบบนี้ สามารถจำหน่ายได้ พร้อมกับทางทีมของผม ก็ยังสามารถขายโซลูชันที่เป็นหลังบ้านได้อีกช่องทาง” 

Advertisement

การเลี้ยงปลานิลไบโอฟล็อค (ระบบปิด)  

เนื้อปลาไม่คาว มีรสชาติสัมผัสที่ดี

Advertisement

สำหรับการเลี้ยงปลานิลในระบบไบโอฟล็อค (ระบบปิด) มีข้อดีอย่างไรนั้น คุณเสริมศักดิ์ เล่าว่า เมื่อเปรียบเทียบกับการเลี้ยงแบบระบบเปิดแล้ว ในเรื่องของเนื้อปลาที่เห็นได้ชัดคือปลาไม่มีความคาว และยังทำให้เนื้อปลาปลอดจากพยาธิ พร้อมทั้งช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า โดยเฉพาะตลาดที่สามารถกินแบบกึ่งสุกกึ่งดิบได้ คืออาหารที่เกี่ยวกับกินเป็นซาชิมิ      

นอกจากในเรื่องของเนื้อสัมผัสที่ดีแล้ว การบริหารจัดการก็สามารถทำได้ง่าย โดยเฉพาะปัจจุบันปัญหาเรื่องของแรงงานคนกำลังเป็นปัญหาใหญ่ เพราะฉะนั้นการเลี้ยงปลานิลแบบไบโอฟล็อค (ระบบปิด) หากมีจำนวนแรงงานที่น้อยเพียง 2 คน ก็ยังสามารถบริหารจัดการได้อย่างไม่ยุ่งยาก ส่วนในเรื่องของข้อเสีย คุณเสริมศักดิ์ บอกว่า การเลี้ยงด้วยระบบไบโอฟล็อค (ระบบปิด) จะมีการลงทุนสูงขึ้น ซึ่งการจำหน่ายปลานิลในแบบเดิมๆ อาจจะทำให้ได้ผลกำไรน้อยลง เพราะฉะนั้นเกษตรกรอาจจะต้องเปลี่ยนทิศทางการทำตลาดให้หลากหลายขึ้น   

“พอการเลี้ยงมีการปรับเปลี่ยนไป ระบบใหม่ๆ จะเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เพราะฉะนั้นการเลี้ยงด้วยระบบเก่าจะค่อยๆ หายไป โดยเฉพาะการเลี้ยงในระบบแม่น้ำธรรมชาติ ในอนาคตจะต้องค่อยๆ เริ่มหายไป ต่อมาคนก็จะเริ่มมาให้ความสนใจเลี้ยงในระบบปิดมากขึ้นครับ ก็จะช่วยให้การจำหน่ายได้ราคาที่สูงขึ้นในอนาคต มีแนวโน้มที่เป็นไปได้ ยกตัวอย่างง่ายๆ เหมือนช่วงนี้เรากำลังปรับเปลี่ยนจากรถที่ใช้น้ำมัน ไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า” 

การเลี้ยงแบบไบโอฟล็อค (ระบบปิด)  

เหมาะกับเกษตรกรที่ต้องการปรับเปลี่ยน 

การเลี้ยงด้วยระบบไบโอฟล็อค (ระบบปิด) นั้น คุณเสริมศักดิ์ บอกว่า ไม่ได้เหมาะเฉพาะเกษตรกรที่เลี้ยงปลานิลเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถใช้ได้กับเกษตรกรที่เลี้ยงปลาอื่นๆ ด้วย เป็นเกษตรกรที่พร้อมจะปรับเปลี่ยนเข้าสู่การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม เข้ามาใช้งานในภาคการเกษตรมากขึ้น

สำหรับการใช้งานระบบแพลตฟอร์มบริหารจัดการฟาร์มเลี้ยงปลาและกุ้ง (ADEQNIC IOT Platform) แอปพลิเคชันตัวนี้สามารถช่วยเกษตรกรจัดการบริหารได้อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ในเรื่องของการให้อาหาร การบันทึกอาการของโรค การบันทึกคุณภาพน้ำ โดยตัวแพลตฟอร์มสามารถช่วยเกษตรกรจัดการบริหารและจดบันทึกได้ทันที ซึ่งระบบแพลตฟอร์มสามารถใช้จดบันทึกการบริหารจัดการได้ ตั้งแต่การเลี้ยงปลาระบบเปิดไปจนถึงระบบปิด 

“การจดบันทึกอาหารลงในแพลตฟอร์ม จะช่วยให้เกษตรกรสามารถรับรู้หรือทราบในเรื่องของต้นทุนการให้อาหารได้เป็นอย่างดี อย่างที่ผ่านมาก็จะมีเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งเอาตัวนี้ไปใช้ เขาใช้งานในระบบตัวฟรีแบบไม่ได้เสียค่าใช้จ่าย ทำให้เขาสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงกุ้งของเขาได้แล้ว”

ADEQNIC IOT Platform แอปพลิเคชัน

สำหรับอนาคต เพื่อการเลี้ยงปลาแบบมีระบบ

การเลี้ยงปลานิลภายในฟาร์มของคุณเสริมศักดิ์นั้น นอกจากการเลี้ยงแบบไบโอฟล็อค (ระบบปิด) แล้ว ยังมีในเรื่องของการเลี้ยงที่ใช้ระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วย ตั้งแต่การให้อาหารปลาแบบอัตโนมัติ (Automatic Fish Feeder) เพื่อทำการวิเคราะห์ด้วยเสียงที่ปลากินอาหาร ว่ากินอาหารได้ดีหรือไม่ดี จะช่วยให้สามารถรับรู้และเพิ่มอัตราการเจริญเติบโตของปลาได้ดี เพราะถ้าให้อาหารที่ตรงตามความต้องการของปลา จะยิ่งช่วยลดของเสียที่จะเกิดขึ้นภายในบ่อได้เป็นอย่างดี 

ในขั้นตอนการเลี้ยงปลาแบบระบบปิด คุณเสริมศักดิ์ เล่าให้ฟังว่า การเลี้ยงในบ่อผ้าใบปริมาตรน้ำประมาณ 1,000 ลิตร ตามระบบไบโอฟล็อค (ระบบปิด) จะปล่อยปลาเลี้ยงความหนาแน่นอยู่ที่ประมาณ 40 กิโลกรัมต่อน้ำ อยู่ที่น้ำ 1 ตัน หรือปลานิลประมาณ 5,000-10,000 ตัวต่อบ่อ และเมื่อเลี้ยงไปเรื่อยๆ เห็นปลามีจำนวนที่ใหญ่ขึ้น จึงทำการย้ายปลามาเลี้ยงในบ่อใหม่ทันที ต้องผ่านการย้ายลงเลี้ยงบ่อใหม่ประมาณ 3 ครั้ง ซึ่งกว่าจะส่งปลานิลจำหน่ายได้นั้น ใช้เวลาหลายเดือนเช่นกัน 

“หากเลี้ยงจนปลาได้อายุ 6 เดือน ขนาดไซซ์ปลาจะอยู่ที่ 3 ตัวต่อกิโลกรัม ซึ่งไซซ์นี้จะทำให้ได้ราคาไม่ดีครับ อย่างตลาดแถวบ้านผม ถ้าเป็นปลาไซซ์นี้ จะเน้นไปทำการแปรรูปเป็นพวกปลาร้าเป็นหลัก และถ้าเอาไปทำเบอร์เกอร์เนื้อมันไม่เยอะ ซึ่งปกติแล้วที่ฟาร์มผมก็จะเลี้ยงอยู่ที่ประมาณ 9 เดือนไปจนถึง 1 ปี น้ำหนักปลานิลที่ได้ก็จะอยู่ที่ประมาณ 800 กรัม ถึง 2 กิโลกรัม จะได้ไซซ์ตามที่ตลาดต้องการส่งขายครับ”

ปลานิลที่เลี้ยงในระบบไบโอฟล็อค

สามารถทำตลาดได้หลากหลาย 

สำหรับการทำตลาดจำหน่ายปลานิลที่เลี้ยงในระบบไบโอฟล็อคนั้น คุณเสริมศักดิ์ บอกว่า เนื่องจากต้นทุนการเลี้ยงอยู่ที่ประมาณ 70 บาทต่อกิโลกรัม การส่งจำหน่ายจะบวกเพิ่มไปอีก 20-30 บาท โดยจำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละ 90-100 บาท ซึ่งราคาจะแพงกว่าปลานิลที่เลี้ยงด้วยระบบอื่นๆ ที่บวกเพิ่มจากต้นทุนประมาณ 5 บาทต่อกิโลกรัม 

โดยเนื้อสัมผัสของปลานิลที่เลี้ยงด้วยระบบไบโอฟล็อค (ระบบปิด) สิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์เลยคือในเรื่องของเนื้อปลาไม่มีความคาว ซึ่งก่อนขายจะทำการรีดเลือดส่งร้านอาหาร เพื่อบริโภคแบบกินดิบเป็นหลัก ส่วนการนำไปแปรรูปเป็นเบอร์เกอร์นั้นก็สามารถทำได้ ตามการสั่งซื้อที่ลูกค้าต้องการ 

“ในอนาคตผมก็จะทำการพัฒนาการเลี้ยงต่อไป โดยจะหาปลาเศรษฐกิจตัวใหม่ๆ เข้ามาเลี้ยงในระบบนี้ พร้อมกับพัฒนาระบบเดิมที่มีอยู่มาเลี้ยงด้วยระบบอัตโนมัติทั้งหมด สำหรับท่านใดที่สนใจการเลี้ยงปลาในระบบนี้ หรือต้องการใช้ระบบ ADEQNIC IOT Platform สามารถเข้ามาใช้ระบบนี้ช่วยในการเลี้ยงได้ เพียงมีมือถือเพียงเครื่องเดียว ก็สามารถจัดการระบบให้ได้ทั้งหมดเลยครับ”    

การจะเลี้ยงปลานิลและปลาเศรษฐกิจอื่นๆ ให้ประสบผลสำเร็จได้ คุณเสริมศักดิ์ กล่าวเสริมทิ้งท้ายว่า สิ่งแรกที่ต้องจัดการและหาให้ได้ก่อนคือเรื่องของการหาตลาด แต่ถ้าเป็นผู้สนใจรายใหม่จริงๆ ต้องศึกษาข้อมูลในเรื่องของการเลี้ยงให้ประสบผลสำเร็จมากขึ้น จากนั้นจึงค่อยๆ นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วย จะทำให้การเลี้ยงปลาเศรษฐกิจมีรายได้ยั่งยืนอย่างแน่นอน

หากมีคำถามหรือสนใจระบบ ADEQNIC IOT Platform และการเลี้ยงด้วยระบบไบโอฟล็อค (ระบบปิด) สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณเสริมศักดิ์ พุ้ยมอม หมายเลขโทรศัพท์ 088-995-5899

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ.2567