“พ่อคำเดื่อง ภาษี” ใช้เศรษฐกิจพอเพียง เปลี่ยนชีวิต สร้างอาชีพ แก้จนอย่างยั่งยืน

“จน เครียด กินเหล้า” เป็นช่วงต่ำสุดของชีวิต พ่อคำเดื่อง ภาษี ปราชญ์ชาวบ้านแห่งจังหวัดบุรีรัมย์ สุดยอดคนเกษตรแห่งแดนอีสาน ในอดีต พ่อคำเดื่องปลูกพืชเชิงเดี่ยวอย่างปอ มันสำปะหลัง ถั่วลิสง อ้อย ยาสูบ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แต่ยิ่งทำมากเท่าไหร่ยิ่งเป็นหนี้เป็นสินมากขึ้นเท่านั้น เพราะเครียดจากความล้มเหลวทางการเกษตร จึงหันหน้าไปหาเหล้ายาจนชีวิตเกือบพังไม่เป็นท่า

โชคดีพ่อคำเดื่องได้สติยั้งคิดว่านี่ไม่ใช่ทางออกของปัญหา หันมาเรียนรู้การพึ่งพาตัวเองโดยนำหลักเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 มาปรับใช้ในชีวิต ยึดหลักความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ออมน้ำ ออมดิน ออมต้นไม้ ให้สภาพแวดล้อมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก ขุดบ่อเลี้ยงปลา ปลูกพันธุ์ไม้นับหมื่นต้นพลิกฟื้นผืนดินให้อุดมสมบูรณ์ เติบโตอย่างมั่นคงในวิถีเกษตรกรรมธรรมชาติ จนสามารถปลดหนี้สินได้ภายใน 4 ปี

ยึดหลักวิถีเกษตรกรรมธรรมชาติ

พ่อคำเดื่องค้นพบวิถีทางที่คนและสัตว์อยู่ร่วมกันโดยไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมี เพราะธรรมชาติได้จัดสรรให้แมลงศัตรูพืชแต่ละชนิดทำลายกันเองอยู่แล้ว ซากพืชและฟางคือสิ่งที่ธรรมชาติสร้างมาเพื่อรักษาดิน พ่อคำเดื่องปลูกข้าวโดยไม่ใส่ปุ๋ย ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ไม่กำจัดวัชพืช แต่ได้ผลผลิตดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีรายได้สูงขึ้น

พ่อคำเดื่องทำนาแบบธรรมชาติ เริ่มจากใส่แกลบลงไป ไถหน้าดินให้ร่วนซุยก่อนจึงค่อยหว่านถั่วลงไป หลังต้นถั่วโต 1 ศอก ค่อยหว่านข้าวทับลงไปโดยไม่ต้องไถอีก เมล็ดข้าวที่หว่านต้องเคลือบด้วยดินเหนียว โดยดินเหนียวแต่ละก้อนจะมีเมล็ดข้าวติดอยู่ 2-3 เมล็ด นา 1 งาน จะใช้พันธุ์ข้าว 6 กิโลกรัม หลังจากฝนตก ต้นข้าวงอกสูงเลยต้นถั่ว ค่อยปล่อยน้ำเข้านา 2 วัน ให้ระดับน้ำสูง 2 เซนติเมตร เพื่อชะลอการเจริญเติบโตของถั่ว จากนั้นไขน้ำออก ต้นข้าวเติบโตงอกงาม ขณะที่หญ้าถูกคลุมอยู่ใต้ฟางข้าว ทั้งหญ้าและต้นถั่วจะกลายเป็นปุ๋ย ไส้เดือนทำหน้าที่พรวนดิน ต้นข้าวเติบโตแข็งแรง ไม่แพ้นาข้าวที่ปลูกด้วยวิธีปักดำและใส่ปุ๋ยเคมี การปลูกข้าวแบบธรรมชาติ สามารถลดต้นทุนการผลิตได้มาก แถมให้ผลผลิตต่อไร่สูง ไม่แตกต่างกับการทำนาที่ใช้สารเคมี

ปลูกต้นไม้ทุกวัน..ให้ชีวิตร่ำรวยธรรมชาติ

พ่อคำเดื่องเข้าใจวัฏจักรของพืชและธรรมชาติ ทำเกษตรโดยใช้ต้นทุนธรรมชาติที่มีอยู่ คือ “ทรัพย์ในดิน สินในน้ำ” เช่นเดียวกับคนรุ่นปู่ ย่า ตา ยาย สมัยก่อนเวลากินผลไม้ที่มีเมล็ด เช่น มะม่วง จะนำเมล็ดมะม่วงไปปลูกเพื่อเป็นแหล่งอาหารส่งต่อให้ลูกหลานของตัวเอง

Advertisement

หากเหลือเวลาอยู่ในโลกใบนี้ 3 นาที พ่อคำเดื่องตั้งใจปลูกต้นไม้ก่อนตาย เพราะต้นไม้ที่ปลูกจะช่วยลดปัญหาโลกร้อน และทำหน้าที่กรองอากาศให้กับผู้คนทั่วโลก การปลูกต้นไม้ คือสร้างโอกาส การปลูกต้นไม้ไม่ใช่เรื่องเสียเวลา แต่ได้เวลากลับมา ผู้คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจเรื่องนี้ เพราะไม่เห็นความสำคัญของเวลา  หากปลูกต้นสัก 20 ต้น ราคาต้นละ 20 บาท ใช้เวลาปลูกไม่เกิน 1 ชั่วโมง ผ่านไป 20 ปี สามารถนำต้นสักไปปลูกบ้านได้ 1 หลัง โดยใช้เงินทุนค่าไม้สักแค่ 400 บาทเท่านั้น การพึ่งพาตัวเองด้วยการปลูกป่า ช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมให้มั่นคงและยั่งยืน รัฐบาลควรส่งเสริมให้คนไทยปลูกไม้สักคนละ 20 ต้น จะมีบ้านไม้สักอยู่อาศัยในอนาคต

Advertisement

พ่อคำเดื่องสร้างอาณาจักรแห่งความสุข โดยเริ่มต้นที่ตัวเอง สร้างเมืองที่ป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากศัตรู โดยปลูกแนวไผ่เป็นรั้วรอบเชิงเทิน เวลาศัตรูบุกเข้ามา คือ ลมพัดแรงๆ ก็จะเจอแนวไผ่ปะทะไว้ ถัดเข้ามาเป็นร่องน้ำ เลี้ยงกุ้งหอยปูปลาอยู่เต็มไปหมด เปรียบเสมือนอาวุธยุทโธปกรณ์ ถัดมามีพริก มะเขือ พืชผักต่างๆ ไก่บ้าน ปลาในบ่อ เป็นพลทหาร จะระดมพลออกรบเมื่อไหร่ก็ได้ มีพืชสมุนไพรผักพื้นบ้านเป็นยา ใช้รักษายามเจ็บไข้ มีลูกยอ กล้วย เป็นนายสิบ มีไผ่เป็นนายร้อย มียางนา ตะเคียนทอง เป็นนายพันนายพล มีเจ้าของสวนเป็นจอมทัพ สะสมกำลังอยู่ในพื้นที่เล็กๆ เพียงหนึ่งไร่ ไม่ต้องหวังร่ำรวย เอาแค่พออยู่พอกิน สร้างทรัพย์สินทางปัญญาเป็นมรดกให้ลูกหลาน ทำอย่างนี้ จะนำพาชีวิตครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติไปสู่ชัยชนะได้

สภาพดินร่วนซุย
พ่อคำเดื่องกับต้นตะเคียนทอง

ทุกวันนี้ พ่อคำเดื่องเปิดบ้านเป็นศูนย์เรียนรู้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อนำไปสู่การพึ่งพาตนเอง มีการสร้างเครือข่ายในรูปแบบกองทุนหมู กองทุนเลี้ยงกบ เลี้ยงปลา กลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มเพาะเห็ด กลุ่มเยาวชน ซึ่งเป็นเครือข่ายสร้างสังคมคุณธรรมที่มีความพอเพียงอย่างเป็นระบบ ในนามเครือข่ายปราชญ์ชาวบ้านที่มีทั้งคณะกรรมการบริหารและคณะกรรมการขับเคลื่อนบุรีรัมย์ไปสู่เมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก และสร้างประเทศไทยให้กลายเป็นพื้นที่ที่มีความอยู่เย็นเป็นสุข เพื่อส่งต่อทรัพยากรนี้ไปยังคนรุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป ผู้สนใจสามารถแวะไปเรียนรู้วิถีเกษตรธรรมชาติกับพ่อคำเดื่อง ได้ที่ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านพ่อคำเดื่อง ภาษี บ้านโนนเขวา ตำบลหัวฝ่าย กิ่งอำเภอแคนดง จังหวัดบุรีรัมย์ โทร. 081-876-5906

ต้นยางนาต้นแรกที่ปลูก อายุ 35 ปี