เผยแพร่ |
---|
นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่าได้สั่งการให้สารวัตรเกษตร สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตรทุกพื้นที่ออกตรวจติดตามร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์เคมีเกษตรและปุ๋ยเพื่อป้องกันการลักลอบจำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐานให้กับเกษตรกรและประชาชนทั่วไปตามข้อสั่งการของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่กำชับให้ทุกฝ่ายปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน หากพบผิดให้ดำเนินคดีตามกฎหมายทันที เนื่องจากขณะนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูเพาะปลูกทำให้มีความต้องการใช้สินค้ากลุ่มดังกล่าวสูง โดยเฉพาะช่องทางการขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ที่ปัจจุบันได้รับความนิยมมากประชาชนเข้าถึงได้ง่ายแต่เสี่ยงที่ผู้บริโภคอาจได้สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ได้รับการอนุญาตจากกรมวิชาการเกษตร ซึ่งหากพบร้านค้าใดมีพฤติกรรมดังกล่าวประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน 1174 รวมถึงเครือข่ายสารวัตรเกษตรอาสาซึ่งเป็นกำลังสำคัญของกรมวิชาการเกษตร
“ ขอให้เกษตรกรเลือกร้านที่มีเครื่องหมายQ-Shop ซึ่งเป็นเครื่องหมายที่กรมได้มอบให้ร้านที่ได้มาตรฐานหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการร้านจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพ พ.ศ. 2565 ซึ่งกรมได้กระจายอำนาจการอนุมัติร้านเกษตรคุณภาพ ให้สำนักวิจัยและพัฒนาและการเกษตรเขตที่ 1-8 สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร และ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรจังหวัดในพื้นที่ มีอำนาจในการรับขึ้นทะเบียนและอนุมัติตามหลักเกณฑ์ที่ประกาศทั้งนี้เพื่อให้ผลผลิตทางการเกษตรเป็นสินค้าเกษตรปลอดภัยสอดคล้องกับนโยบายการเป็นศูนย์กลางการเกษตรและอาหารของโลก ”นายรพีภัทร์กล่าว

สำหรับในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.67ที่ผ่านมากรมวิชาการเกษตรได้รับแจ้งและสามารถเข้าจับกุมดำเนินคดีได้หลายรายในหลายพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลางเช่นจังหวัดนครปฐม จังหวัดสุพรรณบุรีเป็นต้นเพราะเป็นแหล่งปลูกพืชเกษตรที่สำคัญ ดังนั้นขอประชาชนระมัดระวัง โดยขอให้ซื้อร้านค้าที่ไว้ใจได้และมีหนังสืออนุญาตจำหน่ายสินค้ากลุ่มดังกล่าว
ทั้งนี้กรมวิชาการเกษตรฝากเตือนประชาชนว่า การผลิตและจำหน่ายปุ๋ยไม่ได้มาตรฐาน จะมีความผิดตามพรบ.ปุ๋ยพ.ศ. 2518 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ. 2550 โดยกรณีผลิตปุ๋ยเคมีไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 12 ต้องระวางโทษตามมาตรา 57 จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีผลิตปุ๋ยที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่ไม่ขึ้นทะเบียน มีความผิดตามมาตรา30 (5)ต้องระวางโทษตามมาตรา 71 จำคุก 1 ปีถึง 5ปีและปรับตั้งแต่ 40,000 ถึง 200,000 บาท
สำหรับเครือข่ายสารวัตรเกษตรอาสานั้นกรมได้มีการดำเนินการอบรมให้ความรู้ในด้าน1.กฎหมายของกรมเพื่อตรวจสอบว่าสินค้าได้มีการอนุญาตถูกต้องหรือไม่ 2.หลักวิธีการเลือกซื้อ 3.การเลือกซื้อจากร้านคุณภาพ 4.การตรวจสอบสินค้าผ่านระบบแอปพิเคชันของกรมวิชาการเกษตรว่าปลอมหรือไม่ และ 5.ไม่ซื้อสินค้าจากรถเร่ที่อาจเสี่ยงกับสินค้าที่ตกมาตรฐาน