พลิกโฉมวงการเห็ด!!! เห็ดมิลกี้ ดอกใหญ่ รสเลิศ ขายได้ราคาสูง

การทำเกษตรในพื้นที่น้อยปัจจุบันกำลังได้รับนิยมมากขึ้น เพราะนอกจากจะควบคุมในเรื่องคุณภาพของผลผลิตได้แล้ว ยังทำให้สามารถจำหน่ายได้ราคาสูงตามไปด้วย ซึ่งการทำเกษตรในลักษณะนี้สามารถทำได้หลากหลาย ตั้งแต่ในเรื่องของการปลูกพืชไปจนถึงการเพาะเห็ดที่เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ อย่างเช่น เห็ดมิลกี้ เห็ดที่มีขนาดใหญ่เป็นสายพันธุ์มาจากประเทศอินเดีย มีลักษณะดอกใหญ่และเนื้อของเห็ดมีเนื้อที่แน่น เมื่อนำมาประกอบอาหารได้รสชาติที่ดี มีความอร่อยให้เนื้อสัมผัสคล้ายกับเนื้อสัตว์ ซึ่งผู้ที่ไม่ชื่นชอบการกินเห็ดสามารถกินได้ นอกจากนี้ เห็ดมิลกี้ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีเส้นใยและไฟเบอร์สูง

คุณนัท-กิตติพงศ์ กีรติเตชะนันท์ (Mushroom man) เล็งเห็นช่องทางการสร้างรายได้จากการเพาะเห็ดมิลกี้ จึงใช้พื้นที่ภายในบ้านขนาด 6×4 เมตร มาเพาะเห็ดมิลกี้ที่ได้คุณภาพ ส่งขายให้กับร้านอาหารที่นำไปทำเมนูต่างๆ ได้ในราคาสูง

คุณนัท-กิตติพงศ์ กีรติเตชะนันท์ (Mushroom man)

วิศวกรผู้สนใจงานเกษตร

คือการเพาะเลี้ยงเห็ดมิลกี้”

คุณนัท เล่าว่า เดิมทีเป็นวิศวกรประจำอยู่ที่โรงงาน ต่อมาเริ่มรู้สึกว่าอยากค้นหาตัวเองมากขึ้น จึงทำให้อยากเปลี่ยนวิถีการทำงานมาสู่ความยั่งยืน และสามารถมีความสุขอยู่กับบ้านได้ด้วยเช่นกัน จึงมองอาชีพทางการเกษตรทำเงิน โดยมองย้อนมายังบริเวณบ้าน ว่าพื้นที่ประกอบด้วยอะไรบ้างจะสามารถทำการเกษตรได้หรือไม่ เพราะพื้นที่มีจำนวนน้อย ควรจะทำเกษตรอะไรให้เกิดรายได้สูงสุด จากการลงทุนด้วยจำนวนเงินไม่มาก 

Advertisement

 

“สมัยก่อนผมมองว่า การทำเกษตรต้องมีพื้นที่เยอะถึงจะทำเกษตรได้ เลยกลับมาคิดว่าถ้ามีพื้นที่น้อยจะทำได้ไหม ก็ได้แนวคิดว่าจะปลูกอะไรดี ซึ่งตัวผมเองสนใจการเพาะพันธุ์เห็ด จากนั้นผมก็เข้าไปศึกษาอยู่หลายฟาร์มว่าเห็ดแบบไหนเหมาะกับพื้นที่บ้านผม จึงได้คำตอบว่าน่าทดลองเพาะเห็ดมิลกี้ ตอนนี้ก็ทำมาได้น่าจะประมาณ 8 ปีแล้วครับ” 

Advertisement

เห็ดมิลกี้ รสชาติอร่อย 

มีคุณประโยชน์หลากหลาย 

สำหรับข้อดีและคุณค่าทางโภชนาการของเห็ดมิลกี้ที่มีนั้น คุณนัท บอกว่า สาเหตุที่เลือกเพาะเห็ดมิลกี้ขายนั้น เห็ดมีสีขาวที่มองดูด้วยตาเปล่าแล้วมีความสะอาดสบายตา และเมื่อนำมาประกอบอาหารเนื้อสัมผัสของเห็ดชนิดนี้ให้รสสัมผัสคล้ายกับเนื้อไก่เนื้อหมึก และเมื่อปรุงสุกเห็ดมิลกี้ไม่ค่อยมีกลิ่น จึงค่อนข้างตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ไม่ชอบกินเห็ดที่มีกลิ่นแรง 

“เห็ดมิลกี้ต้องบอกเลยว่ากลิ่นไม่แรง จึงทำให้คนที่ไม่ชอบการกินเห็ดสามารถกินได้ และในตัวเห็ดเองยังมีพรีไบโอติกอยู่ด้วย ส่วนในด้านของคุณค่าทางอาหาร เห็ดมิลกี้จะมีโปรตีนสูงถึง 15 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักแห้ง ถือว่าเป็นเห็ดที่มีโปรตีนสูงระดับต้นๆ ของโลก และที่พิเศษเลยการเพาะเลี้ยงไม่ต้องใช้น้ำเลยครับ ผมจึงมองว่าเห็ดตัวนี้น่าจะเหมาะกับการทำรายได้ เป็นเกษตรพื้นที่น้อยบริเวณบ้านของผม ช่วยให้ลดต้นทุนการผลิตได้ครับ”

ใช้พื้นที่ห้องขนาด 6×4 เมตร 

เพาะเห็ดมิลกี้ สร้างรายได้สูง 

การเพาะเห็ดมิลกี้ขนาดพื้นที่ไม่ใช่ปัญหา คุณนัทจะใช้พื้นที่ว่างหรือห้องที่อยู่ในตัวบริเวณบ้านขนาด 6×4 เมตร พร้อมกับมีชั้นวางเห็ดอยู่ภายในห้อง ซึ่งเห็ดมิลกี้ค่อนข้างดูแลง่ายเมื่อเทียบกับเห็ดชนิดอื่นๆ เพราะไม่ต้องรดน้ำทุกวัน ใช้เวลาเพียง 25-30 วัน ก็จะให้ดอกที่ใหญ่ส่งขายได้ 

สำหรับการทำก้อนเชื้อเห็ดมิลกี้ คุณนัท เผยขั้นตอนว่า จะทำการหมักจุลินทรีย์สำหรับทำก้อนเชื้อไว้ภายในถังเสียก่อน จากนั้นนำฟางลงมาแช่ในน้ำจุลินทรีย์ที่หมักไว้ประมาณ 1 คืน ซึ่งฟางควรเป็นฟางใหม่ที่ไม่เน่าหรือเก่าจนเกินไป เมื่อครบกำหนดทำการนำฟางขึ้นมาวางไว้และปล่อยให้แห้งประมาณ 3 ชั่วโมง แล้วจึงนำฟางมาใช้ทำก้อนเชื้อเห็ดในขั้นตอนต่อไป

“จุลินทรีย์ที่นำมาหมัก เป็นจุลินทรีย์ที่มาจากในป่า และผมก็เอามาเพาะขยายพันธุ์อีกทีหนึ่ง พอฟางที่นำไปหมักอมน้ำจุลินทรีย์ได้พอสมควร จากนั้นผมก็จะเอาฟางที่ผ่านการหมักมาใส่เชื้อเห็ด และนำฟางมาใส่ถุงขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 14-18 นิ้ว และความสูงของถุงไม่เกิน 6 นิ้ว จากนั้นมัดถุง พร้อมกับเจาะรูให้รอบถุง เพื่อให้ระบายความชื้นผ่านรู จากนั้นนำก้อนเห็ดมิลกี้ที่ทำไปวางไว้บนชั้นในห้องมืดที่เตรียมไว้ครับ” 

ใช้เวลาประมาณ 30 วัน หลังทำก้อนเชื้อ 

เห็ดมิลกี้จะให้ดอกใหญ่และมีน้ำหนักดี 

หลังจากวางก้อนเชื้อเห็ดมิลกี้ไว้บนชั้นประมาณ 20 วัน คุณนัท บอกว่า เชื้อเห็ดที่ทำไว้จะเดินเต็มถุง จากนั้นนำก้อนเห็ดออกมาทำการแกล้งเห็ด เพื่อเป็นการกำหนดขนาดดอกและจำนวนดอก โดยเปิดปากถุงออกและใช้มูลไส้เดือนที่ผ่านการผสมน้ำเปียกหมาดๆ แปะทับลงไปข้างบนก้อนเชื้อเห็ด หลังจากนั้นปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 14 วัน ด้านบนถุงจะเริ่มเห็นตุ่มเล็กๆ และแทงช่อดอกออกมา

“พอเปิดปากถุงออกและนำมูลไส้เดือนมาทับข้างบนไว้ มันเป็นการแกล้งให้เห็ดเห็นว่ามันกำลังจากขาดน้ำ จากนั้นมันก็จะเริ่มทำการออกดอก แต่มูลไส้เดือนที่ผ่านการแช่น้ำลงไป มันจะช่วยให้เห็ดรู้สึกไม่ช็อก และมูลไส้เดือนมีค่าความเป็นกลาง พอเรามาทำการแกล้งเห็ด มันจึงทำให้เห็ดไม่ตาย และก็ไม่เกิดเชื้อรากับก้อนเห็ดด้วยครับ” 

 โดยก้อนเชื้อเห็ดขนาด 14 นิ้ว จะให้เห็ดต่อก้อนอยู่ที่ประมาณ 200-300 กรัม (กรณีเพาะแบบไม่ให้น้ำ) และถุงขนาด 18-20 นิ้ว จะให้ดอกเห็ดมิลกี้น้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 500 กรัม (กรณีเพาะแบบไม่ให้น้ำ) ส่วนขนาดของดอกเห็ดมิลกี้จะมีจำนวนมากหรือจำนวนน้อยนั้น คุณนัทสามารถกำหนดได้ ในช่วงที่นำดินมูลไส้เดือนมาแป๊ะหน้าก้อนเชื้อตอนเปิดปากถุง จะให้เห็ดออกมาดอกเล็กหรือดอกใหญ่สามารถกำหนดได้เลยในขั้นตอนนี้ 

น้ำหนักเห็ดมิลกี้ 100-200 กรัม

ตลาดนิยม ขายได้ราคาสูง 

สำหรับการทำตลาดเพื่อขายเห็ดมิลกี้นั้น คุณนัท บอกว่า ใน 1 ก้อนเชื้อเห็ดจะบังคับให้ออกดอกประมาณ 2-3 ดอก หรือถ้าต้องการให้มีน้ำหนักมากกว่า 200 กรัม ก็จะบังคับให้ออกดอกก้อนละ 1 ดอกเท่านั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า ซึ่งคุณนัทก็สามารถบังคับและกำหนดขนาดได้ตามที่ลูกค้าต้องการ 

โดยแผนการผลิตเพื่อให้มีเห็ดออกขายได้ทุกวัน คุณนัทจะวางแผนการทำก้อนเชื้อให้เห็ดออกในแต่ละวันไม่พร้อมกัน จึงทำให้ลูกค้ารวมไปถึงร้านอาหารมีวัตถุดิบที่สดใหม่อยู่เสมอ และยังช่วยให้รสชาติของเห็ดมิลกี้มีเนื้อสัมผัสที่อร่อยตามมา

“เนื่องจากผมทำเกษตรพื้นที่น้อย การเพาะเห็ดมิลกี้ของผมจะเน้นไปในเรื่องของคุณภาพ มากกว่าที่จะเพาะให้ได้ปริมาณมากๆ โดยการขายปลีกที่ผมขายอยู่ตอนนี้ 100 กรัม ราคาอยู่ที่ 100 บาท อนาคตผมก็จะต่อยอดไปเรื่อยๆ โดยจะให้คนในพื้นที่รู้จักเห็ดชนิดนี้มากกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อที่อนาคตจะสามารถต่อยอดสร้างรายได้ให้กับผู้สนใจท่านอื่นๆ ในพื้นที่ได้”    

ข้อควรระวังของการเพาะเห็ดมิลกี้      

คุณนัทได้ย้ำข้อระวังของการเพาะเห็ดมิลกี้ว่า การเพาะเห็ดชนิดนี้ไม่ควรให้ก้อนเชื้อโดนน้ำและสิ่งสกปรก สมมุติมือไม่สะอาดและไปจับโดนดอกเห็ด จะทำให้ดอกเห็ดออกมาเหลืองและทำให้รสชาติของเห็ดออกมาขม ส่งผลให้เมื่อนำไปประกอบอาหารจะทำให้เสียรสชาติ พร้อมทั้งอายุของเห็ดต้องมีความเหมาะสมในการนำไปกิน ก็จะช่วยให้ได้รสชาติที่ดีตามไปด้วย

“สินค้าที่ผมทำตอนนี้ ก็จะมีเห็ดย่าง พิซซ่าหน้าเห็ด เพื่อให้ลูกค้าได้ชิมรสชาติ ในอนาคตผมก็อยากจะให้เห็ดตัวนี้เป็นของขึ้นชื่อ หรือสินค้าเศรษฐกิจตัวใหม่ของหัวหินต่อไป สำหรับคนสนใจที่อยากจะปลูก ผมก็อยากจะให้มองในเรื่องของตลาด และศึกษาให้รู้จริงในสิ่งที่เราทำ จากนั้นสิ่งเหล่านี้มันจะช่วยต่อยอดและสร้างรายได้ที่มั่นคงได้ครับ”

                 

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ คุณนัท-กิตติพงศ์ กีรติเตชะนันท์ ฟาร์มตั้งอยู่หมู่บ้านหนองแก ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 092- 638-4999