ที่มา | เทคโนโลยีการเกษตร |
---|---|
ผู้เขียน | สาวบางแค 22 |
เผยแพร่ |
มะขามเปรี้ยวยักษ์ เป็นสินค้าเกษตรทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะเป็นผลไม้เขตร้อนที่เติบโตได้ดีในบริเวณพื้นที่ราบจนถึงบนภูเขาสูง ปลูกได้ทุกสภาพดิน ทนแล้ง ให้ผลดก ฝักใหญ่เนื้อหนา น้ำหนักดี รสเปรี้ยวสูง ขายดีทั้งมะขามฝักสดและมะขามเปียก แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย เช่น มะขามแช่อิ่ม มะขามลอยแก้ว มะขามกวน สบู่อาบน้ำ และเครื่องสำอาง ฯลฯ
ในช่วงวันสถาปนา ครบรอบ 80 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เปิดตัวมะขามเปรี้ยวลูกผสมในชื่อ “KU 80” จำนวน 3 สายพันธุ์ เรียกว่า KU 80-1 KU 80-2 และ KU 80-3 ของทีมนักวิชาการสถานีวิจัยปากช่อง ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ภายใต้การนำของ อาจารย์เรืองศักดิ์ กมขุนทด นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ ที่ใช้เวลาในการปรับปรุงพันธุ์ยาวนานถึง 30 ปี
ซึ่งมะขามเปรี้ยวลูกผสม KU 80- แต่ละสายพันธุ์มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ได้แก่
มะขามเปรี้ยวลูกผสมพันธุ์ KU 80-1 เป็นลูกผสมระหว่างพันธุ์ดกกิ่งหัก กับพันธุ์ปากช่อง 1 ลักษณะฝักตรง น้ำหนักเฉลี่ย 54.40 กรัมต่อฝัก ความกว้างฝัก 3.59 เซนติเมตร ความยาวฝัก 22.20 เซนติเมตร ความหนาฝัก 2.4 เซนติเมตร เนื้อฝักสุกสีน้ำตาลเข้ม น้ำหนักเนื้อ 25.90 กรัมต่อฝัก มีความฉ่ำเนื้อ เปอร์เซ็นต์กรดต่ำ 12.70% เมล็ดสีน้ำตาลคล้ำจำนวนเฉลี่ย 9.90 เมล็ดต่อฝัก ลักษณะยอดอ่อนมีสีน้ำตาลอ่อนๆ
มะขามเปรี้ยวลูกผสมพันธุ์ KU 80-2 เป็นลูกผสมระหว่างพันธุ์ดกกิ่งหัก กับพันธุ์ปากช่อง 1 มีลักษณะดีเด่นคือ ฝักตรงหรือฝักดิ่ง ฝักใหญ่น้ำหนักเฉลี่ย 45.60 กรัมต่อฝัก ความกว้างฝัก 3.42 เซนติเมตร ความยาวฝัก 21.36 เซนติเมตร ความหนาฝัก 2.5 เซนติเมตร เนื้อฝักสุกสีน้ำตาลแดง น้ำหนักเนื้อ 24.40 กรัมต่อฝัก มีความฉ่ำเนื้อ เปอร์เซ็นต์กรดต่ำ 10.50% เมล็ดสีน้ำตาลคล้ำ จำนวนเฉลี่ย 9 เมล็ดต่อฝัก ลักษณะยอดอ่อนมีสีน้ำตาลอ่อนๆ
มะขามเปรี้ยวลูกผสมพันธุ์ KU 80-3 เป็นลูกผสมระหว่างพันธุ์สระแก้ว กับพันธุ์ดกกิ่งหัก มีลักษณะดีเด่นคือ ฝักดาบโค้งเล็กน้อย ฝักใหญ่น้ำหนักเฉลี่ย 49.20 กรัมต่อฝัก ความกว้างฝัก 3.79 เซนติเมตร ความยาวฝัก 18.73 เซนติเมตร ความหนาฝัก 2.25 เซนติเมตร เนื้อฝักสุกสีน้ำตาล น้ำหนักเนื้อ 28.20 กรัมต่อฝัก มีความฉ่ำเนื้อ เปอร์เซ็นต์กรดต่ำ 8.50% เมล็ดสีน้ำตาลคล้ำจำนวนเฉลี่ย 9.9 เมล็ดต่อฝัก ลักษณะยอดอ่อนมีสีเขียว
เก็บขายได้ทั้งฝักอ่อน
ฝักแก่ ฝักสุกในต้นเดียว
อาจารย์เรืองศักดิ์ กล่าวว่า การปลูกดูแลมะขามเปรี้ยวให้ได้ผลผลิตที่ดี เป็นเรื่องที่ง่ายมาก โดยปลูกในระยะห่าง 8×8 เมตร เป็นอย่างน้อย 1 ไร่ ปลูกได้ 25 ต้น ปีแรก ดูแลอย่าให้ขาดน้ำ ดูแลพิถีพิถันในช่วงปีแรกเท่านั้น ปีที่สองขึ้นไปสามารถปล่อยให้ต้นมะขามเติบโตตามธรรมชาติได้ มะขามเติบโตไว เริ่มให้ฝักเมื่ออายุ 3 ปี ยิ่งอายุมากเท่าไหร่ ยิ่งให้ผลผลิตเพิ่มปีละเท่าตัว
มะขามต้องการปุ๋ยเพื่อบำรุงดอก ส่วนมากเกษตรกรจะใช้ตัวกลางสูง อัตราที่ใช้ก็ดูที่ขนาดของต้น ติดฝักเป็นมะขามอ่อนแล้ว อายุ 1 เดือน ใส่ปุ๋ยบำรุงให้ฝักมีการขยายตัว โดยเน้นปุ๋ยสูตรที่มีธาตุอาหารตัวหน้าสูง มีไนโตรเจนเป็นหลัก ใส่ปุ๋ยเดือนละ 1 ครั้ง ก่อนฝักสุก เน้นใส่ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารตัวท้ายสูง เพื่อพัฒนาคุณภาพฝักให้ดี มีรสชาติอร่อย
มะขามเปรี้ยว เป็นพืชอนาคตที่น่าจับตามองเพราะทนแล้งได้ดี และมีอายุยืน ค่าใช้จ่ายในการดูแลมีน้อย แปรรูปเก็บไว้ได้นาน ขายได้ตั้งแต่รากยันยอดเลย มีข้อมูลพบว่า ต้นมะขามอายุ 30 ปี ติดลูกดกมาก เก็บฝักสดได้ต้นละเป็นตัน สร้างรายได้หลักหมื่นต่อต้น ฝักสวยๆ ขายได้กิโลกรัมละ 15 บาท เก็บใบมะขามแห้ง ขายได้กิโลกรัมละหลายหมื่น เพราะเกษตรกรนิยมใช้ใบมะขามผสมดินปลูกไม้ประดับใบ เช่น โกสน บอนสี และไฮเดรนเยีย เพราะช่วยบำรุงใบและดอกให้มีสีเข้มขึ้น ส่วนยอดอ่อนมะขาม ขายได้กิโลกรัมละ 100 กว่าบาท ธุรกิจร้านอาหาร นิยมซื้อยอดอ่อนมะขามใช้ปรุงอาหาร
ปรับตัวสู้ภาวะโลกรวนได้ดี
อาจารย์เรืองศักดิ์ กล่าวว่า ในอนาคต ทั่วโลกเสี่ยงเจอภาวะอุณหภูมิร้อนขึ้นทุกๆ ปี ที่เรียกว่า “ภาวะโลกรวน” เนื่องจากมะขามเปรี้ยว มีแหล่งกำเนิดอยู่ในทวีปแอฟริกา จึงเป็นพืชที่ปรับตัวเก่ง ปลูกได้ทุกสภาพแวดล้อม จึงสามารถตอบโจทย์ปัญหาโลกรวนได้ดี
นอกจากนี้ มะขามเปรี้ยวลูกผสมพันธุ์ KU80 ถูกปรับปรุงพันธุ์ให้ดีขึ้นกว่าพันธุ์เดิม โดยติดฝักดก ฝักใหญ่ ฝักตรง และมีปริมาณเนื้อเพิ่มขึ้น เกษตรกรจะได้ปริมาณผลผลิตต่อไร่ที่มากขึ้น และขายผลผลิตได้ราคาสูง (ทำน้อยได้มาก) เมื่อเปรียบเทียบกับพันธุ์เดิมที่มีลักษณะด้อยกว่า เพราะมะขามพันธุ์ดั้งเดิมทั่วไป บางพันธุ์ก็เหมาะเฉพาะเอาไปแช่อิ่ม บางพันธุ์ก็เหมาะเฉพาะทำมะขามเปียก
“มะขามเปรี้ยว KU80 ทั้ง 3 สายพันธุ์ สามารถใช้ประโยชน์ทั้ง 3 รูปแบบ คือ ฝักอ่อน ฝักแก่ ฝักสุกในต้นเดียวกัน มีศักยภาพ ตรงตามความต้องการของตลาด สามารถเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้ ช่วยสร้างอาชีพและรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน จากการขายผลผลิตและกิ่งพันธุ์ เกษตรกรสามารถผลิตสินค้าเกรดพรีเมียมได้ไม่ยากแล้ว จึงอยากเชิญชวนคนไทยปลูกมะขามเปรี้ยวฝักใหญ่ ไว้เป็นมรดกตกทอดสู่ลูกหลาน เพราะมะขามเปรี้ยวฝักใหญ่โตไว ให้ผลผลิตเร็ว ใช้น้ำน้อย ดูแลง่าย ไม่ต้องใช้สารเคมี ต้นทุนการผลิตต่ำ ตอบโจทย์ปัญหาโลกรวนได้ดี เหมาะสำหรับปลูกเป็นป่าเศรษฐกิจ เพราะมีอายุยืนนาน 300 ปี ขายได้ทั้งผลผลิต และ Carbon credit เพราะไม่ต้องตัดแต่งกิ่ง” อาจารย์เรืองศักดิ์ กล่าวในที่สุด
หากใครสนใจมะขามเปรี้ยว KU80 ทั้ง 3 สายพันธุ์ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สถานีวิจัยปากช่อง คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โทร. 081-470-2382