เผยแพร่ |
---|
เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ที่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นางต้องใจ ธนะชานันท์ ผู้อำนวยการคณะจัดงาน Sustainability Expo 2024 (SX 2024) เปิดเผยว่า จากวิฤติโลกเดือด สู่โลกอนาคตที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน ในทศวรรษลงมือทำ และ พลังแห่งความร่วมมือเพื่อความอยู่รอดของมนุษยชาติใน “ยุคโลกเดือด” จึงเกิดการรวมตัวของภาคีเครือข่าย ที่เป็นองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนระดับโลกทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ที่พร้อมช่วยกันขับเคลื่อนแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนทุกมิติ ภายใต้งาน Sustainability Expo 2024 (SX 2024)
นางต้องใจ กล่าวว่า สำหรับงาน Sustainability Expo2024 (SX 2024) ถือเป็น งานเอ็กซ์โปเกี่ยวกับความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน จัดบนพื้นที่จัดงานรวมกว่า 7 หมื่นตารางเมตร ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน- 6 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00-20.00 น. รวมเป็นเวลา 10 วัน
ซึ่งในงาน SX2024ได้รวบรวมวิทยากร และผู้เชี่ยวชาญกว่า 600 รายทั่วโลก เครือข่ายธุรกิจยั่งยืนจากบริษัท และองค์กรชั้นนำของไทยและต่างประเทศกว่า 270 แห่ง ที่จะมาให้ความรู้หลากหลายด้าน แนวคิดที่น่าสนใจ รวมถึงเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่สร้างสรรค์ให้โลกเกิดความสมดุล
สำหรับกิจกรรมไฮไลท์ตลอด 10 วัน ของงาน SX 2024 ผู้เข้าชมงานจะได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ อัพเดทเทรนด์ ไอเดีย เทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงต้นแบบในการพัฒนาเมือง ชุนชนที่ยั่งยืน ผ่านการบรรยาย เสวนา เวิร์คช็อป นิทรรศการ ศิลปะ ตลอดจนอาหารแห่งอนาคต
นางต้องใจ กล่าวว่า และพบกับ 10 โซนหลัก ได้แก่ 1) โซน SEP INSPIRATION พบกับองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนที่น้อมนำปลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอพียงมาประยุกต์ใช้จนประสบความสำเร็จ อาทิ มูลนิธิชัยพัฒนา อีกทั้งยังมี Prologue นิทรรศการ Immersive Experience ที่จะสะท้อนทุกมุมมองของปัญหาที่เกิดจากพัฒนาแบบก้าวกระโดดและกิจกรรมของมนุษย์ ค้นพบความหวังและหนทางไปต่อจากคนที่ลงมือทำจริงเพื่อโลกที่จะทำให้คุณตระหนักว่าเรื่องของความยั่งยืนเป็นเรื่องของเราทุกคน
2)โซน Better Me เตรียมพร้อมในทุกก้าวของชีวิต…สู่การสร้างวิถีที่ยั่งยืน โดยในปีนี้มีนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น Mr. Muse หุ่นยนต์โรโบเทสเปียน ฮิวมานอยด์อัจฉริยะ รวมทั้งอัพเดทเทรนด์อาหารแห่งยุค เพื่อเตรียมตัวสูงวัยอย่างมีคุณภาพและความสุข
3) โซน Better Living การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมีสาเหตุเกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ ค้นพบวิธีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน และเรียนรู้จากองค์กรชั้นนำที่ดำเนินการเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่การลดการปล่อยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปจนถึงเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอน
4) โซน Better Community ว่าด้วยการสร้างสังคมที่ดีร่วมกัน ผ่านผลงานที่ทำอย่างต่อเนื่อง และสร้างผลสำเร็จทั้งในมิติสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจชุมชนจากภาคีเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ ระดับบุคคลไปจนถึงหน่วยงานเอกชนและภาครัฐ อีกทั้งยังมีนวัตกรรมเมืองน่าอยู่แห่งอนาคตจากองค์กรชั้นนำ
5) โซน Better World ศิลปะสร้างค่า สู่สมดุลโลก โซนนิทรรศการที่จัดแสดงผลงานศิลปะที่หลากหลาย สะท้อนมุมมองด้านความยั่งยืนทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม อาทิ ภาพถ่าย จิตรกรรม ประติมากรรม และผลงานศิลปะอื่น ๆ อีกมากมาย
6) โซน SX Food Festival ปีนี้มาในธีม Back to The Future มหกรรมด้านอาหารยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี พาทุกท่านย้อนเวลากลับไปสู่อนาคตด้วยอาหารที่ดีต่อสุขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พบกับ Celebrity Chefs มากมาย รวมถึงผู้ประกอบที่สร้างสรรค์เมนูอาหารที่ช่วยสร้างสมดุลที่ดีต่อโลกและดีต่อคุณ
7) โซน Kids Zone พื้นที่ปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งอนาคตด้วยนิทรรศการและกิจกรรม “ผ่านการเล่น-ทดลอง-เรียนรู้” พบกับความรู้ต่างๆ ที่เสริมสร้างจิตนาการ เสริมทักษะให้กับเด็ก ๆ โดยมีไฮไลท์คือนิทรรศการ Biodiversity Exhibition รู้ รักษ์ พิทักษ์ ความหลากหลายทางชีวภาพ
8) โซน SX MARKETPLACE ตลาดนัดสร้างสรรค์สินค้ายั่งยืน พบปะผู้ประกอบการตัวจริง ท่ามกลางบรรยากาศสวนกลางเมือง แบ่งโซนให้สายกรีน สายคราฟ และสายช้อป ได้ร่วมอุดหนุนร้านค้าที่มาร่วมงานกว่า 280 ร้านค้า
9) SX REPARTMENTSTORE พื้นที่สำหรับส่งต่อสิ่งของนอกสายตา เพื่อมอบคุณค่าให้แก่สังคมและยังได้ชอปสินค้ามือสองคุณภาพดี เพื่อนำรายได้มอบให้การกุศล นอกจากนี้ยังมีเป็นจุด drop off บรรจุภัณฑ์ใช้แล้วและขยะอื่น ๆ เพื่อนำไปบริหารจัดการอย่างถูกวิธีหรือนำกลับสร้างคุณค่าใหม่ได้อีกครั้ง
และโซนที่ 10 คือ B2B Event บริเวณชั้น 2 ซึ่งรวบรวมงานสัมมนาและเครือข่ายธุรกิจ เพื่อความยั่งยืนที่เจาะลึกแนวทางธุรกิจยั่งยืนตอบโจทย์ทั้งสังคม และสิ่งแวดล้อม
“ ‘เพราะความยั่งยืนเป็นเรื่องของทุกคน’ ที่จะมาร่วมกันเปลี่ยนโลกใบนี้ให้น่าอยู่อย่างยั่งยืน ผ่านกิจกรรมมากมาย พร้อมแลกเปลี่ยนแนวคิด และไอเดียสุดเจ๋งด้านความยั่งยืนกับวิทยากรชื่อดัง ศิลปิน และเหล่าไอดอลจากทุกแวดวง ตื่นเต้นไปกับสุดยอดนวัตกรรมกอบกู้โลกให้คุณได้เรียนรู้ และพร้อมปรับตัว เพื่อความอยู่รอดในวิถีชีวิตประจำวันยุคโลกเดือดได้อย่างมีความสมดุล ในงาน Sustainability Expo (SX2024)”นางต้องใจ กล่าวว่า
นางต้องใจ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ งาน Sustainability Expo เป็นงานจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 จากการผสานความร่วมมือจาก 5 องค์กรธุรกิจชั้นนำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนระดับสากล ได้แก่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด หรือ เอสซีจี บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
โดยเป็นการผนึกกำลังขององค์กรภาคีเครือข่ายที่กลายเป็นแพลตฟอร์มความร่วมมือในการจัดงานมหกรรมด้านความยั่งยืนระดับภูมิภาค นำเสนอผ่านแนวทางที่เรียกว่า B2C2B (Business-to-Consumer-to-Business) ซึ่งยึดผู้บริโภคเป็นแกนกลางในการดำเนินการเพื่อความยั่งยืน โดยเชื่อมโยงระหว่างองค์กรธุรกิจกับผู้บริโภค และผู้บริโภคจะเชื่อมโยงกลับสู่ภาคธุรกิจ ซึ่งปีนี้เราได้ขยายเครือข่ายพันธมิตรจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม สถานทูต
โดยแนวคิดของงาน Sustainability Expo นั้นต้องการเป็นแพลตฟอร์มความร่วมมือด้านความยั่งยืนที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วนในระดับภูมิภาค นำเสนอองค์ความรู้ ไอเดีย เทรนด์นวัตกรรม และเทคโนโลยี ผลักดันการลงมือทำ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง โดยน้อมนำพระปฐมบรมราชโองการตามพระราชปณิธานในการสืบสาน รักษา ต่อยอด ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรมาเป็นแนวทางการจัดงาน สู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก (SDGs) ในทศวรรษแห่งการลงมือทำ ที่จะสร้างผลลัพธ์ให้เกิดเป็นรูปธรรมได้อย่างแท้จริง และยั่งยืน
“ต้องขอขอบคุณผู้ร่วมก่อตั้ง (Co-Founders) พร้อมทั้ง เครือข่าย TSCN (Thailand Supply Chain Network ) และผู้สนับสนุนการจัดงานทุกภาคส่วน ที่ตระหนักถึงความสำคัญ และมาร่วมกันลงมือทำอย่างจริงจัง เพื่อสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับโลกใบนี้ และมีความยั่งยืนไปจนถึงรุ่นลูกหลานของเราต่อไปในอนาคตข้างหน้า”นางต้องใจ กล่าว
นางต้องใจ กล่าวว่า ทั้งนี้จากการจัดงาน 4 ครั้งที่ผ่านมาเราได้สร้างการเรียนรู้ และสร้างแรงกระตุ้นให้เกิดการปรับตัว ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่าความยากที่สุดคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการได้ลงมือปฏิบัติ ดังนั้นเป้าหมายเราคือต้องทำให้รู้ว่าความยั่งยืนเป็นเรื่องของทุกคน นอกจากนี้ในอนาคต อาจจะมีการพิจารณาจัดงาน Sustainability Expo แบบสัญจรในจังหวัดอื่นๆทั่วประเทศต่อไป