วิธีทำน้ำอบ น้ำปรุงจากดอกไม้ เครื่องหอมไทย สร้างอาชีพ

เครื่องหอมตำรับโบราณของไทย มาจากดอกไม้หอมหลากหลายชนิด เช่น ดอกมะลิ ดอกกระดังงา ดอกลีลาวดี ดอกพิกุล ดอกกุหลาบ ดอกจำปา ใบเตย ฯลฯ โดยแบ่งกรรมวิธีการผลิตเครื่องหอม 3 ประเภท คือ  การอบ การร่ำและการปรุง

กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ระบุว่า สมัยก่อนคนไทยใช้ น้ำอบ น้ำปรุง เป็นเครื่องประทินผิวกาย ให้เกิดกลิ่นหอบ ปะพรมร่างกายให้สดชื่น เครื่องหอมไทยนับเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งในการรักษาสุขภาพแบบองค์รวม เพราะมีกลิ่นหอมจรุงใจ ให้ความสดชื่น ช่วยคลายความวิตกกังวล ลดอาการวิงเวียนศีรษะ บรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด ทำให้นอนหลับสบาย ใช้ดูแลความงาม ใช้เป็นของชำร่วยในงานพิธีและงานเทศกาลต่าง ๆ  กลิ่นหอมของดอกไม้ไนน้ำอบ น้ำปรุง ที่ใช้รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ หรือสรงน้ำพระในช่วงสงกรานต์มีกลิ่นหอมจรุงใจ ช่วยคลายร้อน ลดอาการเครียดแล้ว ยังใช้สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยทั่วไทย

ดอกพิกุล
ดอกมะลิ

วิธีทำน้ำอบไทย

วิธีทำน้ำอบไทยนั้นไม่ยุ่งยากเพียงแต่ต้องระมัดระวังในเรื่องความสะอาด และดอกไม้ที่นำมาใช้ควรปลอดสารพิษ หรือควรปลูกเองกายในครัวเรือน  โดยดอกไม้สดที่นิยมนำมาใช้ทำน้ำอบ ได้แก่   ดอกมะลิ ดอกกระดังงา ดอกลีลาวดี ดอกพิกุล ดอกกุหลาบ ดอกจำปา ใบเตย ฯลฯ

 วิธีทำ

  1. นำดอกไม้สดล้างน้ำให้สะอาด
  2. เด็ดเอาเฉพาะกลีบ หากกลีบดอกมีขนาดใหญ่ ให้ฉีกตามยาวเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้ว ใส่ลงใน หม้อเคลือบ
  3. เทน้ำสะอาดลงในหม้อเคลือบ ในอัตราส่วนดอกไม้สด 1 ส่วน น้ำสะอาด 10 ส่วน
  4. ปิดฝาหม้อให้สนิททิ้งไว้ 1 คืน
  5. ใช้ผ้าขาวบางกรองดอกไม้ออก นำดอกไม้มาเปลี่ยนใหม่ ทำติดต่อกัน 3 วัน
  6. นำน้ำอบที่ได้บรรจุขวดที่มีฝาปิดสนิทพร้อมใช้งาน

ที่มา : https://pr.moph.go.th/7url-pr/detail/2/189767/

Advertisement

การทำน้ำปรุงเครื่องหอมไทย

“น้ำปรุง” เป็นน้ำหอมที่ได้มาจากการสกัดกลิ่นหอมของดอกไม้หลายๆ ชนิด ซึ่งมักจะใช้ดอกไม้ที่หาได้ ง่ายๆ เช่น ดอกมะลิ ดอกโมก ดอกจำปี จำปา กระดังง กุหลาบ ชมนาด สายหยุด พุทธชาด ฯลฯ  การทำน้ำปรุง จะใช้วิธีลอยดอกไม้สดในน้ำสะอาดเป็นเวลาหลายๆ วัน และต้องเปลี่ยนดอกไม้ทุกวัน เพื่อให้คงกลิ่นหอมไม่จางหายไปและได้น้ำปรุงที่มีคุณภาพ ก่อนจะนำน้ำลอยดอกไม้ไปอบควันเทียนซ้ำกัน หลายๆ ครั้งเพื่อใช้ในการปรุง

Advertisement

การทำน้ำปรุงเครื่องหอมไทย เริ่มจากจัดเตรียม วัสดุอุปกรณ์ ได้แก่ น้ำดอกไม้สด 1/4 ถ้วยน้ำมันหอมกลิ่นลำเจียก 1/4 ช้อนชา น้ำมันหอมกลิ่นกุหลาบ 1/4 ซ้อนชา น้ำมันหอมกลิ่นมะลิ 1/4 ช้อนชา น้ำมันหอมกลิ่นไฮซิน 1/4 ช้อนชา น้ำมันจันทร์ 1/4 ซ้อนชา มัส (ตัวตรึงกลิ่นให้ติดทนนาน) 1/4 ช้อนชา เทส่วนผสมทุกอย่างใส่ขวดเปล่า แล้วเขย่าเบาๆให้เข้ากันปิดฝาพักไว้

มะลิที่นำมาหมักน้ำปรุง

การทำส่วนผสม ชุดที่ 2  ประกอบด้วย เอทิลแอลกอฮอล์ 70-90% 1 1/2 ถ้วย แบ่งเอทิลแอลกอฮอล์ 70-90% ใส่ขวดเปล่า ขวดละ 1/2 ถ้วย จำนวน 3 ขวด ใบเนียมหั่นเป็นทอนๆ 9 ใบ ใบเตยหอมหั่นเป็นทอนๆ 5 ใบ ผิวมะกรูด 1/4 ถ้วย พิมเสน 1 1/2 ช้อนโต๊ะ  ขั้นตอนการทำ นำใบเนียมใส่ในขวดเอทิลแอลกอฮอล์ 70-90% ขวดที่ 1   นำใบเตยหอมใส่ในขวดเอทิลแอลกอฮอล์ 70-90% ขวดที่ 2

นำผิวมะกรูด และ พิมเสม ใส่ในขวดเอทิลแอลกอฮอล์ 70-90% ขวดที่ 3 (เขย่าให้เข้ากัน) ปีดฝาพักไว้ 1 วัน จึงกรองเอาเศษใบไม้ออก นำของเหลวทั้ง 3 ขวดผสมรวมเข้าด้วยกัน แล้วจึงนำส่วนผสมที่ 1 ที่เตรียมไว้เทผสมในส่วนผสมชุดที่ 2 จมหมด ( เมื่อผสมแล้ว หากส่วนผสมที่ได้มีลักษระขุ่น ให้เติมเอทิลแอลกอฮอล์ 70-90% ลงไปทีละนิดจนน้ำปรุงมีลักษณะใส จึงหยุดเติม) นำใส่ขวดทึบแสงพักบ่มทิ้งไว้ 3 เดือน เก็บในที่ๆไม่มีแสงแดด

หากไม่ชอบกลิ่นที่ เลือกให้ก็เปลี่ยนเอาเองตามความชอบ แต่ เจ้ามัส นั้นควรใส่เพราะเป็นตัวประสานกลิ่นหอมต่างๆให้เข้าขั้นตอนสุดท้ายคือน้ำที่อบควันเทียนสามรอบและอบด้วยดอกไม้สด 1 คืน เครื่องปรุงมีเพียงเท่านี้ จะเห็นว่ามีไม่มากเท่าเครื่องปรุงในการทำน้ำอบไทย วิธีทำขอแบ่งเป็นขั้นตอนเพื่อความเข้าใจได้ง่าย ขั้นตอนแรกเริ่มด้วยการอบน้ำที่จะมาปรุงเสียก่อน และ ยังเป็นตัวตรึงกลิ่มให้ติดทนนาน

ดอกแก้วที่นำมาหมักน้ำปรุง

คุณสมบัติเด่นของวัตถุดิบ

ในการผลิตน้ำปรุงน้ำหอมไทย

บุหงาดอกไม้สด เป็นการใช้ดอกไม้สดที่มีกลิ่นหอมและใบไม้ สมุนไพรหอมต่างๆ ผสมกับหัวน้ำมันหอม

สารตรึงกลิ่น ผสมคลุกเคล้ารวมกัน นำไปใส่ในบรรจุภัณฑ์ ใช้เป็นของชำร่วยในงานมงคลต่างๆ เช่น งานแต่งงานงานวันเกิด เทศกาลสงกรานต์

บุหงาดอกไม้หอม (ดอกไม้แห้ง) เป็นการใช้ดอกไม้สดที่มีกลิ่นหอมและใบไม้ สมุนไพรหอมต่างๆ นำไปผ่านกรรมวิธีทำให้แห้งสะอาด และคลุกเคล้าหัวน้ำมันหอม สารตรึงกลิ่น นำไปใส่ในบรรจุภัณฑ์ ใช้เป็นของชำร่วยในงานมงคลต่าง ๆ เช่น งานแต่งงาน งานวันเกิด เทศกาลสงกรานต์

น้ำอบไทยดอกไม้สด เป็นการปรุงกลิ่นด้วยควันหรือปรุงกลิ่นด้วยดอกไม้หอม การอบให้มีกลิ่นหอมชั่วระยะหนึ่งกลิ่นหอมนั้นจะซึมซาบเข้าไปในของที่นำไปอบ ใช้ผสมแป้งกระแจะ สำหรับเจิมในพิธีการต่างๆ ใช้สรงน้ำพระพุทธรูปและรดน้ำขอพรจากผู้ใหญ่ในเทศกาลต่างๆ เป็นต้น นอกจากจะมีกลิ่นหอมแล้ว ยังช่วยทำให้สดชื่นได้อีกด้วย

แป้งร่ำสมุนไพร คือแป้งชนิดหนึ่งที่ผสมเครื่องหอมและอบร่ำให้มีกลิ่นหอม ใช้สำหรับทาหน้า ผสมน้ำอบหรือน้ำปรุง แล้วชโลมตัวเพื่อลดอาการระคายผิว ทำให้สบายตัว การทาแป้งร่ำยังช่วยให้หน้าไม่มัน มีกลิ่นหอมสดชื่นแป้งพวงมาลัย คือแป้งหอมที่มีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ ติดเรียงบนเส้นด้าย นำมาผูกติดกับดอกไม้ประดิษฐ์หรือริบบิ้น มาลัยแป้งพวง ก็คือแป้งที่มีความงดงาม อ่อนหวาน ประณีต และมีกลิ่นหอมจรุงใจ เป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทย ที่สามารถประดิดประดอย ดัดแปลง แป้งร่ำและน้ำปรุง ขึ้นมาเป็นแป้งพวงที่สามารถใช้บูชาพระ ไหว้ผู้ใหญ่ บุคคลที่เคารพ มอบเป็นของขวัญหรือตั้งโชว์ หรือประดับผม แทนพวงดอกไม้ และยังให้กลิ่นหอมอ่อนๆ ยามเมื่อต้องลมเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง เพื่อใช้เป็นของชำร่วยหรือของขวัญสำหรับเทศกาล เก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าหรือวางในห้อง ให้กลิ่นหอมยาวนาน

น้ำปรุงดอกไม้สด น้ำปรุงเป็นเครื่องหอมชนิดหนึ่งเช่นเดียวกับน้ำอบไทย มีกลิ่นหอมเย็นและให้ความรู้สึกแบบไทยๆ ใช้ใส่ผ้าเช็ดหน้าหรือฉีดบุหงาให้มีกลิ่นหอม สกัดจากส่วนผสมที่ได้จากธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีเจือปน ด้วยกรรมวิธีการทำแบบโบราณ จึงปลอดภัยกับผู้ใช้ เป็นน้ำปรุงตำรับชาววัง

ธูปหอม เป็นธูปทรงพีระมิด มีขนาดรูปทรง สี และกลิ่นแตกต่างกันออกไป เช่น กลิ่นกุหลาบ กลิ่นมะลิ กลิ่นส้ม เป็นต้น ใช้จุดให้เกิดกลิ่นหอมภายในห้อง เพื่อกำจัดกลิ่นอับและเพิ่มความหอม หรือใช้เป็นของขวัญในโอกาสพิเศษ

 

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบข่าวจากเฟสบุ๊ค  สกร.เขตมีนบุรี  และ  สุวรรณา กลิ่นเอี่ยม