“สงขลา” ต่อยอดธีม “มหาสนุก” เพิ่มสีสันอีเวนต์ “ดนตรี-กีฬา” ปลุกท่องเที่ยว

ต้องยอมรับว่าที่ผ่านรายได้จากภาคธุรกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลานั้นส่วนใหญ่ยังกระจุกตัวอยู่ที่ “หาดใหญ่” เป็นหลัก
โดยจากสถิติของสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสงขลา พบว่า ในปี 2559 ที่ผ่านมา “สงขลา” มีรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 52,928.67 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8.38% จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยือนทั้งหมดรวม 6.684 ล้านคน
ทั้งนี้ กลุ่มนักท่องเที่ยวหลักๆ ที่เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลานั้น อันดับ 1 ยังคงเป็น มาเลเซีย รองลงมาคือ สิงคโปร์ และกลุ่มคนไทยเที่ยวไทย
จากปัญหาการกระจุกตัวของนักท่องเที่ยว ทำให้สงขลาหันมาให้ความสำคัญกับการกระจายรายได้จากภาคธุรกิจท่องเที่ยวให้ทั่วถึงทั้งจังหวัด รวมทั้งเพิ่มกลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่ๆ ให้เข้าไปเยือนจังหวัดสงขลาเพิ่มมากขึ้น
โดยได้เริ่มด้วยการปลุกกระแสการท่องเที่ยวของจังหวัดภายใต้ธีมหลัก “สงขลามหาสนุก” เมื่อต้นปี 2559 ที่ผ่านมา
“ทรงพล สวาสดิ์ธรรม” ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จังหวัดสงขลายังคงเดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยว ภายใต้ธีมหลัก “สงขลามหาสนุก สุขทั้งปีที่สงขลา”

ต่อเนื่องตลอดปีนี้ โดยจะมุ่งเน้นการพัฒนาและสร้างสรรค์สินค้าท่องเที่ยว ทั้งการรักษาจุดแข็งเดิมและกิจกรรมที่มีความแปลกใหม่มาส่งเสริมการตลาดดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ
พร้อมทั้งสร้างจุดขายการท่องเที่ยวเมืองสงขลาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ที่มีความหลากหลายทั้งด้านอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค และสถานที่ท่องเที่ยว
ส่งผลให้ภาพการท่องเที่ยวของสงขลาเปลี่ยนไปอย่างมากตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ทั้งเรื่องการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว การพัฒนาเส้นทางการเดินทางสู่แหล่งท่องเที่ยว การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมถึง อาหาร ผลิตภัณฑ์ที่เป็นของกินของฝาก และของที่ระลึก
เรียกว่า เป็นที่ที่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทั้งระบบอย่างสิ้นเชิง
โดยหลักสำคัญอย่างหนึ่งคือ ความพยายามที่จะกระจายการท่องเที่ยวให้ถึงท้องถิ่น เพื่อตอบโจทย์รัฐบาลที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำของสังคม
ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มีกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวจำนวนมากตลอดทั้งปี อาทิ หาดใหญ่วอล์คกิ้ง สตรีท ที่หาดใหญ่ หรือ กิจกรรมสตรีทอาร์ต และหลาดสองเล ในตัวเมืองสงขลา ฯลฯ
ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกิจกรรมใหม่ๆ ใช้จ่ายเพิ่มขึ้น รวมถึงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวกลับมาอีกและบอกต่อด้วย
นอกจากนี้ ในปีนี้สงขลายังได้เพิ่มการตลาดอีกหลากหลายรูปแบบ พร้อมทั้งเริ่มไปเจาะนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ๆ เข้ามาเสริมตลาดมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งเป็น 2 ตลาดหลัก อาทิ 1. มุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ และตลาดใหม่ เช่น อินโดนีเซีย จีน ด้วยการเพิ่มโครงการสตรีท อาร์ต ในตัวเมืองสงขลา

พร้อมนำเอากลยุทธ์มิวสิกมาร์เก็ตติ้งมาเป็นตัวช่วย เช่น สมิหลา มิวสิค เฟสติวัล บนหาดสมิหลา แหลมสนอ่อน อำเภอเมืองสงขลา สงขลา เรโทร เฟส ในย่านเมืองเก่า อำเภอเมืองสงขลา
2. ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา หรือ สปอร์ตทัวริซึ่ม โดยใช้ความเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติในปีนี้มาช่วยปลุกกระแส รวมถึงทำกิจกรรมด้านกีฬาอย่างต่อเนื่อง 3. ส่งเสริมมาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และสร้างความแข็งแกร่งในการเป็นเมดิคัลฮับ
นอกจากนี้ ยังมุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวในตลาดไมซ์ (ประชุม สัมมนา) การท่องเที่ยวเชิงซีเอสอาร์ การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ โดยชูเรื่องมรดกโลก ย่านเมืองเก่า การท่องเที่ยวเสริมพลังมงคล เน้นขายความศักดิ์สิทธิ์และพลังศรัทธา เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ก็จะเน้นเพิ่มกิจกรรมใหม่ๆ โดยใช้จุดขายในเรื่องดนตรี กีฬา ศิลปะ มาผนวกเข้าด้วยกัน รวมถึงการสร้างประติมากรรมใหม่ๆ เช่น ประติมากรรมปลากระพง ที่เกาะยอ, ปรับปรุงภูมิทัศน์เกาะยอ, พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและชุมชน เพื่อตอบโจทย์เรื่องการกระจายรายได้
“ตอนนี้เราวางคลัสเตอร์ในการพัฒนาไว้คร่าว ๆ ว่า เมืองสงขลา จะเน้นท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ มิวสิก ส่วนเกาะยอจะเน้นเรื่องอาหารการกิน หาดใหญ่จะเน้นกิจกรรมรื่นเริง บันเทิง เป็นต้น ก็บางส่วนเราก็จะมีผสมผสาน”
นอกจากการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวแล้ว “ผู้ว่าฯ ทรงพล” ยังย้ำด้วยว่าสงขลายังให้ความสำคัญกับเรื่องของสินค้า โดยมีแผนยกระดับสินค้าตามโครงการที่เรียกว่า “เบสท์ ออฟ สงขลา” เพื่อผลักดันให้สงขลาเป็น “สวรรค์ของนักชิม” อีกตลาดหนึ่งด้วย
เพื่อย้ำว่า “สงขลา” เป็นเมืองที่มีกิจกรรม แหล่งท่องเที่ยว ที่สามารถตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่แสวงหาแหล่งท่องเที่ยวและอาหารการกินที่หลากหลายได้อย่างครบครัน…

ขอบคุณข้อมูลจากประชาชาติธุรกิจ