เผยแพร่ |
---|
เมื่อกล่าวถึงการทำการเกษตร หลายๆ คนอาจมีภาพของการมีพื้นที่ขนาดใหญ่ การทำไร่ไถนากลางแดดร้อนๆ หรือถือจอบพรวนดินในพื้นที่กว้างโล่งไกลสุดลูกหูลูกตา แต่กับคุณปูเป้การปลูกผักทำสวนกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น ด้วยพื้นที่รอบๆ บ้าน คุณปูเป้ได้รังสรรค์และเปลี่ยนให้พื้นที่ว่างโล่งให้กลายเป็นแปรงผักสีเขียวขจี ที่ห้อมล้อมบ้านทั้งหลังเอาไว้ วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านชวนมารู้จัก “ปูเป้” หรือ สุพัตรา ไชยชมภู เจ้าของเพจ ปูเป้ทำเอง ผู้เก็บผลผลิตจากสวนมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ด้วยตัวเอง

ก่อนจะเป็นปูเป้ทำเอง
คุณปูเป้ เล่าว่า ก่อนหน้าการมาทำสวนในเมือง คุณปูเป้ใช้ชีวิตธรรมดาเหมือนกับนักศึกษาทั่วไป เว้นแต่เพียงว่า ในช่วงมหาวิทยาลัยนั้นคุณปูเป้ได้เปิดร้านอาหารของตัวเอง ซึ่งได้ทำให้กิจวัตรและการใช้ชีวิตนั้นเปลี่ยนไป จากตื่นกลางวันนอนกลางคืนก็กลายเป็นตื่นกลางคืนและนอนกลางวัน เมื่อถึงจุดหนึ่งคุณปูเป้ก็ตัดสินใจที่จะให้ญาติพี่น้องได้สานต่อกิจการ ในขณะที่คุณปูเป้ได้ออกมาทำในสิ่งที่ตัวเองชอบบ้าง คุณปูเป้ เล่าพร้อมรอยยิ้มว่า “สิ่งแรกก็คือ เริ่มปลูกต้นไม้ก่อนเลย”
วิถีจากบ้าน สู่การทำสวนผักในเมือง
เดิมทีนั้นคุณปูเป้เกิดและโตที่ต่างจังหวัด ในวัยเด็กของคุณปูเป้จึงคุ้นเคยกับการทำปลูกผักทำสวนเป็นอย่างดี ด้วยบ้านที่ต่างจังหวัดมักจะเป็นบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยโดยรอบค่อนข้างมาก ทำให้พื้นที่โดยรอบนั้นถูกใช้ปลูกและทำสวนเพื่อบริโภคในครัวเรือน โดยคุณปูเป้ได้แบ่งปันกับเราว่า “จำได้ว่าตอนเด็กที่บ้านมีหลานหลายคน ทุกคนก็จะได้รับหน้าที่หมุนเวียนกันไปในทุกๆ วัน วันนี้คนนี้ทำอาหาร ก็คือจะอยู่เฉพาะในครัว คนนี้เข้าสวนก็จะอยู่ในสวน ก็จะรับผิดชอบอย่างงี้หมุนกันไป เพราะฉะนั้นทุกคนจะได้ทำทุกอย่างในทุกๆ วัน ปูเป้ก็จะได้เข้าสวนเข้าครัว มันก็เลยเป็นการซึมซับ”
เมื่อต้องเข้ามาอยู่กลางเมืองใหญ่ คุณปูเป้เรียกความรู้สึกที่เกิดขึ้นว่า “ความโหยหา” เป็นการโหยหาสภาพแวดล้อมและกิจกรรมในพื้นที่เล็กๆ อย่างคอนโดมิเนียม ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้คุณปูเป้เริ่มปลูกผักสวนครัวริมระเบียงห้องพักของตัวเอง พร้อมกับความมุ่งมั่นที่จะใส่ใจเรื่องการกินการอยู่ของตัวเองให้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน
จุดกำเนิดปูเป้ทำเอง
เมื่อผลผลิตจากการปลูกผักที่ระเบียงนั้นออกดอกออกผลจนเก็บกินได้ไม่ทัน คุณปูเป้จึงเริ่มทำการแปรรูปพืชผักต่างๆ เช่น เมื่อมีมะเขือเทศที่ออกลูกดกดีจนกินไม่ไหว ก็จะถูกนำมาแปรรูปเป็นซอสมะเขือเทศบ้าง น้ำมะเขือเทศบ้าง โดยยึดโยงกับสิ่งที่คุณปูเป้กินเป็นประจำอยู่แล้ว ต่อมาเมื่อคุณปูเป้ย้ายมาอยู่หมู่บ้านจัดสรรที่มีพื้นที่กว้างกว่าเก่า คุณปูเป้จึงเริ่มทำสวนเล็กๆ ของตัวเองเต็มพื้นที่ด้านหน้า และเมื่อมีพืชพันธุ์มากขึ้นก็สัมพันธ์กับจำนวนสินค้าแปรรูปที่เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยคุณปูเป้ เล่าว่า “เรามีผลิตภัณฑ์โดยที่เราไม่รู้ตัว เพราะเราทำทุกอย่างเลย เราก็ทำพวกของใช้ไปด้วย สบู่อาบน้ำ ยาสระผม อะไรแบบนี้ ที่เราเรียนรู้แล้วก็ค่อยๆ ทำมาเรื่อยๆ พอเราทำทุกอย่าง เราก็แชร์วิธีการทำลงเฟซบุ๊ก แต่ว่าสิ่งสำคัญก็คือคนก็จะกลับมาถามว่า มีขายไหม เลยเป็นที่มาของการทำกินด้วย ทำใช้ด้วย แล้วก็เผื่อสำหรับขายให้คนที่สนใจในผลิตภัณฑ์ของเรา” โดยในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่คุณปูเป้แปรรูปจากผลผลิตในสวนด้วยตัวเองนั้นมีมากกว่า 30 รายการ ตั้งแต่ของกินจนถึงของใช้ ในบ้านของคุณปูเป้ก็มีให้เราได้เลือกสรร

ดินปูเป้ทำเองกับความพยายามจัดการขยะ และสร้างดินที่ดีให้คนเมือง
“ดินปูเป้ทำเอง” เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดอย่างหนึ่งของคุณปูเป้ โดยคุณปูเป้ได้เท้าความว่า ปกติแล้วดินที่ใช้บำรุงพืชผักในสวนของคุณปูเป้ไม่ได้มีสูตรอะไรที่ตายตัว เป็นเพียงการพยายามจัดการขยะในครัวเรือนพร้อมกับความรู้ที่ตกทอดมาว่าเศษอาหารสามารถฝังกลบดินกลายป็นปุ๋ยได้ ดังนั้น แรกเริ่มการปลูกผักในคอนโดมิเนียม จึงได้มาจากเศษอาหารเป็นหลัก เมื่อมีการขยับขยายออกมาอยู่บ้านจัดสรรจึงเก็บใบไม้และมูลไก่ที่เลี้ยงไว้มาผสมกับเศษอาหารร่วมด้วย ซึ่งคุณปูเป้ได้เล่าว่า สาเหตุที่พืชผักออกผลผลิตได้ดีก็เพราะในดินนั้นมีสารอาหารที่ครบถ้วนจากสิ่งต่างๆ ที่ถูกฝังกลบในดิน ไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเล ก้างปลา คะน้า กวางตุ้ง หรือเปลือกไข่ ซึ่งล้วนแต่เป็นเศษอาหารในครัวเรือนทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ดินของคุณปูเป้นั้นมีทั้งแคลเซียมและไนโตรเจนอย่างครบถ้วน
เมื่อดินปลูกได้ดี ก็เริ่มมีคนสนใจมาติดต่อซื้อดิน โดยคุณปูเป้เล่าว่า ในทีแรกนั้นคุณปูเป้อาศัยการตักดินจากกระถางหมักในบ้านของตนเอง แต่ด้วยความต้องการที่มากขึ้น จนเกินกำลังในการทำดินเพียงลำพัง คุณปูเป้จึงได้ติดต่อ “ลุงสุเทพ” นักวิจัยดินที่ขายดินอยู่ก่อนแล้ว โดยเป็นการพัฒนาสูตรดินของคุณปูเป้และลุงสุเทพเข้าด้วยกัน จึงได้เกิดเป็น “ดินปูเป้ทำเอง” ที่มีความมุ่งหวังจะสร้างดินที่ดีให้คนเมืองที่เริ่มปลูกผัก โดยหวังว่าหากคนมีดินที่ดีในการเริ่มต้นแล้ว คนก็จะปลูกผักต่อไปเรื่อยๆ นั่นเอง
ปลูกผักหน้าบ้าน ไม่ยากอย่างที่คิด
เมื่อเราไถ่ถามถึงเคล็ดลับในการทำสวนผักกับคุณปูเป้ คุณปูเป้ได้แบ่งปันว่า “ให้เราดูทิศทางของแสงก่อน แน่นอนว่าถ้าทิศทางของแสงเราน้อยเนี่ย เราจะต้องเลือกปลูกเฉพาะผักที่ใช้แดดน้อย อยู่รำไรได้ เจริญเติบโตโดยไม่ต้องการแดดมาก ถ้าเกิดทิศทางแดดเราดีเนี่ย เราสามารถเลือกปลูกอะไรก็ได้ทั้งหมดเลย”
อันดับต่อมาคือเรื่องภาชนะในการปลูก ในสวนของคุณปูเป้เราจะเห็นว่าส่วนใหญ่นั้นผักจะถูกปลูกอยู่ในกระถางหรือถุงขาว และไม่มีผักชนิดใดที่ถูกปลูกลงดินเลย เมื่อถามถึงภาชนะในการปลูกคุณปูเป้จึงได้เล่าว่า “จริง ๆ เน้นเลยก็จะเป็นถุงขาว ถุงสีขาวเนี่ยอันดับแรกเลยก็จะเหมาะกับบ้านเรามากๆ ก็คือ สามารถระบายน้ำได้ดี แล้วก็ไม่เก็บความร้อน จนทำให้ต้นไม้เราตายได้” และสาเหตุสำคัญที่การปลูกผักในเมืองควรเป็นการปลูกในกระถางมากกว่าการปลูกลงดินก็คือ การปลูกพืชผักในกระถางนั้นช่วยให้การบำรุงดูแลเป็นไปได้อย่างสะดวก จะยกหรือย้ายไปวางตรงไหนก็ทำได้ต้องการทุกๆ ครั้งที่แดดเปลี่ยน นอกจากนี้แล้วคุณปูเป้ยังเตือนว่า การปลูกพืชผักลงดินนั้นอาจทำให้รากของต้นไม้ใหญ่ชอนไชเข้ามาแย่งอาหารจากต้นผักเล็กๆ ของเราได้ ดังนั้น การปลูกผักในเมืองหรือในพื้นที่บริเวณรอบบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบ้านจัดสรร ควรจะเป็นการปลูกในกระถางมากกว่า
มือร้อนมือเย็นไม่มี มีแต่ใจ ใจร้อนใจเย็น
“มือร้อนมือเย็น” คงเป็นคำกล่าวที่คนเริ่มปลูกผักคงได้ยินกันมาไม่น้อย ผู้เขียนเองก็ได้มีการหยิบคำถามดังกล่าวไปถามคุณปูเป้เช่นเดียวกันว่า การจะปลูกผักให้ได้ดีขึ้นอยู่กับมือร้อนมือเย็นหรือไม่ คุณปูเป้ตอบเราทันควันว่า “มันไม่มีหรอกมือร้อนมือเย็น มันมีแค่ใจเลย ใจร้อนใจเย็น คนส่วนใหญ่ที่ไม่เคยปลูกอะไรใดๆ เลย ก็จะมาในแนวเดียวกันก็คือจะอยากให้มันโตเลย ปูเป้ก็แค่อยากจะบอกว่า ทุกอย่างมันต้องใช้เวลาในการรอคอย” พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า ในการปลูกผักต้องอาศัยการดูแลเอาใจใส่ร่วมไปกับการดูแลดิน แดด และน้ำ เมื่อมีทั้ง 4 สิ่ง พืชที่ปลูกก็จะออกดอกออกผลให้กับเราอย่างแน่นอน
หากสนใจผลิตภัณฑ์ของ “ปูเป้ทำเอง” สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เพจ Facebook : ปูเป้ทำเอง
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ.2567