ผู้เขียน | ณัฐกิตติ์ บุโพธิ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
ต้องเล่าก่อนว่า ธุรกิจด้านการเกษตรทุกวันนี้มีหลากหลาย แต่การปลูกดอกไม้กินได้ก็เป็นอีก 1 ทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากทุกวันนี้ในบ้านเรามีการเติบโตของคาเฟ่ และร้านอาหารเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก การที่เป็นเกษตรกรขายดอกไม้กินได้ให้กับคาเฟ่ ร้านอาหาร และโรงแรมที่ต้องการนำดอกไม้ไปประดับตกแต่งกับอาหารให้ดูน่ากินมากขึ้น
คุณแขก-กรฎา รำพึงวงษ์ เกษตรกรที่ประสบความสำเร็จในการปลูกดอกไม้กินได้ส่งขายตามโรงแรมและร้านอาหาร โดยเริ่มต้นจากการที่จบวิชาจัดการทรัพยากรการเกษตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คุณแขกถือเป็นรุ่นแรกที่ทางมหาวิทยาลัยมีโครงการฝึกเป็นเกษตรกร โดยมีให้เลือกพื้นที่ในแต่ละจังหวัด คุณแขกได้เลือกพื้นที่ของอำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ในการเริ่มฝึกในครั้งนี้ โดยพื้นดินที่เหมาะจะปลูกจะเป็นประเภทพืชสวนครัว
จุดเริ่มต้นของอาชีพทางการเกษตร
คุณแขก เล่าว่า เริ่มจากการที่คิดว่าพื้นที่ 2 ไร่ ไม่พอสำหรับการทำธุรกิจด้านการเกษตร เลยได้เริ่มลงทุนเช่าพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ เพื่อทำการผลิตผัก และต่อมาได้เริ่มจ้างแรงงานเข้ามาช่วย แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ โชคดีที่ยังมีครอบครัวเข้าใจและสนับสนุนให้กำลังใจอยู่เสมอ หลังจากนั้นจึงได้ลองผิดลองถูกอยู่ประมาณ 5 ปี เริ่มเห็นช่องทางการตลาด จึงเริ่มปรับเปลี่ยนการทำตลาด และได้เริ่มเปลี่ยนจากพืชประเภทพืชสวนครัว มาเป็นปลูกดอกไม้กินได้ โดยใช้พื้นที่ทั้งหมดในการปลูกดอกไม้กินได้บนเนื้อที่ 30 ไร่
“ต้องบอกว่าพื้นที่ในอำเภอวังน้ำเขียว เป็นแหล่งในการผลิตพืชผักอินทรีย์อยู่แล้ว มีการตลาดในพื้นที่อยู่บ้าง ส่วนมากจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าและบริษัทในพื้นที่ พอเราเปลี่ยนการทำตลาดจึงได้เริ่มสร้างเพจเฟซบุ๊กขึ้นมา ชื่อว่า Morganic Farm และได้อัปเดตกิจกรรมต่างๆ ภายในฟาร์ม ทำให้กลุ่มลูกค้าเริ่มมองเห็น และได้ติดต่อเข้ามาเป็นลูกค้าจำนวนมาก ฟาร์มเราก็เริ่มโตในโลกออนไลน์ และมีจุดเปลี่ยนจากตรงนี้ค่ะ” คุณแขก กล่าว
จุดเปลี่ยนสำคัญในวันนั้น
สู่การสร้างรายได้ที่มั่นคง
คุณแขก ยังเล่าให้ฟังต่อว่า พอได้เริ่มทำตลาดดอกไม้จริงจัง โดยเริ่มประมาณปลายปี 2018 ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่เกิดโรคระบาด โควิด-19 ทำให้กลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มโรงแรมยกเลิกออร์เดอร์ไป เนื่องจากโรงแรมไม่สามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงนั้น จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงทางการตลาดอีกครั้ง
โดยเริ่มหันมาทำออนไลน์แบบเต็มระบบ เริ่มมีการแบ่งขาย แต่ก่อนฟาร์มจะเป็นรูปแบบผลิต ซึ่งก็คือต้องมีการวางแผนการผลิตร่วมกัน มีการออร์เดอร์สินค้าจำนวนหนึ่ง แล้วค่อยผลิตและส่งไปให้
ปัจจุบันการตลาดของคุณแขกเป็นการสั่งซื้อตามจำนวนดอกไม้ที่หน้าร้านมี ลูกค้าไม่จำเป็นต้องออร์เดอร์ ไม่มีขั้นต่ำในการสั่ง และวิธีส่งของก็จะส่งออกจากฟาร์มเองโดยตรง ดอกไม้ทั้งหมดของฟาร์มเป็นดอกไม้ออร์แกนิกทั้งหมด
คุณแขกใช้ดินเดิมของพื้นที่ที่มีอยู่และได้ใช้ปุ๋ยหมักปุ๋ยคอก เพื่อให้พืชได้รับสารอาหาร การเลือกปลูกดอกไม้กินได้จะต้องเลือกปลูกชนิดพันธุ์ดอกไม้ที่สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี หลักๆ จะเป็นสายพันธุ์ดอกเดซี่ ดอกผีเสื้อ ดอกไวโอล่า และดอกควีนแอนเรด ไม่ได้มีเพียงแค่ดอกไม้กินได้ที่ขายดี ยังมีใบไม้กินได้ที่สามารถขายได้ก็คือ ใบแนท เป็นต้น
ชนิดพันธุ์ไม้ดอก นอกจากสั่งซื้อ
จะนำมาขยายพันธุ์เองเพื่อลดต้นทุน
สายพันธุ์ดอกไม้ของฟาร์มคุณแขกจะเป็นประเภทไม้ต่างประเทศ ซึ่งคุณแขกจะเพาะพันธุ์เองเป็นหลัก โดยวิธีก็คือการเพาะเมล็ดและปักชำ และในบางเดือนที่ไม่สามารถเพาะเมล็ดได้จะสั่งเมล็ดมาเพาะพันธุ์มาปลูก โดยพื้นที่ 30 ไร่ จะแยกเป็น 2 สวน ซึ่งที่แรกก็จะเป็นบริเวณติดแหล่งน้ำธรรมชาติ เป็นตำแหน่งที่ดี มีค่า pH เหมาะสมกับการปลูกพืช ส่วนอีกที่ไม่มีแหล่งน้ำตามธรรมชาติ จะใช้วิธีการเจาะน้ำบาดาล ซึ่งโดยปกติน้ำบาดาลส่วนมากจะมีค่า pH เป็นด่าง แต่ด้วยความโชคดีที่สวนแห่งนี้ได้น้ำบาดาลที่มีคุณภาพ
ส่วนวิธีการจัดการแมลง ทางสวนของคุณแขกจะใช้วิธีการปลูกแบบออร์แกนิก เมื่อพบการเกิดโรคจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ วิธีแก้ไขคือต้องเริ่มต้นจากการเตรียมดิน ใส่ปุ๋ย และเลือกพันธุ์ที่เหมาะสม แข็งแรง สามารถต้านทานโรคได้ ให้ดอกสวยงามมาปลูก
เนื่องจากการปลูกพืชแบบออร์แกนิกในตอนนี้ยังไม่มีสารชีวภัณฑ์ที่สามารถแก้ไขโรคได้ ถ้าหากพืชในสวนของคุณแขกเกิดเป็นโรคขึ้นมา วิธีแก้ปัญหาก็คือการไถทิ้งแล้วปลูกใหม่ หลังจากนั้นจะต้องไปพูดคุยกับลูกค้าที่มาสั่งซื้อ และทำการแนะนำพืชชนิดอื่นๆ ที่มีอยู่ในสวนที่มีสี และคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกันมาทดแทน ซึ่งระยะเวลาในการปลูกพืชแต่ละชนิดจะมีเวลาไม่เท่ากัน โดยเฉลี่ยแล้วกว่าพืชจะโตและสามารถขายได้จะอยู่ที่ไม่เกิน 3-4 เดือน
ดอกไม้กินได้การขนส่งสะดวก
ลูกค้าอยู่ไกลก็สามารถซื้อได้
การขนส่งสินค้าที่สวนของคุณแขกจะส่งวันต่อวัน เมื่อได้รับออร์เดอร์มาภายในวันนี้ ไม่เกินพรุ่งนี้จะส่งดอกไม้ทันที โดยขนส่งที่ฟาร์มคุณแขกใช้ก็จะเป็นไปรษณีย์ไทย ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน โดยจะมีการแพ็กอย่างดี หรือบางครั้งอาจจะมีออร์เดอร์ที่เสียหายแต่ก็น้อยมาก ซึ่งการแพ็กตัวสินค้าก่อนส่งของคุณแขกจะแพ็กเป็นกล่องโฟม ใส่เจลเย็น และมีระบบกันกระแทก เพื่อไม่ให้ดอกไม้ได้รับความเสียหายระหว่างการขนส่ง
ซึ่งราคาค่าส่งจะขึ้นอยู่กับขนาดของกล่องโฟม และราคาดอกไม้ก็ไม่เท่ากัน อย่างดอกไม้ราคาแพงหรือถูกนั้นขึ้นอยู่กับความยากของการปลูก หากลูกค้าต้องการที่จะรับแบบคละชนิดจะเลือกสีเลือกดอกตัดส่งขายให้ โดยราคาอยู่ที่กล่องละ 200 บาท ซึ่ง 1 กล่องจะได้ดอกไม้ไม่ต่ำกว่า 100 ดอก เนื่องจากจำเป็นที่จะต้องแพ็กใส่กล่องเลย จะใส่ให้ลูกค้าแบบแน่นๆ จนบางครั้งไม่ได้นับมีจำนวนที่แน่นอน ส่วนใหญ่จะมีแถมให้ลูกค้า
โดยรายได้ต่อวันจะไม่เท่ากัน เฉลี่ยจะได้ประมาณ 70 กล่อง ตีเป็นรายได้โดยประมาณอยู่ที่วันละ 7,000 บาท ปัจจุบันทางฟาร์มมีการขายแบบขายส่งอีกด้วย ซึ่งกลุ่มลูกค้ากลุ่มขายส่งก็จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มารับไปเพื่อนำไปขายเป็นแบรนด์ของตัวเองอีกที
หากสนใจอยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือติดตามกิจกรรมจากทางสวนสามารถเข้าไปติดตามได้ที่เพจเฟซบุ๊ก “Morganic Farm” หรือหมายเลขโทรศัพท์ 097-918-3276