เผยแพร่ |
---|
เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ แจงผลงานรอบปี 2567 สามารถฟื้นฟูเกษตร และแก้ไขปัญหาหนี้สินให้เกษตรกรได้ตามเป้าหมายที่มีการจัดสรรงบประมาณให้ พร้อมเดินหน้าสานต่อภารกิจในปีหน้าอย่างเต็มที่
นายสไกร พิมพ์บึง เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในรอบปี 2567 ในการฟื้นฟูอาชีพ พัฒนาองค์ความรู้เกษตรกร และแก้ปัญหาหนี้ให้เกษตรกรสมาชิกว่า ภารกิจด้านการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ได้เน้นสนับสนุนและให้ความรู้ด้านเกษตร หรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มรายได้ให้องค์กรเกษตรกร และเกษตรกรทั่วประเทศ ดังนั้น จึงมีการจัดสรรงบประมาณในส่วนนี้กว่า 190 ล้านบาท จากงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรทั้งหมดในปีนี้ จำนวน 1,191,798,851 บาท เพื่อให้เกษตรกรที่เป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ กว่า 5 ล้านคน ได้มีศักยภาพในการหารายได้ และสร้างความมั่นคงในอาชีพเกษตร
ส่วนภารกิจการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้เกษตรกร งบประมาณในปีนี้กว่า 295 ล้านบาท โดยเป็นการชำระหนี้แทนเกษตรกรที่เป็นหนี้กับสถาบันการเงินต่างๆ และซื้อทรัพย์ที่ถูกขายทอดตลาดคืนให้เกษตรกร เพื่อให้เกษตรกรได้มาผ่อนชำระหนี้กับกองทุนฟื้นฟูฯ โดยไม่เสียดอกเบี้ย และสามารถรักษาที่ดินทำกินไว้ให้ลูกหลานต่อไป ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลากว่า 25 ปี ในการก่อตั้งกองทุนฟื้นฟูฯ มีการซื้อหนี้ หรือชำระหนี้แทนเกษตรกรแล้วกว่า 3.2 หมื่นราย เป็นเงินมากกว่า 9.1 พันล้านบาท สามารถรักษาที่ดินทำกินให้เกษตรกร กว่า 1.77 แสนไร่
เลขาธิการ กฟก. กล่าวอีกว่า สำหรับในปีหน้า 2568 ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนเพื่อพัฒนาและดูแลปัญหาหนี้สินให้เกษตรกรทั่วประเทศต่อไป ภายใต้คณะกรรมการ 3 ชุด ประกอบด้วย คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ที่มี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน คณะกรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร มี นายกุญชร สุธรรมวิจิตร รองประธานกรรมการบริหารฯ ทำหน้าที่เป็นประธาน และคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร มี นายจารึก บุญพิมพ์ เป็นประธาน โดย กฟก. มีสำนักงานสาขาทั้ง 77 จังหวัด เพื่อให้บริการแก่องค์กรเกษตรกรและสมาชิกในพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเกษตรกรที่มีปัญหาหนี้สิน หรือต้องการความช่วยเหลือด้านเกษตร สามารถติดต่อสอบถามได้ที่โทรศัพท์ 02-158-0342 ในวันและเวลาราชการ หรือติดต่อได้ที่สำนักงานสาขาจังหวัด ได้ทั้ง 77 จังหวัด