ตรังแนะปลูก “กระเจี๊ยบแดงพันธุ์ม่วงจัมโบ้” ดอกใหญ่ เนื้อเยอะ เก็บเกี่ยวไว ขายราคาสูงกว่าพันธุ์ทั่วไป 2 เท่า เฉลี่ย กก. ละ 40-60 บาท

ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จังหวัดตรัง หนุนเกษตรกรใช้พื้นที่ว่างปลูกกระเจี๊ยบแดงพันธุ์กำแพงแสน ม่วงจัมโบ้ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ ได้ดอกใหญ่ เนื้อเยอะ เก็บเกี่ยวเร็ว แถมมีสรรพคุณสูง ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดัน ไขมันในเลือดสูงควรถามหา แถมขายได้ราคาดีกว่ากระเจี๊ยบทั่วไป

เมื่อเร็วๆ นี้ นางวรรณา พรหมบุญทอง ผู้อำนวยการศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จังหวัดตรัง ได้พานักท่องเที่ยวและเกษตรกรเยี่ยมชมแปลงเพาะปลูกกระเจี๊ยบแดง สายพันธุ์กำแพงแสน ม่วงจัมโบ้ ที่มีดอกสีแดงเข้มอมม่วง มีลำต้นเตี้ย แข็งแรง กลีบเลี้ยงหนา ยาว ใหญ่ มีปริมาณเนื้อเยอะ ให้ผลผลิตสูง ปลูกง่าย เก็บเกี่ยวผลผลิตได้เร็ว จำหน่ายได้ราคาดีกว่ากระเจี๊ยบทั่วไปถึง 2 เท่า

ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 ได้นำกระเจี๊ยบแดงสายพันธุ์ดังกล่าวมาปลูกกว่า 3,000 ต้น ในแปลงสาธิต เนื้อที่ 3 ไร่ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ใช้เวลาปลูกดูแลประมาณ 130-150 วัน ก็สามารถเก็บดอกกระเจี๊ยบมาทำน้ำดื่มสมุนไพร แยม และชากระเจี๊ยบได้ ส่วนเมล็ดพันธุ์ นำมาแจกฟรีให้กับเกษตรกรผู้ที่สนใจนำไปปลูกขยายพันธุ์ในครัวเรือนและปลูกเพื่อจำหน่ายผลสดต่อไป

กระเจี๊ยบแดง สายพันธุ์กำแพงแสน ม่วงจัมโบ้ มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน ดอกมีสีแดงเข้มกว่ากระเจี๊ยบสายพันธุ์พื้นบ้าน สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน โดยใบ ยอดอ่อนนำไปปรุงอาหารได้ ส่วนดอกหรือกลีบเลี้ยงสามารถนำมาต้มเป็นเครื่องดื่มดับกระหาย ส่วนกากกระเจี๊ยบที่เหลือสามารถนำไปทำเป็นแยมกระเจ๊ยบรับประทานกับขนมปังก็ได้รสชาติอร่อยเช่นกัน หรือนำไปทำกระเจี๊ยบอบแห้ง สามารถเก็บไว้ใช้งานได้นานนับปี

จุดเด่นของกระเจี๊ยบแดงคือ มีสรรพคุณทางยาสูง มีทั้งสารแอนโทไซยานินสูง มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ ลดภาวะเสี่ยงโรคหัวใจ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดการเกิดไขมันอุดตันในหลอดเลือด ช่วยยับยั้งการเกิดเนื้องอก หรือช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้ กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดได้ดีขึ้น

Advertisement

ด้วยสรรพคุณดังกล่าว ทำให้กระเจี๊ยบแดงพันธุ์นี้ เป็นที่ต้องการของตลาดสูง แต่ปัจจุบันยังมีเกษตรกรปลูกน้อย ราคาซื้อขายกระเจี๊ยบแดงทั่วไปอยู่ที่กิโลกรัมละ 20-30 บาท ขณะที่กระเจี๊ยบแดงม่วงจัมโบ้ขายได้ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 40-60 บาท ส่วนใหญ่นำมาแปรรูปเป็นน้ำสมุนไพรขายตามร้านอาหารและโรงแรมต่างๆ โดยมียอดสั่งซื้อจำนวนมากจากภาคเหนือ ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จังหวัดตรัง จึงแนะเกษตรกรที่เข้ามาศึกษาดูงาน นำเมล็ดพันธุ์กระเจี๊ยบแดงม่วงจัมโบ้นำไปปลูกเพื่อสร้างรายได้ โดยปลูกลงดินหรือปลูกในกระถางก็ได้

Advertisement

นางวรรณา พรหมบุญทอง ผู้อำนวยการศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จังหวัดตรัง กล่าวว่า ทางศูนย์ได้นำกระเจี๊ยบแดงม่วงจัมโบ้มาปลูกเป็นแปลงสาธิตให้เกษตรกรเข้ามาศึกษาเรียนรู้วิธีการปลูกตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม และให้ผลผลิตในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ข้อดีของกระเจี๊ยบแดงม่วงจัมโบ้คือ มีกลีบเลี้ยงที่หนา ยาว และให้ผลผลิตที่รวดเร็ว มีดอกใหญ่ ได้น้ำหนักเยอะ จึงส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกดอกกระเจี๊ยบขายเพื่อนำไปผลิตน้ำสมุนไพรหรือทำแยมกระเจี๊ยบ กระเจี๊ยบแดงม่วงจัมโบ้มีสารแอนโทไซยานินสูง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยในการยับยั้งการเกิดเซลส์มะเร็ง มีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ทำน้ำดื่มชุ่มคอ ลดเสมหะ ลดความดัน ลดไขมันในเส้นเลือดได้