เผยแพร่ |
---|
การปลูกต้นไม้ไม่ได้ช่วยแค่ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยลดภาษีที่ดินได้อีกด้วย ตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 หากคุณปลูกต้นไม้ในพื้นที่ของคุณและดำเนินการใช้ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม คุณอาจได้รับการลดหย่อนภาษีหรือยกเว้นภาษีในบางกรณี แต่คำถามสำคัญ คือ ปลูกแค่ไหนเข้าเกณฑ์ ต้องจ่ายภาษีที่ดิน
รู้หรือไม่ว่า การทำการเกษตรที่จะเข้าเกณฑ์ว่าเป็น ‘การใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม’ ที่แท้จริงไม่ใช่การแอบอ้างเป็นเกษตรกรรมเพื่อลดภาษี จะต้องมีการปลูกพืชตามที่กฎหมายกำหนดสัดส่วนเอาไว้ว่าปลูกจำนวนเท่าไหร่
ยกตัวอย่างเช่น มะนาว 50 ต้นต่อไร่ มะม่วง 20 ต้นต่อไร่ กลุ่มส้ม กำหนดให้ปลูก 45 ต้นต่อไร่ หรือกล้วย 200 ต้นต่อไร่ กาแฟแล้วแต่สายพันธุ์ จะอยู่ที่ระหว่าง 170 ต้น สำหรับโรบัสต้าและ 400 ต้น สำหรับอราบิก้า และยางพาราอยู่ที่ 80 ต้นต่อไร่
ซึ่งจะต้องทำการเกษตรให้ได้ในอัตราขั้นต่ำตามที่กำหนดไว้จึงจะถือว่าเป็นการใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม
ส่วนพืชที่ไม่ปรากฏรายชื่อตามบัญชีแนบท้ายนี้ให้ใช้อัตราขั้นต่ำของการประกอบการเกษตรต่อไร่ โดยเทียบเคียงจากชนิดพืชที่มีลักษณะใกล้เคียงกันที่สุด หยุดกรณีที่ไม่สามารถจะเทียบเคียงชนิดพืชที่ใกล้เคียงกันได้ก็ให้พิจารณาตามลักษณะการประกอบการเกษตรในแต่ละท้องถิ่น
สำหรับอัตราภาษีที่ดินที่กำหนด สำหรับการประกอบเกษตรกรรม ตามมูลค่าที่ดิน มีดังนี้
• 0-75 ล้านบาท เสียภาษีในอัตรา 0.01% หรือคิดเป็นล้านละ 100 บาท
• 75-100 ล้านบาท เสียภาษีในอัตรา 0.03% หรือคิดเป็นล้านละ 300 บาท
• 100-500 ล้านบาท เสียภาษีในอัตรา 0.05% หรือคิดเป็นล้านละ 500 บาท
• 500-1,000 ล้านบาท เสียภาษีในอัตรา 0.07% หรือคิดเป็นล้านละ 700 บาท
• 1,000 ล้านบาทขึ้นไป เสียภาษีในอัตรา 0.1% หรือคิดเป็นล้านละ 1,000 บาท
แต่หากไม่สามารถปลูกได้ตามอัตราส่วนที่กำหนดไว้ ก็เท่ากับเป็นเจ้าของที่ดินรกร้างว่างเปล่าไม่ได้ใช้ประโยชน์ จะต้องเสียภาษีในอัตราตามเรตราคาที่ดิน ดังนี้
• 0-50 ล้านบาท เสียภาษีในอัตรา 0.3% หรือคิดเป็นล้านละ 3,000 บาท
• 50-200 ล้านบาท เสียภาษีในอัตรา 0.4% หรือคิดเป็นล้านละ 4,000 บาท
• 200-1,000 ล้านบาท เสียภาษีในอัตรา 0.5% หรือคิดเป็นล้านละ 5,000 บาท
• 1,000-5,000 ล้านบาท เสียภาษีในอัตรา 0.6% หรือคิดเป็นล้านละ 6,000 บาท
• 5,000 ล้านบาทขึ้นไป เสียภาษีในอัตรา 0.7% หรือคิดเป็นล้านละ 7,000 บาท
เมื่อเห็นถึงความแตกต่างขนาดนี้ จากนี้เชื่อว่าคงมีหลายคนที่หันไปปลูกพืชเพื่อใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นแน่
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.prachachat.net/economy/news-1369268