แบรนด์แรกในประเทศไทย!  มันสำปะหลังกับปุ๋ยนวัตกรรมใหม่เทคโนโลยีสุดล้ำจากญี่ปุ่น

มันสำปะหลังเป็นพืชหัวที่ปลูกได้ง่ายและไม่ซับซ้อน แต่การเพิ่มน้ำหนักและปริมาณแป้งของมันสำปะหลังให้ได้ตามมาตรฐานและความต้องการของตลาดยังคงเป็นความท้าทายสำหรับเกษตรกรผู้ปลูก ซึ่งจะมาพร้อมกับคำถามที่ว่าถ้าอยากปลูกมันสำปะหลังให้หัวใหญ่ น้ำหนักดี เปอร์เซ็นต์แป้งสูงนั้นต้องทำอย่างไร?

คุณพรพิมล ใต้อุดม เกษตรกรจากจังหวัดนครราชสีมา
คุณพรพิมล ใต้อุดม เกษตรกรจากจังหวัดนครราชสีมา

วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านจะพาทุกท่านไปล้วงเคล็ดลับของ คุณพรพิมล ใต้อุดม เกษตรกรจากจังหวัดนครราชสีมาที่คลุกคลีกับมันสำปะหลังมานานกว่า 20 ปี บนพื้นที่ 142 ไร่ โดยแบ่งปลูกมันสำปะหลัง 74 ไร่ และที่เหลือปลูกอ้อย  คุณพรพิมลประสบความสำเร็จในการปลูกมันสำปะหลังด้วยเทคนิค ดินดี น้ำดี ปุ๋ยดี และการจัดการที่เหมาะสม รวมไปถึงดูแลกำจัดวัชพืชให้ดี ไม่ปล่อยให้รกเกินไปก็จะช่วยให้มันสำปะหลังที่มีคุณภาพ และได้จำนวนผลผลิตต่อไร่ในปริมาณที่สูงตามไปด้วย นอกจากนี้ คุณพรพิมลยังมีเคล็ดลับในการใส่ปุ๋ยที่ใส่เพียงแค่ครั้งเดียว รอเก็บเกี่ยวได้เลย ช่วยลดต้นทุนการปลูกได้มากถึงไร่ละ 1,000 บาท เรียกได้ว่า ถุงเดียวคุ้ม 

ตามไปดูเคล็ดลับการปลูกมันสำปะหลังของ “คุณพรพิมล ใต้อุดม” ว่ามีวิธีการปลูกอย่างไร ให้ได้มันสำปะหลังหัวใหญ่ น้ำหนักดี เปอร์เซ็นต์แป้งสูง ได้ผลผลิตถึง 5 ตันต่อไร่ ตามไปดูกันได้เลย

เริ่มต้นความสำเร็จด้วยด้วยการเตรียมแปลง 

เตรียมแปลงดี ใส่ปุ๋ยดี ผลผลิตดีตาม

Advertisement

การปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่เดิมติดต่อกันหลายปีอาจทำให้ดินเสื่อมสภาพได้ จึงต้องมีการบำรุงดินอย่างเหมาะสม โดยแนะนำให้ใส่ ปุ๋ยอินทรีย์หรือขี้ไก่ ช่วยฟื้นฟูสภาพดิน เพิ่มประสิทธิภาพการดูดใช้ธาตุอาหารในดิน เพิ่มผลผลิต และเสริมภูมิต้านทานโรค หากเตรียมดินดี จะช่วยให้ผลผลิตดีตาม 

Advertisement

จากนั้นทำการไถทั้งหมด 4 ครั้ง เริ่มจากไถผาน 3 เพื่อเป็นการพลิกหน้าดินและย่อยดินให้ร่วมซุย จำนวน 1 ครั้ง ต่อด้วยไถผาน 6 จำนวน 3 ครั้ง เพื่อย่อยให้ดินละเอียดอีกครั้ง ในขั้นตอนสุดท้าย คุณพรพิมลจะทำการยกร่องปลูก เว้นระยะห่างระหว่างร่อง 1.20 เมตร และระหว่างต้น 50 เซนติเมตร พร้อมกับรองพื้นด้วยปุ๋ย ซอยล์เมต CRF สูตร 18-6-28 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ เพื่อเพิ่มธาตุอาหารในดิน และช่วยให้รากมันสำปะหลังแข็งแรง แตกตัวได้ดี

การให้น้ำมันสำปะหลังจะอาศัยน้ำฝนจากธรรมชาติเป็นหลัก หากมันสำปะหลังได้รับน้ำอย่างสม่ำเสมอก็ช่วยให้ได้ผลผลิตดีเช่นกัน 

คัดเลือก “สายพันธุ์ดี” 

ทนโรค ดูแลง่าย ได้ผลผลิตดี

สำหรับการเลือกสายพันธุ์มันสำปะหลังปลูกในพื้นที่นั้น คุณพรพิมล จะทำการคัดท่อนพันธุ์ที่ให้เปอร์เซ็นต์การงอกและการรอดสูง การเลือกท่อนพันธุ์จะดูที่ความสมบูรณ์ โดยสังเกตจากท่อนพันธุ์ที่ปลายแห้งและตาถี่ เพราะจะมีโอกาสรอดสูง 

 โดยสายพันธุ์มันสำปะหลังที่ปลูกในไร่ตอนนี้ ได้แก่ พวงเพชร, เกษตรศาสตร์ 50, ห้วยบ้ง 60, และสายพันธุ์ 81 ซึ่งในปัจจุบันสายพันธุ์ พวงเพชร กำลังได้รับความนิยม เพราะหัวดก ใบคลุมดินได้ดี นอกจากนี้ เปอร์เซ็นต์แป้งยังสูงถึง 25% หากเก็บเกี่ยวในช่วง 7-8 เดือนขึ้นไป ถือเป็นสายพันธุ์ที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องผลผลิตและคุณภาพ

จ่ายจบรอรับเงิน นวัตกรรมเจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทยตอนนี้

ที่ใส่ปุ๋ยครั้งเดียวแต่เทียบเท่าการใส่ปุ๋ยแบบธรรมดาหลายรอบ

คุณพรพิมล ให้ความสำคัญในเรื่องของการบำรุง โดยจะเน้นใช้ปุ๋ยซอยล์เมต CRF สูตร 18-6-28 ที่ใส่แค่ครั้งเดียวจบ เพราะมีทั้งปุ๋ยรองพื้นและปุ๋ยหัว ใส่ครั้งเดียวก็ใช้ได้ตลอดจนถึงวันเก็บเกี่ยว ช่วยประหยัดทั้งต้นทุนและเวลา อีกทั้งยังปลดปล่อยธาตุอาหารได้นานถึง 9 เดือน ทำให้มันสำปะหลังหัวใหญ่ ดก เปอร์เซ็นต์แป้งดี นอกจากการใส่ปุ๋ยซอยล์เมตแล้ว คุณพรพิมลยังฉีดปุ๋ยเสริมเพิ่มขึ้นอีก โดยใช้ ปุ๋ยเกล็ด 0-0-60 ทางใบ เพื่อบำรุงต้นให้สมบูรณ์ จากนั้นรอจนมันสำปะหลังได้อายุ 9 เดือน จึงทำการเก็บเกี่ยวได้ทันที

นอกจากนี้ คุณพรพิมลได้บอกเล่าประสบการณ์และความประทับใจที่มีต่อปุ๋ยซอยล์เมต “เป็นปุ๋ยตัวใหม่ที่ใช้แค่ครั้งเดียวจบเลย พี่เรียกว่า ‘ปุ๋ยตลอดชีพ’ ที่ใส่ครั้งเดียวอยู่ได้ถึง 9 เดือน ปุ๋ยนี้จะทำหน้าที่ในแต่ละขั้นตอนต่างกัน โดยไม่ใช่แค่ละลายทีเดียวแล้วหมดไป ตัวที่ละลายช้าจะค่อยๆ ละลายและปลดปล่อยธาตุอาหารให้พืชตามความต้องการ ทั้งปุ๋ยรองพื้นและปุ๋ยหัวพร้อมใช้งานในครั้งเดียว พอได้ใช้แล้วรู้สึกว่าได้ผลดีมากเลย เพราะปกติถ้าใส่ปุ๋ยแบบอื่นต้องจ้างคนงานไปใส่ถึง 2 รอบ ซึ่งก็เพิ่มต้นทุนไปอีก แต่ถ้าใช้ปุ๋ยตัวนี้ใส่ครั้งเดียวตอนยกร่องปลูกเลย ไม่ต้องจ้างคนงานเพิ่ม ทำให้ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย”

ถือว่าช่วยลดต้นทุนการปลูกได้ถึงไร่ละ 1,000 บาท หากนำมาคำนวณโดยเฉลี่ยแล้วจะเห็นว่าแพงกว่าปุ๋ยทั่วไปเล็กน้อย โดยราคากระสอบหนึ่งอยู่ที่ 1,838 บาท แต่ต้องใช้ปุ๋ย 2 รอบ ราคาต่อรอบประมาณ 700-800 บาท รวมทั้งค่าแรงและค่าน้ำมันรถ ค่าแรงสำหรับ 10 ไร่ต้องใช้คนงาน 2 คน ราคา 600 บาท ทำให้ต้นทุนรวมสูงขึ้น แต่การใช้ปุ๋ยตัวนี้ช่วยให้ประหยัดเวลาและแรงงานได้มาก

แม้ว่าจะทำไร่ปลูกมันสำปะหลังมาหลายปี แต่ก่อนที่ไม่ได้ใช้ ปุ๋ยซอยล์เมตสูตรนี้ ต้นมันไม่เหมือนกันเลย แตกต่างชัดเจน ถ้าไม่ใช้ปุ๋ยซอยล์เมต ผลผลิตจะอยู่ที่ประมาณไร่ละ 3 ตัน ไม่เกินนี้ แต่ถ้าใช้ปุ๋ยซอยล์เมต ต้นมันจะสูง หัวดี และอ้อมกอดีตั้งแต่ต้นจนถึงใบ คนงานบอกว่าได้ประมาณ 5 ตันขึ้นไป รู้สึกภูมิใจกับผลผลิตที่ได้มาก

จากการลองผิดลองถูกจนค้นพบสูตรสำเร็จ คุณพรพิมล ใต้อุดม กล่าวว่า นอกจากการใส่ใจในรายละเอียดแล้ว การเลือกใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยก็สำคัญ ปุ๋ยต้องมีคุณภาพและบำรุงให้ตรงจุด ซึ่งจะช่วยให้มันสำปะหลังได้หัวใหญ่ น้ำหนักดี และมีเปอร์เซ็นต์แป้งสูง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ตลาดต้องการอย่างแน่นอน

สนใจปุ๋ยซอยล์เมตทักหาได้เลย💥

💦 Facebook : ปุ๋ยซอยล์เมต Soil Mate – ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยเคมี หรือ https://m.me/SoilmateTH

💚 Line : https://lin.ee/LGiZ8Bi หรือ @Soilmate

📞 : 097-320-5970

🌐 : www.soilmate.co.th

#ปุ๋ยซอยล์เมต #SoilMate #เป๊ะทุกถุง #แรงทุกเม็ด #ปุ๋ยที่มืออาชีพการันตี #ปุ๋ยอ้อย