ผู้เขียน | สุรเดช สดคมขำ |
---|---|
เผยแพร่ |
ในยุคปัจจุบันพื้นที่การเกษตรถูกจำกัด ทั้งจากการขยายตัวของชุมชนเมืองและความต้องการใช้ที่ดินในด้านอื่นๆ การปรับตัวของเกษตรกรจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่อาจมองข้าม โดยเฉพาะการใช้พื้นที่ขนาดเล็กให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงกลายเป็นหัวใจของการทำเกษตรกรรมสมัยใหม่ หนึ่งในวิธีการที่ตอบสนองต่อสถานการณ์นี้ได้อย่างดีคือ “การเลี้ยงปลาในระบบพื้นที่น้อย”

ถือเป็นการผสานการจัดการที่มีประสิทธิภาพเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพสูง ทั้งยังช่วยลดต้นทุนและส่งเสริมความยั่งยืนของทรัพยากร การเลี้ยงปลาในลักษณะนี้จึงเป็นคำตอบที่เหมาะสม สำหรับเกษตรกรรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างรายได้อย่างคุ้มค่าในพื้นที่จำกัดให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ
คุณน้ำมนต์-ธีรเวชช์ ยิ้มแดง ได้เล็งเห็นความสำคัญของการใช้พื้นที่ให้เกิดมูลค่าสูงสุด จึงได้สร้างบ่อผ้าใบขนาด 3 x 6 เมตร เเละถังจุน้ำได้ 1,000 ลิตร ในการเลี้ยงปลาดุกในระบบหนาแน่น โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยมีตั้งแต่ระบบถังกรองน้ำ ระบบจุลินทรีย์ ปลาดุกที่เลี้ยงในระบบนี้จะไม่มีกลิ่นโคลนและไม่มีกลิ่นสาบในเนื้อปลา

เลือกเลี้ยงปลาดุก ในระบบหนาแน่น
เพื่อให้เข้ากับพื้นที่บริเวณรอบบ้าน
คุณน้ำมนต์ เล่าให้ฟังว่า มีความชื่นชอบในการทำเกษตรมาตั้งแต่เด็ก เมื่อโตขึ้นบริบทสังคมเกษตรทำได้ยากขึ้น เพราะการขยายตัวของเมืองและชุมชม และพื้นที่รอบบ้านมีอยู่อย่างจำกัด คุณน้ำมนต์จึงได้คิดหาวิธีในการทำเกษตรให้มีมูลค่าคุ้มทุนในการที่จะพัฒนาองค์ความรู้ต่างๆ เพื่อให้พื้นที่เล็กๆ รอบบ้านมีมูลค่าที่สูง
เริ่มแรกคุณน้ำมนต์ปลูกผักสวนครัว แต่พบปัญหาในเรื่องของพืชผักได้รับแสงแดดได้ไม่เพียงพอ เพราะในพื้นที่มีทั้งเงาบ้านและต้นไม้ใหญ่ จึงได้เลือกทำเกษตรในรูปแบบอื่นและใช้ความชอบมาช่วยตัดสินใจคือการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และเลือกเลี้ยงปลาดุกเพื่อสร้างรายได้

“ผมมองว่าปลาดุกมันตอบโจทย์ เนื่องจากเลี้ยงในความหนาแน่นสูงได้ ปลาดุกเป็นแหล่งโปรตีนสามารถเข้าถึงได้ตั้งแต่ทุกเพศทุกวัย แล้วก็มีคุณค่าทางอาหารค่อนข้างสูง ถ้าผมจะเลี้ยงก็ต้องทำให้เกิดมูลค่าเพิ่ม ได้จัดวางโซนพื้นที่บ่อหลัก บ่อย่อยบ่อลอง มีระบบถังกรองน้ำ ระบบจุลินทรีย์ และเสริมด้วยสิ่งต่างๆ โดยรวมก็เลยทำให้การจัดสรรพื้นที่ค่อนข้างที่จะเกิดประโยชน์สูง”
ทำบ่อและใช้ถังเลี้ยงปลาดุก
ในพื้นที่ 1 งาน สร้างรายได้
ในยุคที่พื้นที่การเกษตรมีจำกัด การใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าและสร้างรายได้กลายเป็นเป้าหมายสำคัญของเกษตรกรสมัยใหม่ คุณน้ำมนต์ บอกว่า พื้นที่เพียง 1 งาน หากมีการวางแผนและจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ การเลี้ยงปลาดุกสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงและต่อเนื่อง โดยหลังจากที่จับปลาแต่ละรอบส่งจำหน่ายหมดแล้ว สิ่งแรกที่ทำก่อนที่จะนำปลาชุดใหม่เข้ามาเลี้ยงคือการฆ่าเชื้อพื้นบ่อ ล้างทำความสะอาดบ่อให้หมด

จากนั้นทำการเตรียมน้ำตามขบวนการเลี้ยงปลาตามที่กำหนด พร้อมกับพักน้ำไว้ประมาณ 3-4 คืน แล้วทำระบบจุลินทรีย์ขึ้นมา ทำถังกรองสร้างระบบออกซิเจน เพื่อให้ทุกอย่างเข้าที่และทิ้งไว้อีกประมาณ 1-2 อาทิตย์ เพื่อให้กระบวนการทางธรรมชาติเซ็ตตัว แล้วจึงจะนำปลามาปล่อยลงในบ่อ

“บ่อที่ผมใช้เลี้ยงปลาจะมีบ่อผ้าใบขนาด 3×6 เมตร ความลึกอยู่ที่ 1-1.2 เมตร ตั้งต้นเราจะใส่น้ำอยู่ที่ 35 เซนติเมตร โดยบ่อนี้ตั้งต้นผมปล่อยปลาไปที่ 20,000 ตัว ถ้าเป็นถัง 1,000 ลิตร ถ้าอยากได้ปลาไซซ์ใหญ่ขนาด 5-6 ตัวโล จะปล่อยเลี้ยงที่ 500 ตัว แล้วทยอยตักออกเดือนละ 1 ครั้ง 2 ครั้ง เพราะว่ามันจะมีตัวที่โตใหญ่กว่าเพื่อน ในลำดับต่อไปเรื่อยๆ จนครบเดือนที่ 3 ที่ 4 ก็จะได้ปลาที่ไซซ์ใหญ่เสมอกันไปเรื่อยๆ ครับ”
เลี้ยงปลาด้วยอาหารสำเร็จรูป
อัตราการแลกเนื้อดี 4 เดือนจับขายได้
สำหรับการให้อาหารเลี้ยงปลาภายในบ่อนนั้น คุณน้ำมนต์ เล่าว่า โดยปกติแล้วการเลี้ยงปลาในระบบหนาแน่น ถ้าเราอยากให้ปลาโตเร็ว การถ่ายน้ำเป็นโปรแกรมปลาจะกินอาหารได้ดี ปลาจะโตตามอาหารที่เลี้ยง การพยายามให้ปลากินอาหารให้ได้ปลาก็จะโตตามอาหารที่เลี้ยง
เริ่มแรกหลังจากที่ปล่อยลูกปลาดุกไซซ์ 3-4 นิ้ว วันแรกคุณน้ำมนต์จะยังไม่ให้กินอาหาร และเมื่อเข้าสู่วันที่ 2 จะให้อาหาร 4 มื้อ มื้อแรกช่วงประมาณ 6 โมง 10 โมง บ่าย 2 และก็ 5 โมงครึ่ง วนอย่างนี้ไปประมาณ 15 วัน

จากนั้นจะขยับโปรตีนลงเหลือประมาณ 35% ให้กิน 4 มื้อเหมือนเดิมเวลาเดิม พอครบ 1 เดือน จะค่อยๆ ลดโปรตีนลงมาเหลือ 32% ให้เป็นอาหารปลาดุกเม็ดเล็ก จะให้กินวันละ 3-4 มื้อ พอการเลี้ยงเข้าสู่ 2 เดือนครึ่ง จะลดโปรตีนลงมาเหลือ 28% ให้กินวันละ 2-3 มื้อ พอเข้าสู่การเลี้ยงเดือนที่ 3 เราจะเหลือ 1-2 มื้อ ถ้าเห็นว่าปลากินได้ดีจะปล่อยให้กินวันละ 1 มื้อจนจบการเลี้ยงใน 1 รอบ
ปลาดุกทรงดี เนื้อสะอาด
ไม่มีกลิ่นโคลน ขายได้ราคา
สำหรับการทำตลาดเพื่อจำหน่ายปลาดุกที่เลี้ยง คุณน้ำมนต์ เล่าว่า ช่วงแรกได้ศึกษาการเลี้ยงปลาเพื่อทำการแปรรูปขายเอง โดยเฉพาะการทำปลาดุกแดดเดียว เพราะปลาที่เลี้ยงจะสามารถควบคุมคุณภาพได้ เพราะปลาที่เลี้ยงในระบบนี้ จะไม่มีกลิ่นสาบโคลน และก็ไม่มีกลิ่นสาบในเนื้อ และความคาวต่ำ
จากนั้นมีลูกค้าเข้ามาแบ่งซื้อจึงได้ค่อยๆ แบ่งตักขายให้กับพ่อค้าแม่ค้า หรือว่าตามร้านอาหารที่เขาสนใจในปลาดุกที่มีคุณภาพ ถือว่าได้ผลตอบรับที่ดี จึงทยอยตักขายไปเรื่อยๆ ไม่ได้ขายแบบยกบ่อ
“สาเหตุที่เลี้ยงแบบนี้ ราคาขายเราไม่ขายแบบยกบ่อ แต่เราจะขายเป็นราคาปลีก และปลาก็ค่อนข้างมีคุณภาพ ปลาดุกที่ขายอยู่หน้าฟาร์ม กิโลกรัมละ 80-85 บาทครับ แล้วแต่ว่าราคาส่ง ขึ้นอยู่กับพ่อค้าแม่ค้าจำนวนที่เขามารับในแต่ละวัน”

เกษตรพื้นที่น้อย เทรนด์มาเเรง
ถ้ามีการจัดการที่ดี มีรายได้ไม่ยาก
จากความสำเร็จที่เกิดขึ้น คุณน้ำมนต์ บอกว่า ขนาดพื้นที่ 1 งานที่เขาทำเกษตรอยู่รอบบ้านอยู่ในขณะนี้ หัวใจหลักของการทำเกษตรพื้นที่น้อยก็คือ ต้องจัดสรรพื้นที่ในแต่ละโซนให้ดี การหมุนเวียนของเสีย การหมุนเวียนน้ำ หมุนเวียนทรัพยากรต่างๆ ต้องมีความสัมพันธ์กัน น้ำจากบ่อหอยบ่อปลาสามารถนำไปรดน้ำผักให้งอกงาม สามารถไปหล่อเลี้ยงต้นไม้อื่นๆ ได้
“ข้อควรระวังของการเลี้ยงสัตว์น้ำหนาแน่นในพื้นที่จำกัด แนะนำว่าโดยพื้นฐานเราจะเลี้ยงอะไรเราควรรู้นิสัยสัตว์น้ำของชนิดนั้นๆ ก่อน รู้ให้ลึกลงไปว่าสิ่งที่เขาอยู่สิ่งที่เขาเป็น สิ่งที่เขาต้องการคืออะไร และการจัดการมันจะตามมาทีหลัง เพราะว่าถ้าหากเราพลาดไปมันคือชีวิตของเขา เราต้องแก้ปัญหา 1 ยังไง เวลาแก้ปัญหาแล้ว การป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาอีกเราต้องทำยังไง”
สำหรับท่านใจที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณน้ำมนต์-ธีรเวชช์ ยิ้มแดง Facebook : มนต์ศิริฟาร์ม หรือ หมายเลขโทรศัพท์ 064-292-6129